Chapter 105 ความในใจของหลิงเอ๋อ.
ภายในหอสมบัติหายากมีชั้นตำราทั้งหมด 15 ชั้น แต่ละชั้นนั้นมีตำรามากมายหลายชนิดอัดแน่นไปหมดจนถึงกับทำให้จงซานตื่นตะลึงไปเลยทีเดียว.
"หลิงเอ๋อ ตำราพวกนี้ ทำไมไม่บันทึกใส่เอาไว้ในแผ่นริ้วหยกอย่างงั้นรึ? บางทีหากว่าบันทึกในแผ่นริ้วหยกแล้วน่าจะทำให้มีจำนวนการเก็บน้อยกว่านี้ไม่ใช่รึ?"จงซานที่ตื่นตะลึงขณะที่อ่านตำราไปกว่าห้าสิบเล่มแล้ว.
เทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองไปยังจงซานด้วยท่าทางงงงวยกับคำถามของเขาเช่นกัน ทว่าเมื่อนางจ้องมองหน้าเขาแล้วใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ.
"แผ่นริ้วหยกอาจจะสามารถบันทึกได้เป็นจำนวนมาก เตี่ยของข้าบอกว่าหากใช้แผ่นริ้วหยกบันทึกข้อมูลเหล่านี้ มันก็ง่ายที่จะสูญหาย ข้อมูลแต่ละอย่างที่มีอยู่ในนั้นเป็นบันทึกลับ อาจจะเกิดความวุ่นวายหากว่ามันหายไป ดังนั้น ทางทีดีการบันทึกลงในตำราจึงเป็นเรื่องดีที่สุด."เทียนหลิงเอ๋อตอบ.
"อืม."จงซานพยักหน้า ขณะที่เขากำลังอ่านข้อมูลต่าง ๆ ในตำรา.
ชั้นวางหนังสือ 15 แห่ง แต่ละแห่งนั้นมีตำรานับพันเล่ม แต่ละเล่มมีรายกายวัตถุดิบมากกว่า 10,000 ชนิด ภายใต้โลกใบนี้มีของวิเศษมากมายขนาดนี้เลยอย่างงั้นรึ?
แน่นอน สิ่งที่จงซานยังไม่เข้าใจนัก ในแต่ละสำนัก ต่างก็มีระดับจัดเก็บชื่อของของวิเศษที่แตกต่างกัน ส่วนสำนักไคหยางน่าจะเป็นอีกสถานที่ที่มีการจัดเก็บเป็นพิเศษ.
จงซานที่ยังคงหยิบตำราออกมาอ่าน ซึ่งตำราเล่มนี้ที่ด้านหน้าปกนั้น.
"บัวหิมะพันปี ของวิเศษระดับสาม มีกลีบดอกที่ค่อนข้างประณีต มักจะเกิดขึ้นที่หุบเขาน้ำแข็ง สามารถนำมาสกัดกลั่นยา..."
ดูเหมือนว่าจะมีการบันทึกเกี่ยวกับบัวหิมะพันปี อย่างละเอียดเลยทีเดียว.
จงซานที่จ้องมองด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ค่อย ๆ อ่านอย่างระมัดระวัง ในเวลาเดียวกัน ร่างแยกเงาของเขาที่ดินแดนปุถุชน ก็กำลังนั่งอยู่บนโต๊ะอักษร ปากที่บนพึมพำไปมาและเริ่มบันทึกข้อความลงตำราด้วยความเร็วสูง และจัดเก็บเป็นเล่มคัดลอกเช่นกัน.
ส่วนร่างหลักจงซาน ก็เป็นคนเปิดหนังสืออ่านทีละหน้า.
เทียนหลิงเอ๋อที่อยู่ข้าง ๆ กำลังจ้องมองอยู่ เหมือนว่านางมีความในใจบางอย่างต้องการจะถาม นางที่คอยชำเลืองมองเขาด้วยความอยากรู้ จนท้ายที่สุดนางก็เอ่ยปากออกมา.
"จงซาน.. เจ้ามีภรรยาด้วยกันทั้งหมดกี่คนอย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่เม้มริมฝีปาก ใบหน้าที่แดงไปหมด.
ได้ยินคำถามของเทียนหลิงเอ๋อ จงซานที่ค่อย ๆ เปิดตำราช้าลง จ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อ ทว่าดูเหมือนว่าหัวใจของเทียนหลิงเอ๋อตอนนี้จะเต้นไปมาไม่เป็นจังหวะ ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าของจงซาน.
จงซานเผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล พร้อมกับกล่าวออกมาว่า"ภรรยาในนามแปดคน ทว่ามันเป็นการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เท่านั้น ส่วนภรรยาที่แท้จริงมีแค่สองคนเท่านั้น ซึ่งก็คือสองคนที่ข้าสลักเป็นหุ่นไม้ที่เจ้าเคยเห็นเมื่อปีก่อน กุยเอ๋อและเป่าเอ๋อ เป็นพวกนาง ที่ข้าแต่งด้วยจริง ๆ ."
"กุยเอ๋อและเป่าเอ๋อ เจ้าแต่งกับนางแล้วอย่างงั้นรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยความอยากรู้.
จงซานที่จ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อ ราวกับว่าคิดถึงเรื่องราวในอดีตเล็กน้อย."อืม หลังจากที่แต่งงานกับกุยเอ๋อ ข้าก็สามารถเข้าใจถึงความรู้สึกที่แท้จริง หลังจากที่กุยเอ๋อจากไปแล้ว จากนั้นข้าก็พบกับเป่าเอ๋อ."
"แล้วเป่าเอ๋อล่ะ?"เทียนหลิงเอ๋อที่สอบถามออกมาในทันที.
จงซานที่คิดถึงเรื่องดังดังกล่าวพลางถอนหายใจ."เป่าเอ๋อ? เป่าเอ๋อเดินทางไปยังที่แห่งหนึ่ง ทว่านางก็ยังไม่กลับมา."
เห็นท่าทางเศร้าของจงซาน เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวปลอบใจเขาในทันที "เป่าเอ๋อจะต้องกลับมาอย่างแน่นอน."
"อืม."จงซานพยักหน้าอย่างนุ่มนวล.
"หลิงเอ๋อ เจ้าไม่ต้องอยู่เป็นเพื่อนข้าก็ได้นะ ข้าอาจต้องอ่านหนังสือเป็นเวลานาน บางทีอาจจะหลายวัน."จงซานที่กล่าวขึ้นมา.
"ไม่ ไม่ ข้าไม่เป็นไร หากว่าข้าเบื่อ ข้าก็สามารถไปหาซานเหยี่ยเยี่ยและตงเหยี่ยเยี่ยได้ เจ้าไม่ต้องสนใจข้าหรอก."เทียนหลิงเอ๋อที่ส่ายหน้าไปมา.
เห็นสายตาของเทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมอง จงซานที่ถอนหายใจเบา ๆ ท้ายที่สุดก็พยักหน้า เขายังคงกวาดตาอ่านตำรา ซึ่งมีร่างแยกเงาคอยบันทึกอยู่อีกซีกหนึ่ง.
เทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองไปยังตำราต่าง ๆ แต่ภายในใจของนางนั้นมีแต่เรื่องของจงซานเท่านั้น.
ชั้นหนังสือ 15 ชั้น มีเนื้อหามากมาย จงซานไม่ได้ท่องจำ เพียงแค่เปิดผ่านเท่านั้น แต่ก็ต้องใช้เวลาถึง 15 วัน.
15 วันนี้ เทียนหลิงเอ๋อที่อยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลา แม้ว่าจะเห็นเพียงแค่เขาอ่านตำรา ทว่าภายในใจของนางกับรู้สึกตื่นเต้น ไม่เบื่อหรือเศร้าเลย.
ขณะที่เขากำลังอ่านตำราชั้นสุดท้าย ความรู้สึกของเทียนหลิงเอ๋อที่สะสมเอาไว้เวลานาน ท้ายที่สุดนางก็เอ่ยออกมา พร้อมกับจ้องมองไปยังจงซานด้วยใบหน้าที่แดงกล่ำ พูดกับจงซานที่กำลังอ่านตำราอยู่."นี่..จงซาน."
จงซานที่สงสัยขณะที่วางตำราลง จ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อ ใบหน้าเล็ก ๆ ที่แดงกล่ำไปจนถึงลำคอ.
"อะไรอย่างงั้นรึ?"จงซานที่จ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อ.
จงซานที่จ้องมองไปยังเทียนหลิงเอ๋อ ดูเหมือนว่าท่าทางของนางจะดูตื่นเต้นเป็นอย่างมากและนางก็พยายามที่จะสะกดข่มให้มันเย็นลง.
ก่อนหน้านี้ เทียนหลิงเอ๋อไม่เคยเข้าใจเลย ทว่าตอนนี้นางเข้าใจดี ว่าสิ่งใดคือสมบัติล้ำค่าสำหรับนาง หากมันหายไปล่ะก็ มันจะกลายเป็นความเจ็บปวดจนไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนได้เลย นางที่พยายามที่จะใช้ความรู้สึกเหล่านั้นสะกดข่มความประหม่าของนางเอาไว้.
"จงซาน ให้ข้าเป็นภรรยาคนที่สามของเจ้าได้ไหม?"ท้ายที่สุดนางก็สามารถรวบรวมความกล้ากล่าวออกมาได้ กับคำพูดดังกล่าวนี่เป็นคำพูดที่น่าเขินอายที่สุดในชีวิตนางเลย.
ใบหน้าท่าทางของนางเต็มไปด้วยคามหวัง สายตาของนางที่จ้องมองไปยังจงซาน ดูเหมือนว่าจะรอคอยคำตอบจากเขาอยู่ ทว่าระหว่างนี้หัวใจของนางก็เต้นไปมาอย่างบ้าคลั่ง มือทั้งสองข้างที่กำแน่น ราวกับว่าเล็บจะจิกเข้าไปในเนื้อของนางแล้ว.
จงซานที่วางตำราลง เขาคาดไม่ถึงเลยว่าเทียนหลิงเอ๋อจะกล่าวออกมาเช่นนี้ จงซานที่จับจ้องมองไปยังนาง ครุ่นคิดกับคำถามของนาง.
สมองของเทียนหลิงเอ๋อที่หมุนติ้ว ๆ เบลอไปหมด ราวกับว่าโลกทั้งโลกเป็นสีขาว ขณะที่รอคอยคำตอบของจงซาน.
จงซานที่จ้องมองไปยังหลิงเอ๋อ เขาเข้าใจดีในคำพูดของนาง นับว่านางเป็นคนที่เปิดเผยตรงไปตรงมาเป็นอย่างมากทีเดียว นี่อาจจะไม่ใช่แค่ความกล้าเท่านั้น ระหว่างช่วงเวลาความเป็นความตาย ดูเหมือนว่าเทียนหลิงเอ๋อจะรับรู้ความรู้สึกบางอย่างได้.
ขณะที่จงซานกำลังจะกล่าวอะไรออกมา.
"หลิงเอ๋อ!"
ที่ด้านนอกของหอตำราหายากนั้น เทียนซวินจื่อที่กล่าวออกมาในทันที.
ได้ยินคำพูดดังกล่าว ร่างของเทียนหลิงเอ๋อถึงกับสะดุ้งโหยง ความกล้าที่นางสะสมมาตั้งนานมลายหายไปทันที นางที่วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว รู้สึกบ้าคลั่งและเขินอายเป็นอย่างมาก คำพูดน่าอายเช่นนั้นนางยังกล้ากล่าวออกมาอย่างงั้นรึ?
จงซานที่ได้แค่อ้าปากค้าง ก่อนที่จะเห็นเทียนหลิงเอ๋อวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เขาที่เพ่งพิศอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะได้สติและหยิบตำราเล่มต่อไปขึ้นมา.
ที่ด้านนอกหอสมบัติหายากนั้น ในเวลานี้บนอากาศมีคนสี่คนลอยอยู่ เทียนซวินจื่อ กู่ซ่างจื่อ เสวียนซวินจื่อและเนี่ยชิงชิง ส่วนผู้พิทักษ์ขุนเขาและภูพิทักษ์สำนักตอนนี้ไม่อยู่แล้ว หายไปอย่างไร้ร่องรอย.
"เตี่ย."เทียนหลิงเอ๋อที่หน้าแดงซ่านวิ่งออกมาด้านนอก.
"ข้าบอกเจ้าก่อนหน้านี้แล้ว เจ้าจำไม่ได้เหรอว่าวันนี้คือวันอะไร?"เทียนซวินจื่อที่กล่าวตำหนินาง.
"หลิงเอ๋อก็แค่ลืม อย่าได้ตำหนินางเลย พวกเรารีบไปถ้ำกระแสวิญญาณกันเถอะ."กู่ซ่างจื่อที่เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล.
"เจ้ามาทำอะไรที่นี่อย่างงั้นึ?ถึงได้ลืม."เทียนซวินจื่อยังคงถามออกไป.
ทำอะไรที่นี่เหรอ?ทันใดนั้นใบหน้าของเทียนหลิงเอ๋อยิ่งแดงกว่าเดิม จะให้นางกล่าวได้อย่างไรล่ะ.
"อาจารย์ หลิงเอ๋อมาอ่านตำราเป็นเพื่อนข้า."จงซานที่ออกมาและกล่าวออกมาทันที.
"ใช่แล้ว ข้ามาอ่านหนังสือ."เทียนหลิงเอ๋อที่โพล่งออกมาทันที.
"เจ้านะรึ?อ่านหนังสือ."เทียนซวินจื่อถึงกับพูดไม่ออก ก่อนหน้านี้ นางไม่เคยที่จะศึกษาเล่าเรียนเลย เห็นเช่นนี้ก็รับรู้ได้แล้วว่าคือข้อแก้ตัว.
เนี่ยชิงชิงที่อยู่ด้านข้าง ขมวดคิ้วไปมาจ้องมองไปยังจงซาน สายตาของนางมีความเป็นปฏิปักษ์กับเขาอย่างรุนแรง.
"เอาล่ะ ๆ ไปได้แล้ว พวกเราจะต้องรีบไปยังถ้ำกระแสวิญญาณ."เทียนซวินจื่อกล่าวออกมาในทันที.
"อืม."เทียนหลิงเอ๋อที่พยักหน้าในทันที ในเวลานี้นางไม่มีความกล้าพอที่จะจ้องมองไปยังจงซานอีกครั้ง นอกจากนี้นางรู้สึกเขินอายจนเกินไปที่จะหันหน้าไปมองเขา.
เทียนซวินจื่อที่หันหน้าพร้อมกับสะบัดมือหนึ่งครั้ง ก็เกิดเมฆขึ้นที่ใต้เท้าของเทียนหลิงเอ๋อ พร้อมกับพานางลอยออกไป เทียนซวินจื่อและกู่ซ่างจื่อบินตามไป มีเพียงแค่เนี่ยชิงชิงที่ยังคงอยู่.
เกี่ยวกับเนี่ยชิงชิงนั้น จงซานรู้สึกนางจะไม่เป็นมิตรเท่าใดนัก ไม่เพียงแค่เขาแต่ดูเหมือนว่าจะเป็นคนสำนักไคหยางทั้งหมด นอกจากนี้ดูเหมือนว่าเทียนซวินจื่อจะยังคงอดทนต่อนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะไม่ว่าอย่างไรนางก็คือน้องสาวภรรยาของเขานั่นเอง.
จงซานที่ยกมือขึ้น คารวะต่อเนี่ยชิงชิง ก่อนที่เขาจะก้าวเดินกลับเข้าไปในหอคอยตำราหายาก.
"หยุดตรงนั้น."เนี่ยชิงชิงที่เอ่ยออกมาในทันที.
จงซานที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย ก่อนที่จะหันหน้ากลับมาจ้องมองไปยังเนี่ยชิงชิงด้วยความสงสัย.
"อาวุโส มีอะไรอย่างงั้นรึ?"จงซานที่กล่าวออกมาไร้ซึ่งอารมณ์.
"ชิ จงซาน เจ้ามีดีอะไร คาดไม่ถึงเลยว่าจะไร้ซึ่งพรสวรรค์ คาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะมีแผนสูง ต้องการใช้หลิงเอ๋อเป็นเครื่องมืออย่างงั้นรึ?"สายตาของเนี่ยชิงชิงที่จ้องเขม็งมายังจงซาน.
จงซานไม่ได้โกรธแต่อย่างใด ทว่ายังคงมองไปยังเนี่ยชิงชิง จากนั้นก็เอ่ยปากออกมาว่า "อาวุโสไม่รู้ว่าท่านต้องการจะชี้แนะสิ่งใด."
เห็นท่าทางที่เฉยชาของจงซาน ทำให้เนี่ยชิงชิงถึงกับลมออกหู หายใจเขาออกฟืดฟาด หัวใจบีบรัด.
"พูดอะไร?เชอะ! พูดอะไรอย่างงั้นรึ?ข้ารู้นะว่าหลิงเอ๋อได้พูดอะไรออกมาก่อนหน้านั้น แล้วเจ้าต้องการที่จะกล่าวสิ่งใดออกมา?"เนี่ยชิงชิงที่ชำเลือง จ้องมองมาอีกครั้ง.
เห็นเนี่ยชิงชิง จงซานที่ขมวดคิ้วไปมา นี่นางแอบฟังเขากับหลิงเอ๋อพูดคุยกันอย่างงั้นรึ?
"อาวุโส ท่านหมายความเช่นไรกัน โปรดอธิบายให้กับผู้เยาว์ได้เข้าใจด้วยเถอะ."จงซานที่กล่าวออกมาอีกครั้ง.
เห็นท่าทางของจงซานที่แกล้งโง่แล้ว เนี่ยชิงชิงแทบคุมสติไม่ไหว นางที่หายใจยาว พยายามสกัดกั้นความโกรธ ทำให้ตัวเองใจเย็นลง"ข้าหวังว่าเจ้าจะเลิกกับหลิงเอ๋อไปซะ."
เห็นท่าทางของเนี่ยชิงชิงแล้ว จงซานที่เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล."อาวุโส ข้าคิดว่าท่านอาจจะกำลังเข้าใจผิด...."
"ข้านี่นะเข้าใจผิด เจ้าที่ช่วยชีวิตของหลิงเอ๋อเอาไว้ ก็หวังที่จะได้นางเป็นภรรยานะสิ ข้ารู้ ข้าเห็นทั้งหมด หัวใจของหลิงเอ๋อนั้นถูกเจ้าขโมยไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า ข้าคิดว่าเจ้าควรจะเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง กับความสามารถเช่นนี้ได้ เขตแดนแกนทองคือขีดจำกัดของเจ้าแล้ว อายุขัยเพียง 400 ปี คือที่สุดของเจ้า ทว่าหลิงเอ๋อนั้นแตกต่าง นางมีร่างสถิตในตำนาน ในอนาคตข้างหน้านางสามารถก้าวไปถึงระดับก่อตั้งวิญญาณ ได้อย่างง่ายดาย หลิงเอ๋อจะถูกฉุดรั้งเอาไว้ ข้าคิดว่าอีกสามร้อยปีหลังจากนั้นอีกสามร้อยปีให้หลัง นางจะเต็มไปด้วยความเศร้าและเจ็บปวด กับการตายของเจ้า."เนี่ยชิงชิงที่กล่าวอย่างขึงขัง.
ได้ยินคำพูดของเนี่ยชิงชิงแล้ว ทำให้จงซานถอนหายใจ "ท่านคืออี้เหนียงของนาง ข้าเคารพท่านที่เป็นอาวุโสเสมอ เพราะท่านเป็นห่วงหลิงเอ๋อ ข้าจึงไม่สามารถตำหนิท่านได้ ทว่าข้าคงต้องกล่าวออกไป เรื่องของข้าและหลิงเอ๋อนั้น ไม่ใช่ว่าใครจะสามารถเข้ามาจัดการได้ ไม่คิดว่าคนอื่น ควรที่จะเป็นกังวลเรื่องของพวกเรา."
"ชิ!"
เนี่ยชิงชิงที่แค่นเสียงออกมาอย่างเย็นชา ทั่วร่างกายของนางปะทุกลิ่นอายที่ทรงพลัง แรงกดดันวิญญาณที่หนักหน่วงพุ่งทะยานออกมา เป็นคลื่นพลังที่มองไม่เห็นแต่ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก ราวกับภูเขาลูกใหญ่กดทับลงมาบนพื้นดิน ต้นไม้ใบหญ้าทั้งหมดถึงกับถูกบีบให้ติดกับพื้น แรงกดดันที่ทำให้จงซานต้องนั่งคุกเข่าลงด้วยพลังที่แข็งแกร่ง.
อย่างไรก็ตาม แม้จงซานจะคุกเข่าลง ทว่าสายตาของเขายังคงจ้องมองไปยังเนี่ยชิงชิง แม้ว่าร่างกายของเขาจะสั่นสะท้านด้วยแรงกดดันวิญญาณ ทว่าถึงจะคุกเขาลงเขาก็ไม่ยอมก้มหัวให้กับนาง.
จงซานที่จ้องมองไปยังเนี่ยชิงชิงโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว ดวงตาที่เปล่งประกาย แขนทั้งสองข้างที่กำแน่น ต้านทานแรงกดดันดังกล่าวอย่างถึงที่สุด.
"เจ้าไม่เชื่อเหรอว่าตอนนี้ข้ากำลังจะสังหารเจ้า."เนี่ยชิงชิงแค่นเสียงอย่างเย็นชาออกไป.