ตอนที่แล้วChapter 103 ราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้ง.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 105 ความในใจของหลิงเอ๋อ.

Chapter 104 สถาปนาแต่งตั้ง.


"รับการแต่งตั้ง จงเทียนและจงเจิ้งคือไท่จื่อของราชวงศ์ต้าเจิ้ง."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.

"รับด้วยเกล้า ฟูหวง."จงเทียนและจงเจิ้งรับบัญชา.

ในเวลาเดียวกัน โองการฟ้าที่ด้านขวาก็ปรากฏอักษรขึ้นอีกแถวต่อจากราชา เป็นไท่จื่อสองชื่อ โดยมีจงเทียนชื่อแรกและจงเจิ้งเป็นชื่อที่สอง.

อาณาจักรแห่งนี้มีไท่จื่อสองคน การกระทำของจงซานนั้นแตกต่างจากอาณาจักรอื่น ๆ  ซึ่งส่วนมากนั้นจะมีไท่จื่อเพียงแค่คนเดียว ทว่าด้วยการยอมรับของจงซาน อาณาจักรแห่งนี้จึงมีไท่จื่อสองคน โดยมีจงเทียนเป็นอันดับหนึ่ง.

"รับการแต่งตั้ง หลินเซียวรับตำแหน่งแม่ทัพพิทักษ์ดินแดนลำดับหนึ่งของราชวงศ์ต้าเจิ้ง."

"รับการแต่งตั้ง หยิงหลานรับตำแหน่งแม่ทัพพิทักษ์ดินแดนลำดับสองของราชวงศ์ต้าเจิ้ง."

ราชวงศ์ต้าเจิ้งในวันข้างหน้าเมื่อมีพลังอำนาจเพียงพอก็จะเลื่อนจากราชวงศ์หลักก้าวไปเป็นราชวงศ์สูง.

หลังจากนั้น ที่โองการฟ้า ก็ปรากฏ แม่ทัพลำดับหนึ่งและแม่ทัพลำดับสองขึ้น เป็นหลินเซียวและหยิงหลาน ถูกสลักเอาไว้เช่นกัน.

"รับการแต่งตั้ง เหว่ยไท่จงรับตำแหน่งจงกวนของราชวงศ์ต้าเจิ้ง."

总管(zóng guǎn)หัวหน้าควบคุมทั่วไป

...

จงซานที่เริ่มแต่งตั้ง เจ้าหน้าทีข้าราชบริพารต่าง ๆ  เพื่อให้ปรากฏขึ้นบนโองการฟ้า.

เมื่อเตรียมการเสร็จแล้ว จงซานก็ได้ลงนามช้า ๆ ในโองการฟ้า หลังจากนั้นก็จะสร้างวาสนาและถวายบัญชาต่อสวรรค์ต่อไป เพื่อเป็นรายงานต่อเทพ.

"ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"

เหล่าเจ้าหน้าที่หลายร้อยและเหล่าทหารกว่าล้านคนพร้อมกับคุกเข่าคำนับอีกครั้ง.

"อืม เปิดตำหนักได้."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

จากนั้นเขาก็ ก้าวลงเวทีช้า ๆ .

ด้วยการอารักขาจากเจ้าหน้าที่ร้อยคน เขาก็ก้าวเดินผ่านเมืองเสวียนอีกครั้ง ที่ใจกลางเมืองเสวียน ใกล้ ๆ กับคฤหาสน์จง ได้มีการสร้างตำหนักขนาดใหญ่ขึ้นมา.

มีชื่อตำหนักว่า"ซ่างเฉิงเตียน"

จงซานที่ก้าวเข้าไปในตำหนังซ่างเฉิงเตียนก้าวเข้าสู่ห้องบัลลังก์.

ภายในห้องโถงนั้น มีบัลลังก์เก้ามังกร จงซานก้าวขึ้นไปบนบัลลังก์ช้า ๆ  พร้อมกับนั่งลง ถอนหายใจยาวหนึ่งครั้ง กวาดตามองไปยังที่นั่งด้านล่าง ซึ่งที่แห่งนี้เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ เหล่าเจ้าหน้าที่ข้าราชบริพารถูกจัดออกเป็นสองแถว.

"ทรงพระเจริญ!"เหล่าเจ้าหน้าที่นับร้อยที่คุกเข่าคำนับ รวมทั้งไท่จื่อทั้งสองด้วย พวกเขาก็แสดงความเคารพเช่นกัน.

"ลุกขึ้น."จงซานกล่าว.

"ขอบพระทัยฝ่าบาท."เจ้าหน้าที่นับร้อยกล่าวออกมาพร้อม ๆ กัน.

นับตั้งแต่ที่เกิดปรากฏการบุตรมังกรโอรสสวรรค์ เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างก็ชื่นชมเทิดทูนเขาเป็นอย่างมาก.

"หลินเซียว."จงซานที่เอ่ยปากออกมาทันที.

"ฝ่าบาท."หลินเซียวที่ก้าวออกมารับคำสั่ง.

"อาณาจักรต้าสงได้รุกรานดินแดนของพวกเรามาตลอด เจ้าจงนำทหารกองกำลังที่หนึ่ง ออกไปจัดการพวกเขาในทันที."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม.

"รับด้วยเกล้า."หลินเซียวรับคำสั่งในทันที.

"หยิงหลาน."จงซานกล่าว.

"รับบัญชาเหนือหัว."หยิงหลานก้าวออกมารับคำสั่ง.

"อาณาจักรต้าคุนได้ล่มสลายแล้ว ภายในยังมีความไม่สงบเกิดขึ้นอยู่ เจ้านำกองกำลังที่สองออกไปกำจัดเหล่ากบฏที่ต่อต้าน รวมทั้งกลุ่มของสี่ตระกูลใหญ่ที่ยังคงหลงเหลือ."จงซานกล่าว.

"รับด้วยเกล้า."หยิงหลานรับคำนั่งในทันที.

หลังจากนั้น จงซานก็ได้ออกคำสั่งหลายอย่างเพื่อพัฒนาความเป็นอยู่ของประชากร เขาที่ทำการสำรวจดินแดนและจำนวนประชากรต่าง ๆ  ตลอดจนได้ทำการประกาศให้เมืองเสวียนกลายเป็นเมืองหลวง ตลอดทั้งทำการขยายเมืองให้มีขนาดใหญ่ขึ้นให้มีประชาชนเข้ามาอาศัยอยู่ได้ แม้ว่าการรบครั้งนี้จะได้รับความเสียหายไม่น้อย และราชวงศ์ต้าเจิ้งเพิ่งเริ่มต้นราชวงศ์ ทว่าจงซานก็ได้วางแผนในการสร้างราชวงศ์มาก่อนแล้ว.

แม้ว่าราชวงศ์ต้าเจิ้งจะตั้งขึ้นไม่นาน มีหลายร้อยสิ่งที่ต้องทำ อย่างไรก็ตามด้วยการบริหารของจงซาน ตามแผนการที่เขาวางไว้ ทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว กว่าราชวงศ์เดิมต้าคุนมาก.

"ออกไปปฏิบัติหน้าที่ได้แล้ว."

เหว่ยไท่จงกล่าว.

"ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน!"

เหล่าเจ้าหน้าที่ก็ถอยออกไป.

หลังจากนั้น จงซานก็ออกจากตำหนักซ่างเฉิงเตียน กลับไปยังคฤหาสน์จง.

เมื่อการสร้างชาติได้เสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการ จงเทียนก็เข้ามาหาจงซานในเวลาเย็น.

"ฟู่หวง."จงเทียนที่กล่าวอย่างเคารพ.

"อืม เจ้ากลับสำนักได้ และเตรียมตามอาจารย์ของเจ้าเดินทางไปยังทวีปศักดิ์สิทธิ์ดังที่ควรจะเป็น ไม่จำเป็นต้องกังวล จำเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไรในอนาคต เจ้าคือไท่จื่อราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้ง."จงซานกล่าวอย่างจริงจัง.

"ครับ ฟู่หวง."จงซานที่ตอบรับ.

"อืม นี่คือศิลาวิญญาณ 500 ก้อน เพื่อช่วยเจ้าฝึกฝน สำหรับในเวลานี้น่าจะเพียงพอ."จงซานกล่าว.

"จากนั้นเขาได้กองศิลาวิญญาณเป็นจำนวนมาก วางเอาไว้บนโต๊ะ.

"ขอบพระทัยฟู่หวง."จงซานพยักหน้ารับ.

"อืม ไปได้แล้ว."จงซานกล่าว.

"ครับ."จงเทียนพยักหน้ารับจากนั้นก็จากไปในทันที.

ในห้องโถงกล้วยไม้ที่ว่างเปล่า.จงซานที่กล่าวออกมาเบา ๆ ."อันหวง ออกมา."

"ขอรับ จู่เหริน."อันหวงที่ออกมาจากที่ซ่อน.

เขาที่จ้องมองไปยังอันหวง จงซานที่เอ่ยปากออกมาในทันที "นับจากวันนี้ข้าได้วางแผนเอาไว้แล้ว ข้าจะก่อตั้งกององค์รักษ์วังหลวงขึ้น ซึ่งมีสองหน่วยงาน หน่วยงานแรกอยู่ในที่สว่างเรียกว่า"จินอี้เว่ย."ส่วนอีกกองอยู่ในที่มืด ข้าจะทำการเปลี่ยนอันเย่ตังทั้งหมดเข้ามาเป็นองค์รักษ์วังหลวงให้มีชื่อว่า หยิงเหว่ย นับจากวันนี้เจ้าเป็นหัวหน้าองค์รักษ์ดูแลองค์รักษ์เงาทั้งหมด."

[***จิ่นอีเว่ย - 锦衣卫 หรือ กององครักษ์เสื้อแพร.

***影卫  Yǐng wèi กององค์รักษ์เงา]

"ครับ"อันหวงที่ตอบรับในทันที.

"อืม เจ้าจงรวบรวมหยิงเหว่ยขึ้นมากองหนึ่ง คอยอารักษ์ขาหยิงหลานเอาไว้ให้ดี."จงซานกล่าว.

"ขอรับ."อันหวงที่ตอบรับในทันที.

.......

ห้องโถงไคหยาง ยอดเขาไคหยาง สำนักไคหยาง.

เทียนซวินจื่อที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ซึ่งมีอีกสองคนคือเสวียนซวินจื่อและกู่ซ่างจื่อนั่งอยู่ด้านข้าง ทว่าตั้งแต่แรกแล้ว มีสาวน้อยที่ใบหน้าแดงกล่ำด้วยความตื่นเต้นเทียนหลิงเอ๋ออยู่ห่างออกมา ตลอดจนใบหน้าที่ไม่เป็นมิตรกับใครเนี่ยชิงชิง ที่ขมวดคิ้วไปมา ราวกับว่าไม่สนใจใคร หากว่าไม่เพราะหลิงเอ๋อ เนี่ยชิงชิงคงจะสะบัดกายจากไปนานแล้ว.

ภายในห้องโถงหลักนี้ ยังมีอีกคนหนึ่ง หลังจากที่ปลงผม ทำความสะอาดร่างกาย ตลอดจนสวมชุดสีขาวล้วน ซึ่งก็คือจงซานนั่นเอง.

จงซานที่นั่งคุกเข่าอยู่ด้านล่างเทียนซวินจื่อ พร้อมกับคำนับสามครั้ง เป็นขั้นตอนหลักของสำนักไคหยางนั่นเอง.

"ศิษย์จงซาน คารวะอาจารย์."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง จากนั้นก็เสิร์ฟน้ำชา ต่อเทียนซวินจื่อ.

นับจากวันนี้ จงซานก็ได้เข้าพิธีเข้าเป็นศิษย์หลักของสำนักแล้ว เขามีใบหน้าที่ภาคภูมิเป็นอย่างมาก ในเวลานี้เขาได้ทำการสร้างราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้ง กลายเป็นเจ้าแผ่นดิน ทำไมเขาต้องทำเช่นนี้ด้วยล่ะ แน่นอนว่านี่จะทำให้พลังฝึกตนของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าเมื่อก่อนนั่นเอง ในสำนักไคหยางนั้น หากว่ามีใครในระดับแกนทองแนะนำก็ทำให้จงซานซาบซึ้งแล้ว ทว่าตอนนี้เทียนซวินจื่อที่มีระดับก่อตั้งวิญญาณ เรื่องนี้ย่อมทำให้เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก.

เป่ยชิงซือที่อยู่ในขอบเขตแกนทอง ยังสามารถแนะนำเรื่องหลายเรื่องให้กับจงซานก่อนหน้านี้ได้ ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจไม่น้อยกับคำแนะนำจากนาง ตอนนี้เขาได้รับการชี้แนะจากประมุขสำนัก จะไม่ทำให้จงซานพอใจได้อย่างไร.

หลังจากผ่านพิธีการคารวะและเสิร์ฟน้ำชา เทียนซวินจื่อก็เผยยิ้มออกมาอย่างนุ่มนวล "ตามกฎระเบียบของสำนัก เจ้าเพิ่งอยู่ในระดับเซียนเทียน เป็นศิษย์ลำดับสาม ข้าจึงสามารถรับเจ้าเข้ามาในนามเท่านั้น เมื่อไหร่เจ้าสำเร็จระดับแกนทอง เจ้าก็จะกลายเป็นศิษย์ของข้าอย่างเป็นทางการ."

"ครับ อาจารย์."จงซานที่ตอบรับ.

ทุกคนในห้องโถงต่างก็เป็นพยานในวันนี้.

"นี่คือหยกอักขระสองชิ้น ข้าคิดว่าเจ้าคงเคยเห็นหลิงเอ๋อใช้ นี่เป็นของที่อาจารย์มอบให้กับศิษย์."เทียนซวินจื่อที่มอบหยกอักขระให้กับจงซาน.

"ขอบคุณท่านอาจารย์."จงซานพยักหน้าด้วยความตื่นเต้นและรับมันมา หนึ่งคือหยกอักขระวิหคเหมันต์ อีกหนึ่งคือหยกอักขระวิหคเพลิง.

เขาได้เห็นเทียนหลิงเอ๋อใช้แล้ว มันสามารถจัดการผู้ฝึกตนแกนทองระดับต้นได้เลย ทว่า ในเมื่อมันมาอยู่ในมือของจงซาน มันจะทรงพลังมากกว่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย.

"อืม ในเมื่อทุกคนรับรู้แล้วว่าเขาได้อาจารย์ ข้าคงต้องขอตัวล่ะ หลิงเอ๋อพวกเราไปเถอะ."เนี่ยชิงชิง ที่เอ่ยออกมาในทันที เขาไม่ได้ไว้หน้าเทียนซวินจื่อเลยแม้แต่น้อย.

"ไม่ ๆ  อี้เหนียง ท่านไปก่อนเถอะ!"เทียนหลิงเอ๋อที่ส่ายหน้าไปมา.

นับตั้งแต่เหตุการณ์หุบเขาแมงป่องอสนี เทียนหลิงเอ๋อก็รับรู้ตัวแล้วว่า ใครคือคนที่นางต้องการ ตอนนี้จะให้นางจากไปได้อย่างไร?

นางที่จ้องมองไปยังจงซานพร้อมกับขมวดคิ้วไปมา.

"เชอะ!"เนี่ยชิงชิงแค่นเสียงอย่างเย็นชา สะบัดกายออกไปจากห้องโถงไคหยางทันที.

ในห้องโถงหลังนั้น กู่ซ่างจื่อที่จ้องมองอย่างเย็นชา เห็นชัดเจนว่านางเองไม่ค่อยต้อนรับเนี่ยชิงชิงเท่าใดนัก ส่วนเสวียนซวินจื่อนั้นไม่ได้มีความรู้สึกใด ๆ  ส่วนเทียนหลิงเอ๋อนั้นไม่ได้รับรู้สิ่งใด นางที่ไม่เห็นสิ่งใดทั้งนั้น ในเวลานี้ภายในหัวของนางมีแต่จงซานเท่านั้น ส่วนเทียนซวินจื่อที่ถอนหายใจเบา ๆ  ภายในใจของเขาเองรู้สึกติดค้างต่อนางอยู่เล็กน้อยเช่นกัน.

"ศิษย์พี่ใหญ่ท่านมีตาทิพย์จริง ๆ ที่มองเห็นพรสวรรค์ของจงซาน ไม่ถึงสองปีด้วยซ้ำ นับตั้งแต่เขานำชิ้นส่วนหยกมายังสำนักไคยาง ทุกคนไม่เคยคิดเลยว่าพลังฝึกตนของเขาจะรวดเร็วขนาดนี้ ตอนนี้อยู่ในระดับห้าเซียนเทียน ในกลุ่มของศิษย์ใหม่ คนที่ก้าวไปถึงระดับห้าเซียนเทียนมีไม่มากเลย."เสวียนซวินจื่อที่กล่าวออกมาทันที.

"มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก นี่เป็นเพราะจงซานเขาพยายามมากว่าใคร มีจิตใจที่แข็งแกร่ง ที่ยากที่จะมีใครทำได้."เทียนซวินจื่อกล่าวตอบ.

"ศิษย์เพียงแค่โชคดีเท่านั้น."จงซานที่กล่าวออกมาเช่นกัน.

ทุกคนที่จ้องมองไปยังจงซาน พร้อมกับพยักหน้าให้ด้วยความพอใจ.

"ข้าเองก็คงต้องไปเหมือนกัน."กู่ซ่างจื่อที่กล่าวออกมาเช่นกัน.

"อืม."เทียนซวินจื่อพยักหน้า.

"ขอลา." "ขอลาเช่นกัน."

เสวียนซวินจื่อและกู่ซ่างจื่อทั้งคู่กล่าวลาพร้อมกัน.

เทียนซวินจื่อพยักหน้าให้ จากนั้นทั้งคู่ก็จากไป.

ในห้องโถงเวลานี้ มีคนอยู่สามคน เทียนซวินจื่อ จงซานและเทียนหลิงเอ๋อ.

"จงซาน ร่างกายของเจ้า ข้าได้ตรวจสอบแล้ว เจ้าอยู่ในระดับห้าขั้นปลาย จวนจะสามารถสร้างแกนแท้ได้แล้ว เมื่อเจ้าสามารถทะลวงพลังฝึกตน สร้างแกนแท้ได้ ข้าจะแนะนำเจ้าอีกครั้งในการทะลวงจุดชีพจร."เทียนซวินจื่อกล่าว.

"ครับ."จงซานที่กล่าวตอบรับ.

"หลิงเอ๋อ."เทียนซวินจื่อที่กล่าวออกมาในทันที.

"หา?"เทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองไปยับงเทียนซวินจื่อด้วยความสงสัย.

"เจ้าออกไปครั้งนี้ ถือว่าสามารถเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ เจ้าก้าวไปถึงระดับสิบเซียนเทียน หลังจากนี้ครึ่งเดือนเจ้าจะต้องเก็บตัวฝึกฝนเพื่อทะลวงไปยังระดับแกนทอง."เทียนซวินจื่อกล่าวอย่างจริงจัง.

"หะ? เร็วขนาดนั้นเลยรึ?"เทียนหลิงเอ๋อที่อุทานออกมา ใบหน้าที่ดูไม่ค่อยยินดีนัก.

จงซานที่ได้ยินค่อนข้างหดหู่ พลังฝึกตนของนางนับว่ารวดเร็วมาก ทว่าตัวเขากับเป็นเรื่องยากมาก ๆ ?

เทียนซวินจื่อที่ได้ยินคำพูดดังกล่าวถึงกับสะอึกพูดไม่ออกไปเลยทีเดียว.

"มีปัญหาอะไรกัน?ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการก้าวไปยังระดับแกนทองอย่างงั้นรึ?"เทียนซวินจื่อสอบถาม.

"ก็ขั้นตอนที่เก็บตัวทะลวงไปยังขั้นแกนทอง จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยตั้งหนึ่งปี และต้องเก็บตัวอยู่ในห้องแคบ ๆ  ข้าคงเบื่อแย่เลย."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาในทันที ขณะที่นางกล่าว นางแอบชำเลืองมองไปยังจงซานเป็นระยะ.

"ไม่ช้าก็เร็วเจ้าก็ต้องเข้าไป อีกครึ่งเดือนหลังจากนี้ เจ้าจะต้องอยู่ในห้องลับ ขังตัวในห้องที่มีพลังจิตวิญญาณหนาแน่น ซึ่งนั่นจะช่วยให้เจ้าสามารถทะลวงผ่านขั้นได้ง่ายขึ้น."เทียนซวินจื่อกล่าวออกมาอย่างจริงจัง.

"ก็ได้."เทียนหลิงเอ๋อที่พยักหน้ารับในทันที.

"อาจารย์ ภายในนิกายของพวกเรามีบันทึกเกี่ยวกับสมบัติสวรรค์และตำราเกี่ยวกับสมุนไพร ข้อมูลสัตว์อสูรและอุปกรณ์ต่าง ๆ หรือไม่?"จงซานสอบถาม.

"เจ้าต้องการจะดูอย่างงั้นรึ?"เทียนซวินจื่อที่จ้องมองไปยังจงซานขณะพูด.

"ครับ ศิษย์ต้องการเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ ล่วงหน้า เกรงว่าหากพลาดไป คงจะน่าเสียดาย."จงซานกล่าว.

"ได้ หลิงเอ๋อ เจ้าพาจงซานไปยังหอสมบัติหายากก็แล้วกัน."เทียนซวินจื่อ.

"ได้ ได้ ได้."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

"อาจารย์ เช่นนั้นศิษย์ไม่รบกวนแล้ว."จงซานกล่าวออกมาอย่างสุภาพ.

หลังจากนั้น เทียนหลิงเอ๋อก็พาเขาข้ามภูเขาหลายลูก ตรงไปยังหอสมบัติหายากอย่างรวดเร็ว.

เทียนซวินจื่อที่จ้องมองอยู่บนยอดเขา กวาดตามองคนสองคนที่กำลังข้ามภูเขาไป จ้องมองใบหน้าของเทียนหลิงเอ๋อที่ตื่นเต้น และจ้องมองไปยังจงซาน สายตาของเขานั้นมีประกายแสงความอ่อนโยนแฝงอยู่.

หอสมบัติหายากนั้น เป็นโถงใหญ่ที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในหุบเขา สถานที่ดังกล่าวนั้นดูประณีตงดงามไม่น้อยทีเดียว เป็นป่าไผ่ ที่เขียวชอุ่ม ดูเงียบสงบเป็นอย่างมาก.

อย่างไรก็ตาม เมื่อจงซานและเทียนหลิงเอ๋อเข้ามาในภูเขา ชายชราสองคนก็ได้ยินเสียงในทันที.

ไม่ไกลออกไปนั้น จงซานสามารถจดจำชายชราคนหนึ่งได้ในทันที.

เขาคือผู้พิทักษ์ขุนเขา เป็นคน ๆ แรกที่เขาเจอเมื่อครั้งเดินทางมายังสำนักไคหยาง ชายชราดังกล่าวเป็นคนดูแลทางเข้าในครั้งนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะมีสัญญาณแห่งความตายปรากฏขึ้นมาแล้ว ทำให้จงซานสัมผัสได้ว่าเขาเป็นชายชราที่ดูลึกลับเป็นอย่างมาก.

ส่วนอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ ผู้พิทักษ์ขุนเขา เป็นชายแก่อีกคนที่กำลังนั่งโขกหมากรุกกับเขาอยู่ บางทีคนทั้งสองก็โต้เถียงไปมา ต่างคนต่างไม่มีใครยอมใครเลยทีเดียว.

"ซานเหยี่ยเยี่ย ตงเหยี่ยเยี่ย มีใครกำลังลืมเวลาขลุกอยู่แต่ที่นี่เป็นเวลานานหรือไม่?"เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มต่อหน้าชายชราทั้งสอง ดวงตาที่ส่องประกายล้อเลียนอยู่ ทว่าใบหน้ากับดูบ้องแบ้วไร้เดียวสาดูน่ารักน่าชัง.

ผู้พิทักษ์แห่งขุนเขาที่กล่าวออกมาทันที "ตงเหยี่ยเยี่ยของเจ้านะซิหน้าด้าน ไม่ยอมเลิกซักที."

"เจ้าสิหน้าด้าน ตาเมื่อกี้เจ้าเพิ่งแพ้ เลยขอแก้มือ หัวของเจ้ามีแต่ขี้เลื่อยรึไง."ชายชราอีกคนที่โต้เถียงออกมาทันที.

"เจ้านะสิแพ้ หลิงเอ๋ออยู่ที่นี่แล้ว อย่าทำอะไรขายหน้า."ผู้พิทักษ์แห่งขุนเขาที่กล่าวโต้ในทันที.

เทียนหลิงเอ๋อที่จ้องมองชายชราทั้งสองที่โต้เถียงกันไปมา.

"ศิษย์จงซาน คารวะอาวุโสทั้งสอง."จงซานที่กล่าวออกมาอย่างขึงขัง.

ชายชราสองคนที่จ้องมองมายังจงซาน.

"เป็นเจ้าใช่ใหม่ที่เป็นคนนำชิ้นส่วนหยกมาส่ง?"ผู้พิทักษ์แห่งขุนเขากล่าวต่อจงซาน.

"เป็นศิษย์เอง."จงซานที่กล่าวออกมาในทันที.

"ข้าเคยบอกเจ้ามาก่อนแล้วข้าเป็นแค่เพียงคนเฝ้าประตู ส่วนเขาเป็นเพียงคนเฝ้าหอสมบัติหายาก."ผู้พิทักษ์แห่งขุนเขาที่ส่ายหน้าไปมา.

"ซานเหยี่ยเยี่ย ตงเหยี่ยเยี่ย จงซานได้กลายเป็นศิษย์หลักของท่านพ่อแล้ว ท่านพ่อให้ข้านำเขามายังหอสมบัติหายากเพื่อศึกษาตำรา."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาในทันที.

"อย่างงั้นรึ?"ชายชราสองคนที่หันหน้ามาจ้องมองจงซานอีกครั้ง ภายในสายตาส่องประกายสายตาที่ประหลาดใจ.

"ใช่แล้ว เช่นนั้นข้าไม่รบกวนพวกท่านเล่นหมากรุกแล้ว ข้าและจงซานขอเข้าไปในหอสมบัติก่อน เอาล่ะ ข้าคิดว่าตอนนี้ถึงตาของซานเหยี่ยเยี่ยแล้ว."เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาอย่างซุกซน จากนั้นก็ดึงมือจงซานวิ่งเข้าไปในหอคอยสมบัติหายาก.

จากคำพูดของเทียนหลิงเอ๋อถึงกับทำให้ผู้พิทักษ์แห่งขุนเขาต้องกินเม็ดยาเซียนในทันที ด้วยหันไปพูดคุยกับจงซานกับเทียนหลิงเอ๋อทำให้พวกเขาลืมกระดาษหมากรุกไปซะสนิท.

"ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่า หลิงเอ๋อจะเห็น ตาต่อไปเป็นของข้า ตงเหยี่ยนเจ้าว่าจริงหรือไม่?"ผู้พิทักษ์แห่งขุนเขาที่กล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น.

"ไม่ใช่ว่าหลิงเอ๋อบอกตาก่อนหน้านี้หรอกรึ? นั่นก็หมายความว่า ตาต่อไปต้องเป็นข้า "ชายชราอีกคนก็โต้เถียงออกมาในทันที.

...

ชายชราทั้งสองคนยังคงโต้เถียงกันไปมาไม่หยุด ส่วนจงซานและเทียนหลิงเอ๋อได้เข้ามาในหอคอยสมบัติหายากแล้ว.

"หลิงเอ๋อ คนทั้งคู่เป็นใครอย่างงั้นรึ?"จงซานที่สอบถามเทียนหลิงเอ๋อ.

"เจ้าหมายถึงตงเหยี่ยเยี่ยและซานเหยี่ยเยี่ยนะรึ?ข้าเองก็ไม่รู้ ข้าเห็นพวกเขามาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว ซานเหยี่ยเยี่ยนั้นถูกเรียกว่าผู้พิทักษ์แห่งขุนเขา ส่วนตงเหยี่ยเยี่ยนั้นถูกเรียกว่าผู้พิทักษ์สำนัก พวกเขาไม่เคยพูดคุยกับคนอื่นเลย มีเพียงแค่ข้าเท่านั้น ร้ายกาจไหมล่ะ?"เทียนหลิงเอ๋อที่กล่าวออกมาอย่างภาคภูมิ.

"ร้ายกาจ."จงซานที่พยักหน้า.

ผู้พิทักษ์ขุนเขา?ผู้พิทักษ์นิกาย?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด