ตอนที่แล้วChapter 102 สร้างตราประทับพระราชลัญจกร ครรลองสวรรค์เก้ามังกร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 104 สถาปนาแต่งตั้ง.

Chapter 103 ราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้ง.


"อืม."เหว่ยไท่จงพยักหน้ารับคำ.

"ไท่จง เจ้ายังไม่บอกความจริงหยิงหลานอย่างงั้นรึ?"จงซานทอดถอนใจ.

"เฮ้ เฮ้  ปิดบังไปเช่นนี้ก็ดีแล้ว ข้าเป็นเพียงแค่ขันทีวังหลวง ไม่ต้องการให้หยิงหลานรับรู้ว่าข้าคือขันทีปู่สามของนาง ต้าเจี่ยก็ตายไปแล้ว พี่รองก็ยังมาจากไปอีก แม้แต่บุตรของพี่รองก็ยังตายไปทั้งหมดด้วย ตอนนี้ตระกูลพวกเราเหลือเพียงข้าและหยิงหลานแล้ว เวลานี้ ตราบเท่าที่หยิงหลานมีความสุข ข้าก็พอใจแล้ว."เหว่ยไท่จงส่ายหน้าไปมาด้วยความรู้สึกลึกล้ำ.

(shū gōng)ปู่(น้องของปู่)

เหว่ยไท่จง ก็คือน้องสามของกุยเอ๋อนั่นเอง.

จงซานที่จ้องมองไปยังน้องเขย ภายในดวงตาที่ดูเปล่งประกาย "ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซูเหลียนเซียนไม่สงสัยตัวเจ้าอย่างงั้นรึ?"

"ซูเหลียนเซียน ฮึ!ข้ารู้ว่ามันเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน ทว่า เพราะว่ามัน พี่รองถึงต้องตาย? พี่รองถูกพวกมันฆ่าล้างไปทั้งตระกูล ข้าต้องการให้ซูเหลียนเซียนตาย ต้องการให้มันวอดวายทั้งตระกูล."สายตาของเหว่ยไท่จงที่เต็มไปด้วยความดุร้าย.

"แต่ว่าเจ้าก็ซ่อนตัวได้อย่างดีเยี่ยมเลยทีเดียว."จงซานที่ส่ายหน้าไปมาพลางถอนหายใจ.

"ข้าก็แค่ขันทีธรรมดา ๆ  เข้าสู่ตำหนัก? แม่นางเป่าเอ๋อช่างเป็นคนที่น่าเคารพนัก แน่นอนอีกเรื่องหากไม่เพราะแม่นางเป่าเอ๋อ ท่านคงไม่ปล่อยซูเหลียนเซียนไป?ข้าคิดว่าไม่ว่าอย่างไรท่านก็ไม่ปล่อยเขาไปแน่ ท่านเป็นคนที่แข็งแกร่ง แม้แต่สวรรค์ก็ไม่สามารถขวางทาง ทว่าด้วยข้อตกลงที่เกิดขึ้นเพื่อแม่นางเป๋าเอ๋อ ข้าเองก็ไม่สามารถตำหนิท่านได้ อย่างไรก็ตามข้าก็ต้องขอบคุณแม่นางเป๋าเอ๋อที่ได้ปล่อยให้ข้าสามารถล้างแค้นด้วยตัวข้าเอง หลายสิบปีมานี้ ข้าเข้าไปในตระกูลซูแฝงตัวอยู่ในนั้นสำเร็จ ทว่าหากต้องการทำลายทั้งตระกูลยังคงเป็นเรื่องยาก เห็นได้ชัดเจนว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงได้ชักนำล่อลวงพวกเขาให้ทำลายข้อตกลงที่มีกับเจ้า เพื่อที่จะทำลายตระกูลซูให้พังทะลาย และนั่นก็จะถึงเวลาแก้แค้นของข้า ไม่เพียงแค่ท่าน ข้าก็ได้ล้างแค้นสำเร็จด้วย."เหว่ยไท่จงที่เอ่ยออกมาด้วยความตื่นเต้น ภายในดวงตาลึกเข้าไปนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าเคล้าน้ำตา.

"อืม เรื่องมันผ่านไปแล้ว ตระกูลซูก็ถูกทำลายไปแล้ว เจ้าคงจงมีความสุขได้แล้ว."จงซานถอนหายใจ.

"ไม่เลย หลายปีมานี้ข้าเป็นผู้ดูแลวังหลวง ทำอะไรซ้ำ ๆ  เพื่อลืมเรื่องที่เกิดขึ้นบางทีความแค้นของข้ามันอาจจะมากจนเกินไป อีกอย่าง ข้าเองก็ยังไม่ได้แก้แค้นให้กับต้าเจี่ยเลย จะพึงพอใจได้อย่างไร."เหว่ยไท่จงที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง.

"แค๊ก!!"

ถ้วยน้ำชาในมือจงซานถึงกับหล่นลงแตกกระจาย.

"เจ้าโปรดวางใจความแค้นของกุยเอ๋อนั้น ข้าสลักมันเอาไว้ในหัวใจ ไท่จื่อเหล่ยเทียน ข้าจะต้องนำหัวของมันมาเซ่นสังเวยดวงวิญญาณนางบนสวรรค์แน่ นอกจากนี้เกี่ยวกับไท่จื่อเหล่ยเทียน ข้าพอได้เบาะแสมาบ้างแล้ว."จงซานกล่าวออกมาด้วยเสียงที่ขึงขัง.

"เบาะแส?เจ้ารู้รึว่าไท่จื่อเหล่ยเทียนเป็นใคร?"เหว่ยไท่จงที่กล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น.

"เบาะแสเล็กน้อย ไท่จื่อเหล่ยเทียน เป็นไท่จื่ออัจฉริยะ เป็นคนที่ทรงพลังมาก ทว่าเมื่อข้าสร้างประเทศให้ยิ่งใหญ่เขาจะต้องโผล่ออกมาแน่ จนกว่าข้าจะมีพลังเทียบเท่ากับไท่จื่อเหล่ยเทียนเมื่อไหร่ วันนั้นข้าจะสังหารเขาด้วยมือข้าเอง เพื่อแก้แค้นให้กับกุยเอ๋อ."จงซานที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม.

"เยี่ยม ฮ่าฮ่าฮ่า เยี่ยมเลย.ฮ่าฮ่าฮ่า."ดวงตาของเหว่ยไท่จงที่มีน้ำตาไหลซึมออกมา.

"อืม."จงซานพยักหน้า.

หลังจากนั้นหนึ่งเดือน วันที่ 7 ฉีเย่ว.

เมืองเสวียนทิศใต้ ที่หน้าประตูเมือง มีการสร้างเวทีขนาดใหญ่เอาไว้ เพื่อใช้ในพิธีบวงสรวง ตอนนี้มีกลุ่มคนที่ดูน่าเกรงขาม ได้เข้ามาโดยมีจงเทียนเป็นนำฝูงชนเหล่านี้ พวกเขาเป็นผู้นำทางทหารและเจ้าหน้าที่เป็นจำนวนหลายคน พวกเขาเดิมทีก่อนหน้านี้เคยเป็นคนของอาณาจักรต้าคุน ในเวลานี้พวกเขาได้เดินทางมาเพื่อเข้าร่วมพิธีบวงสรวงแต่งตั้งผู้ปกครองแผ่นดินคนใหม่.

คฤหาสน์จง ห้องโถงกล้วยไม้ ซึ่งมีจงซานที่ยืนอยู่ด้านหน้าคนกลุ่มหนึ่ง จงเทียน จงเจิ้ง หยิงหลานและเหว่ยไท่จง และยังมีอีกคนผู้หนึ่งที่ดูน่าเกรงขาม ใบหน้าที่แดงระเรื่อ มีหนวดเคราหรอมแหรม

"ต้าเกอ และแล้ววันนี้ก็มาถึง ข้ารอมานานแล้ว ต้องการเป็นเจ้าหน้าที่ภายใต้การปกครองของท่าน."ใบหน้าของชายคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น.

"หลินเซียว เจ้าคงจำได้ ข้าเคยบอกว่าเจ้าคือพี่น้องของข้าตลอดไป ไม่มีใครอีกแล้วที่เป็นพี่น้องที่ข้าไว้ใจที่สุด."จงซานที่ก้าวเข้ามาทักทายแม่ทัพที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพสงครามแห่งต้าคุน.

"อืม."หลินเซียวที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น สายตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความเทิดทูนในตัวของจงซาน.

"แต่ว่า การที่สามารถสร้างชาติครั้งนี้ได้สำเร็จ โชคดีที่เจ้าเคลื่อนทัพได้อย่างรวดเร็ว."จงซานที่กล่าวออกมาในทันที.

"12 ปีแล้ว ข้าหลินเซียวรอวันนี้มานานแล้ว ในอดีตซูเหลียนเซียนที่บังอาจลบหลู่ต้าเกอ พวกเราเองก็เตรียมที่จะเข้ายึดต้าคุนมาก่อนแล้ว เพียงแต่ตอนนั้นต้าเกอไม่ยินดี ตอนนี้เจ้านั่นบังอาจทำลายพันธสัญญาข้อตกลง แน่นอนข้าไม่สามารถละเลยได้เลย และมันยังเป็นวันที่ข้ารอคอย ชีวิตของข้า ต้าเกอช่วยชีวิตไว้นับสิบครั้ง ไม่งั้นข้าก็คงตายไปแล้ว ข้ายินดีที่จะติดตามต้าเกอไปชั่วลูกชั่วหลาน."หลินเซียวที่กล่าวอย่างขึงขัง.

จงซานที่ตบไปที่ไหล่ของหลินเซียว พร้อมกับพยักหน้าซาบซึ้งใจ.

หลังจากนั้น จงซานก็หันหน้าไปหาหยิงหลาน เขาขมวดคิ้วไปมา "หยิงหลาน ข้าเคยบอกเจ้าก่อนแล้ว หลังจากที่ข้าเป็นหวงตี้ ข้าจะประทานบรรดาศักดิ์ให้ แต่เจ้ากลับไม่ต้องการที่จะเป็นกงจูจริง ๆ รึ?"

"ค่ะ ข้าต้องการเป็นแม่ทัพ ข้าไม่ต้องการมีฉายาว่าเป็นกงจู."หยิงหลานที่ยืนยันอย่างหนักแน่น ในดวงตาของนางเป็นประกาย ราวกับว่าภายในใจของนางนั้นมีแผนการบางอย่างอยู่.

เหว่ยไท่จงที่ขมวดคิ้วไปมาเช่นกัน ทว่าก็ไม่ได้กล่าวอะไร ต้องไม่ลืมว่าหยิงหลานนั้นได้เลือกเอง เขาก็ต้องสนับสนุน.

"ได้ เจ้าจะได้เป็นแม่ทัพ และได้รับโชควาสนาของแผ่นดินด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่าประเทศนี้ต้องล่มสลายหรือถูกทำลาย จะมีข้ากับเหล่าไท่จื่อ ทุกอย่างจะไม่มีผลต่อข้าราชบริพาร."จงซานที่จ้องมองไปยังหยิงหลานด้วยคำพูดที่จริงจัง.

เช่นนี้ เขาได้ให้ทางเลือกไว้กับหยิงหลาน เผื่อว่านางจะเปลี่ยนใจในวันข้างหน้า.

"กู่เหยี่ยเยี่ย หากว่ากู่เหยี่ยเยี่ยมีอันเป็นไป หยิงหลานยินดีที่จะใช้ชีวิตที่มี แก้แค้นให้กับกู่เหยี่ยเยี่ย."หยิงหลานที่กล่าวออกมาด้วยความกระวนกระวาย ใบหน้าท่าทางคำพูดของนางนั้นพูดจาลุกลี้ลุกลนเช่นกัน.

เห็นท่าทางของหยิงหลานแล้ว จงซานที่เผยยิ้มออกมา "ข้ารู้ ๆ ."

เหว่ยไท่จง ที่จับจ้องมองไปยังหยิงหลานด้วยท่าทางสงสัย.

"มุกคงหลิง ข้าจะมอบให้กับเจ้า ไว้ใช้งาน รู้วิธีใช้แล้วหรือยัง?"จงซานที่จ้องมองไปยังทุกคน.

"ครับ."หลินเซียว เหว่ยไท่จงและจงเจิ้งที่รับมาด้วยท่าทางตื่นเต้น.

"อืม เอาล่ะ ต่อไป พวกเราไปกันได้แล้ว."จงซานกล่าว.

"รับด้วยเกล้า"ทุกคนต่างก็พยักหน้าตอบรับอย่างพร้อมเพรียง.

นับจากนั้น จงซานที่แต่งกายที่หรูเลิศสง่างาม ก้าวเดินนำหน้าทุกคนผ่านพรมแดงที่เตรียมไว้ ก้าวออกมาที่ประตูของคฤหาสน์จง ย่างก้าวผ่านผ่านพรมแดงจากคฤหาสน์จงข้ามผ่านฝูงชนจำนวนมาก เดินตรงไปยังเวทีในดินแดนทิศใต้สถานที่บวงสรวง.

"เฮ้ เฮ้ และเฮ้!"

เสียงต้อนรับจงซาน กองกำลังหนึ่งล้านที่ส่งเสียงแซ่ซ้อง ดังสนั่นไปทั่วแผ่นดิน.

ที่บนเวทียักษ์ ยกเว้นเหว่ยไท่จง คนอื่น ๆ ต่างก็หยุดอยู่ด้านล่างเวที.

เวทีที่มีความสูงหนึ่งร้อยเมตร จงซานที่ก้าวขึ้นไปช้า ๆ  โดยมีเหว่ยไท่จงก้าวตามหลัง.

ที่ด้านบนของเวที เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ที่ตรงกลาง มีโต๊ะบูชาสัญลักษณ์บวงสรวงฟ้าดิน.

ที่บนโต๊ะบูชานั้นมีผ้าไหมปูเอาไว้ เป็นแท่นวาง เพื่อใช้วางของวิเศษ จงซานที่นำ ราชโองการ โองการฟ้า และตราลัญจกรหยกครรลองเก้ามังกรสวรรค์ นำมันไปวางบนแท่นพิธี.

เมื่อวางของวิเศษไว้แล้ว เขาก็คุกเข่าลง.

"คุกเข่าครั้งแรก คารวะสวรรค์."เหว่ยไท่จงเป็นคนดำเนินงานกล่าวตะโกนเสียงดังให้ทุกคนได้ยินกันทั่ว.

"คำนับ!"

จงซานที่โน้มตัวคำนับลงไปในทันที.

"คำนับอีกครั้ง."

"คำนับครั้งที่สาม."

"ลุกขึ้น!"

หลังจากคำนับครบสามครั้ง ก็ลุกขึ้นอย่างนุ่มนวล.

"คุกเข่าครั้งที่สอง คารวะปฐพี."

จงซานที่คุกเข่าลงอีกครั้ง.

"คำนับ"

"คำนับอีกครั้ง."

"คำนับครั้งที่สาม."

"ลุกขึ้น!"

จงซานที่ลุกขึ้นและถอยออกมา.

"คุกเข่าครั้งที่สาม คารวะอาณาจักร."

"คำนับ"

"คำนับอีกครั้ง."

"คำนับครั้งที่สาม."

"ลุกขึ้น!"

หลังจากคำนับครบเก้าครั้ง จงซานก็ลุกขึ้น.

ทว่าเหว่ยไท่จงในเวลานี้ ได้โค้งตัวลง พร้อมกับค่อย ๆ ถอยลงจากเวทีช้า ๆ  ก่อนที่จะมายืนอยู่ในตำแหน่งของตัวเองด้านล่าง.

จงซานที่กวาดตามองเหล่ากองกำลังนับล้าน ภายใต้สายตาที่เต็มไปด้วยความอหังการและน่าเกรงขามกับปุถุชนทั่วไป.

จงซานที่คลี่ ราชโองการ โองการฟ้าออกมา จากนั้นมือทั้งสองข้าก็ประทับตราลัญจกรหยกครรลองเก้ามังกรสวรรค์ลงไป พร้อมกับเผยราชโองการแรกออกมา.

"นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าขอก่อตั้งอาณาจักร นาม "เจิ้ง" พร้อมประทับตรา รับโองการสวรรค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน "

ขณะที่จงซานกล่าวออกมาช้า ๆ  เมื่อเขาเปล่งอักษรราชวงศ์นาม เจิ้ง บนโองการฟ้า บนโองการฟ้าก็ปรากฏอักษรขนาดใหญ่ตัวหนึ่งขึ้นมา นามว่าเจิ้ง ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน นับจากนี้โองการฟ้าได้สร้างอีกหนึ่งราชวงศ์นามเจิ้งขึ้นมาบนแผ่นดินแล้ว.

ในเวลาเดียวกัน ที่ด้านซ้ายของโองการฟ้า นามของกษัตริย์ก็ปรากฏนาม จงซาน ขึ้นด้วยเช่นกัน.

ตราลัญจกรหยกครรลองเก้ามังกรสวรรค์ ก็มีชื่อกษัตริย์ปรากฏขึ้นด้วย.

ตราลัญจกรหยกครรลองเก้ามังกรสวรรค์ และโองการฟ้าได้เชื่อมต่อกันเรียบร้อยแล้ว.

"ครืน ๆ  ๆ  ๆ "

เสียงคำรามของมังกรที่ดังลั่น สั่นสะเทือนผืนปฐพี เป็นเสียงที่ทรงพลังราวกับว่าสามารถทะลวงหมู่มวลเมฆา ดังก้องกังวานไปทั่วเวที.

ในเวลานี้ ที่ด้านบนเวที ดูเหมือนว่าจะเกิดเหตุที่ดูน่าเกรงขาม เป็นสายลมที่พัดแรงออกไปทุกทิศทุกทาง ราวกับว่ามังกรวารีได้มาเยือน บนหอคอยสูงเองก็ปรากฏเป็นสายลมรูปมังกร ทุก ๆ คนที่มองเห็นต่างก็รู้สึกตื่นตะลึง เป็นพายุหมุนที่รุนแรงกำลังพวยพุ่งทะยานขึ้นไปบนสรวงสวรรค์.

มังกรวายุที่พุ่งทะลวงขึ้นไปบนท้องฟ้า ทะลวงหมู่มวลเมฆ ผ่านขึ้นไปบนสวรรค์ พัดพาเหล่ามวลเมฆไปจนหมดทำให้เกิดอากาศที่ว่างเปล่า แสงอาทิตย์ที่สาดส่องไปทั่ว ส่องแสงสว่างกระทบมายังร่างของจงซานดูเด่นเป็นสง่าราวกับเทพสงคราม.

"ทรงพระเจริญ!"

"ทรงพระเจริญ!"

เสียงแซ่ซ้องดังสนั่น กลายเป็นคลื่นเสียงที่ดังลั่น เจ้าแผ่นดินต้าเจิ้ง จงซาน ผู้กุมดวงชะตา บุตรแห่งสวรรค์มังกรที่แท้จริง! ในเวลานี้สายตาของประชาชนทุกคนต่างก็เต็มไปด้วยความชื่นชม ภายในใจของพวกเขาที่เคยมีราชวงศ์ต้าคุนได้หายไปอย่างสิ้นเชิง โชคชะตาทั้งหมดได้เปลี่ยนไปแล้ว นี่คือราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้ง หวงตี้ที่แท้จริง.

จงซานที่ยืนอยู่บนเวที สายตาที่ค่อนข้างตื่นตะลึงอยู่เล็กน้อย กับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เขาไม่คิดคิดเลยว่าโองการฟ้าและตราลัญจกรหยกครรลองเก้ามังกรสวรรค์จะมีพลังเช่นนี้ มังกรวายุอย่างงั้นรึ?เสียงมังกรคำราม? ทั้งสองสิ่งนี้ล้วนแล้วแต่เป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิมังกรที่แท้จริง ไม่เพียงแต่ดูดซับวาสนาทั่วอาณาจักร โองการฟ้าที่ไม่เพียงแต่กลายเป็นสัญลักษณ์ของสวรรค์คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น เห็นได้อย่างชัดเจนว่าของวิเศษทั้งสองอย่างนี้อยู่ในระดับสูงมาก.

เหล่าพสกนิกรต่างก็คุกเข่าด้วยความเคารพและชื่นชมอย่างถึงที่สุด จงซานที่เก็บตราลัญจกรหยกครรลองเก้ามังกรสวรรค์ พร้อมกับราชโองการกลับมา.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด