ตอนที่แล้วChapter 101 ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่น ๆ ปี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 103 ราชวงศ์กษัตริย์ต้าเจิ้ง.

Chapter 102 สร้างตราประทับพระราชลัญจกร ครรลองสวรรค์เก้ามังกร


จี้หยกเก้ามังกรสวรรค์ ซึ่งมีมังกรศักดิ์สิทธิ์เก้าตัวเก้าสีที่ถูกสลักเอาไว้ในรอบ ๆ จี้หยก รูปร่างแต่ละตนนั้นน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก ดูราวกับว่ามีมังกรเก้าตนที่ถูกพันธนาการเอาไว้อยู่ในจี้หยกชิ้นนี้ มันกำลังคำราม พร้อมจะเปลี่ยนเป็นมังกรและทะยานขึ้นสู่สวรรค์.

จงซานที่นำมุกคงหลิงออกมาช้า ๆ  สิ่งนี้อาจจะถูกเรียกว่าเตาเผาฟ้าดิน.

สายตาของเขาที่จ้องมองไปยังมุกคงหลิง ก่อนที่เขาจะเฉือนไปที่ข้อมือพร้อมกับหยดโลหิตชโลมไปทั่วมุกคงหลิง.

หลังจากสังเวยโลหิตแล้วมุกคงหลิงก็ถูกหลอมเป็นรูปเป็นร่าง ซึ่งรูปร่างของมันตอนนี้ได้กลายทรงกลม จงซานที่เริ่มใส่จี้หยกเก้ามังกรสวรรค์ลงไปช้า ๆ .

เมื่อจี้หยกเก้ามังกรสวรรค์ถูกใส่เข้าไปในมุกคงหลิง ก็ราวกับว่ามังกรศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้าได้กลายเป็นสิ่งมีชีวิตขึ้นมาในทันที ในพริบตาเดียวนั้น ยกเว้นหาง มังกรสวรรค์ทั้งเก้าตัวกำลังเดินออกมา มันผลักดันมุกคงหลิงจนทำให้รูปร่างของมันบิดเบี้ยวราวกับว่าจะทำลายมุกคงหลิงไป.

ทว่าด้วยแรงของมันไม่สามารถทะลวงออกมาได้ ทำให้มังกรทั้งเก้าตนนั้นกำลังบ้าคลั่งตะเกียกตะกายไปมาไม่หยุดหย่อน.

"ครืน ๆ  ๆ !"

"ครืน ๆ  ๆ !"

"ครืน ๆ  ๆ !"

......

มังกรเก้าตนที่คำรามออกมาเสียงดัง พวกมันกำลังตะเกียกตะกายพยายามที่จะทะลวงเตาเผาฟ้าดินออกมา พวกมันกระแทกซ้ายทีขวาทีไปยังรอบ ๆ เตาเผาฟ้าดิน.

สายตาของจงซานที่จ้องมองไปยังเก้ามังกรที่กำลังโกรธเกรี้ยวคำรามเสียงดังสนั่น รอยยิ้มที่นุ่มนวลก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา กล่าวได้ว่าตาม"แปลนศาลสวรรค์"นี่คือเก้ามังกรที่สมบูรณ์แบบที่สุด เมื่อพวกมันถูกส่งเข้าเตาเผาฟ้าดินแล้ว ทำให้พวกมันมีสติขึ้นมา พร้อมกับตะเกียกตะกายกระแทกออกไปทุกทิศทุกทางของมุกคงหลิง หากว่าเกิดรอยร้าวหรือช่องว่างล่ะก็ ทุกอย่างที่ทำมาคงจะสูญเปล่าแน่นอน.

คิดจะระเบิดสมบัติวิเศษอย่างงั้นรึ?อย่างไรก็ตามจงซานก็มั่นใจว่าสมบัติวิเศษนั้นไม่สามารถพังทะลายง่าย ๆ อย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วยังจะเรียกว่าสมบัติสวรรค์ได้อย่างไร.

ด้วยการสะบัดมืออีกหนึ่งครั้ง จงซานก็นำมุกสีแดง ซึ่งเป็นสมบัติที่เขาได้มาตั้งแต่ที่เข้าข้ามมิติมาที่นี่ มันคือมุกสีแดงที่ดูเหมือนกับดวงตามังกร.

จงซานไม่รู้ว่าสิ่งนี้คืออะไร แต่ก็ไม่จำเป็นต้องรู้ก็ได้ทว่าเขารับรู้เพียงว่ามันคือของวิเศษและยังเป็นของวิเศษระดับสูงอีกด้วย.

จงซานที่ถูไปมาเบา ๆ  ก่อนที่จะนำมุกสีแดงนี้ใส่เข้าไปในมุกคงหลิง.

มุกสีแดงที่ถูกใส่เข้าไปในมุกคงหลิง แทบจะในทันทีเช่นกัน มังกรทั้งเก้า หลังจากนั้นราวกับแมวมองเห็นหนู เหมือนกับชายโฉดมองเห็นหญิงเปลือย  พวกมันทั้งหมดพุ่งตรงเข้าหามุกสีแดงพร้อม ๆ กัน แก่งแย่งเพื่อที่จะได้ครองราวกับว่าได้ลืมไปแล้วว่าจะต้องตะเกียกตะกายออกมาจากเตาเผาฟ้าดิน.

เก้ามังกรที่ไล่งับมุกสีแดง มุกสีแดงลูกเดียวที่ปากมังกรทั้งหมดงับลงไป มังกรทุกตนงับบางส่วนของมุกสีแดงลูกเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะมีขนาดไม่ใหญ่นัก ทว่าพวกมันทุกตนก็สามารถงับบางส่วนของมุกสีแดงนั้นเอาไว้ได้.

มังกรทั้งเก้าที่อ้าปากงับ มุกสีแดงก็ส่องประกายแสงสีชาดออกมา เป็นแสงเล็ก ๆ  แต่กลับมีพลังที่เหนือล้ำ ทำให้ร่างของมังกรทั้งเก้าถูกพันธนาการเอาไว้ ทว่ารูปร่างของมังกรนั้นยังอยู่ในรูปร่างท่าทางกำลังคาบส่วนของมุกสีแดงร่วมกันเอาไว้.

เห็นภาพที่เกิดขึ้นแล้ว จงซานบอกได้ในทันทีว่าแสงจากมุกสีแดงนั่นลึกลับและทรงพลังมาก ทว่าเขาเองก็ไม่รู้จริง ๆ ว่ามันคือสิ่งใดกันแน่.

ด้วยการควบคุมมุกคงหลิง ที่เป็นเตาเผาฟ้าดิน การสังเวยสกัดกลั่นจี้เก้ามังกรสวรรค์ก็ได้เริ่มขึ้น.

เป็นไปอย่างช้า ๆ  จี้หยกเก้ามังกรสวรรค์นั้นค่อย ๆ เปลี่ยนรูปร่างตามที่จงซานต้องการ เวลานี้มันค่อย ๆ กลายเป็นตราประทับพระราชลัญจกรขึ้นมา.

ที่ด้านบนของพระราชลัญจกรนั้น เป็นเก้ามังกรที่บิดเกลียวพันล้อมรอบกันและกัน อ้าปากงับไปยังมุกสีแดงที่อยู่ตรงกลาง เป็นเหมือนกับผนึกที่ทรงพลังพันธนาการมังกรทั้งเก้าเอาไว้.

และที่พื้นผิวของตราประทับพระราชลัญจกรนั้นมีอักษรแปดตัวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา.

"รับโองการสวรรค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน"

[***受命于天,即寿永昌Shòumìng yú tiān jì shòu yǒngchāng แปลเป็นไทยได้ว่า “รับโองการสวรรค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน”**]

อักษรขนาดใหญ่ แต่ละตัวเต็มไปด้วยบารมี ทรงพลังราวกับเป็นอักษรที่สวรรค์ประทาน.

รับโองการสวรรค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน!

ตราประทับขนาดใหญ่ที่ดูล้ำลึก อักษรสลักแปดตัวที่ราวกับจะสามารถเปลี่ยนโชคชะตาได้.

นี่คือตราลัญจกรหยก เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของหวงตี้ ครรลองสวรรค์เก้ามังกร

ครรลองสวรรค์เก้ามังกร นับว่าเป็นชื่อที่น่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.

ถึงตรงนี้ มังกรเก้าตัวที่บิดเกลียว พร้อมกับพุ่งตัวขึ้นกลืนมุกศักดิสิทธิ์ พร้อมกับอักษรสลัก "รับโองการสวรรค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน" เป็นตราประทับขนาดใหญ่ เป็นตราประทับที่น่าเกรงขามยิ่งใหญ่มาก.

ตราลัญจกรหยกครรลองสวรรค์เก้ามังกร เป็นตราสัญลักษณ์ของอาณาจักรระดับสูง หนึ่งในตราที่น่าเกรงขาม ที่สามารถสั่นสะเทือนไปทั่วหล้า สามารถที่จะรวบโชคลาภวาสนาจากสวรรค์และปฐพีจากทั่วโลก กำราบอาณาจักรต่าง ๆ  ยืนอยู่เหนือราชวงศ์หลัก ภายใต้ผืนฟ้าแห่งนี้ได้.

จงซานที่สัมผัสเบา ๆ ไปที่ตราลัญจกรหยกครรลองสวรรค์เก้ามังกรวางไว้บนโต๊ะด้านหน้า ก่อนที่จะนำมุกคงหลิงออกมาอีกอัน.

ด้วยทำตามขั้นตอนต่าง ๆ ทุกกระเบียดนิ้ว ขั้นตอนจากนี้เขาได้นำหนอนไหมมังกรเก้าสีออกมา หลังจากสังเวยโลหิตก็นำไหมเก้าสีใส่ลงไปด้านใน.

หนอนไหมมังกรเก้าสีในสายตาของจงซานนั้น ดูล้ำค่ามากมายยิ่งกว่าจี้หยกเก้ามังกรซะอีก เป็นสมบัติวิเศษที่ยากจะสามารถหาเจอได้ ทว่าด้วยโชควาสนาของจงซานทำให้เขาได้รับมันมา เวลานี้ก็เหมือนกับพยัคฆ์ติดปีกนั่นเอง.

หนอนไหมมังกรเก้าสีสองตนถูกใส่เข้าไปในเตาเผาฟ้าดิน ตอนนี้กำลังคลุ้มคลั่ง พยายามตะเกียกตะกายเหมือนกับเก้ามังกรก่อนหน้านี้เหมือนกัน ทว่าพลังที่กระแทกไปทุกทิศทุกทาง นอกจากนี้พลังของมันยังเหนือกว่าเก้ามังกรสวรรค์ซะอีก.

จงซานที่คอยหยดโลหิตลงไปเรื่อย ๆ  เป็นอาหารให้กับเตาเผาฟ้าดินอย่างไม่หยุดหย่อน.

หนอนไหมมังกรเก้าสีทั้งยังคงดิ้นรนไปมา และตอนนี้มันกำลังโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ผิวหนังทั่วร่างของมันกำลังแตกออกมาช้า ๆ  ปรากฏขาผุดออกท่ฝั่งละสองข้างทะลุออกมาจากร่าง เป็นขาสีเงิน ตอนนี้มันดูมีเชาว์ปัญญามากยิ่งกว่าเดิมซะอีก ตอนนี้กำลังตะเกียกตะกายเพื่อให้หลุดออกมา.

จงซานจะต้องทำเช่นไรตอนนี้ มังกรทั้งสองตน เขาไม่สามารถที่จะคาดเดาการเคลื่อนไหวของมันได้เลย.

ท้ายที่สุด หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง มังกรทั้งสองก็หยุดลง ไม่ตายก็เหมือนตาย เหมือนมีชีวิต เหมือนกับมนุษย์ผัก หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว.

ใบหน้าของจงซานเวลานี้ดูซีดขาว ด้วยการสังเวยโลหิตไปไม่น้อย ทว่าโลหิตที่เสียไปก็ถือว่าคุ้มค่า ผ่านไประยะเวลาหนึ่ง เท้าของมังกรตัวเล็กก็เปลี่ยนไป ในเวลานี้มันมีกงเล็บเก้าซี่ปรากฏออกมา ตอนนี้มันกำลังกุมชายผ้าเอาไว้ เป็นชายผ้าที่ยาวมาก.

เป็นชายผ้าที่ทำมาจากไหมทั้งหมด มันถูกหลอมปรับขนาดให้เป็นม้วนผ้ายาวออกมาอย่างคาดไม่ถึง ความยาวของชายผ้ามีขนาดเก้าเมตร เก้าสี และดูเหมือนว่ามีหมอกเก้าสีปกคลุมไปทั่วชายผ้าด้วย.

พระราชโองการ!

ร่างกายของมังกรทั้งสอง เป็นแท่นของราชโองการ มีม้วนของชายผ้าราชโองการเก้าสี เป็นม้วนของราชโองการนั่นเอง.

ราชโองการ? หนอนไหมมังกรเก้าสีได้ถูกหลอมแล้ว กลายเป็นม้วนราชโองการอย่างงั้นรึ?

อย่างไรก็ตามที่ด้านหลังของชายผ้าตาดราชโองการไม่ได้มีอักษร คำว่า "ราชโองการ"อยู่.

ทว่ามีอักษรเก้าสีสามตัวปรากฏถูกสลักเอาไว้ว่า.

"โองการฟ้า"

โองการฟ้า ตาม"แปลนศาลสวรรค์"แล้ว เป็นการให้รางวัลและโทษตามอำนาจการปกครอง ที่จะมอบให้กับเหล่าข้าราชบริพาร คำสั่งของหวงตี้นั้นก็เปรียบได้ดั่งคำสั่งของสวรรค์.

โองการฟ้า เป็นบัญชาเจ้าแห่งชีวิต ทั่วหล้าไร้ผู้ต่อต้าน เชื่อมต่อวาสนาทั่วอาณาจักร สื่อสารฟ้าดิน แบกรับความรู้สึกของปวงชน.

โองการฟ้า ลิขิตสวรรค์ ที่จะให้รางวัลและลงโทษข้าราชบริพารใต้ผืนฟ้าแห่งนี้.

แน่นอนว่าจงซานได้กลายเป็นเจตจำนงของสวรรค์ แต่ทว่าก็ยังมีข้อจำกัดอยู่.

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สร้างราชโองการ ก็เหมือนกับมีโองการฟ้าในมือ สามารถประกาศต่อเหล่าข้าราชบริพารทั่วหล้าได้แล้ว.

หลังจากสร้างตราลัญจกรหยกครรลองเก้ามังกรสวรรค์ และราชโองการฟ้า จงซานก็สูดหายใจเข้าเบา ๆ  ด้วยสองสิ่งนี้ก็สามารถสร้างชาติได้แล้ว จงซานที่เก็บสิ่งของทั้งสอง ก่อนที่จะออกจากห้องลับใต้ดิน ออกมาภายนอก.

เวลานี้ฟ้ายังมืดอยู่ จงซานก็ออกมาจากที่พักส่วนตัว ซึ่งที่ด้านหน้านั้นมีจงเทียนที่รอคอยเขาอย่างอดทน.

"เอาล่ะ ไปยังห้องโถงกล้วยไม้กับข้า."จงซานกล่าว.

"ครับ"จงซานพยักหน้ารับคำ.

ขณะที่ทั้งคู่อยู่ในห้องโถงกล้วยไม้ รอคอยอยู่นั้น.

ขณะที่ดวงตะวันทอแสง หยิงหลานก็วิ่งเข้ามาเป็นคนแรก ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น.

"กู่เหยี่ยเยี่ย."หยิงหลานที่วิ่งเข้ามาในห้องโถงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นซดอย่างหิวกระหาย.

"ว่าอย่างไร?"จงซานสอบถาม.

"มีเพียงแค่ทหารส่วนน้อยที่ขัดขืน ทว่าข้าก็สามารถกำราบพวกเขาได้ นอกจากนี้ หลังจากตรวจสอบนับจำนวนทหารที่เหลือรวมกันทั้งหมด มีจำนวน 700,000 คน ตอนนี้ได้ประจำการอยู่นอกเมือง ส่วนคนที่ต่อต้านข้าได้จับเอาไว้หมดแล้ว เวลานี้รอเพียงแค่กู่เหยี่ยเยี่ยสั่งการเท่านั้น."หยิงหลานที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

"ดี หยิงหลานเจ้าทำได้ดีมาก."จงซานที่ไม่เคยลืมที่จะชื่นชมนาง.

เป็นความจริง ยิ่งได้รับคำชมจากจงซาน ใบหน้าของหยิงหลานยิ่งมีความสุขเป็นอย่างมาก.

"เจ้าจะเป็นคนดูแลทหารกองนี้ พวกเขาเป็นทหารของเจ้าแล้ว."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"รับทราบ."หยิงหลานที่พยักหน้าด้วยความตื่นเต้น.

"เจ้าจงฝึกฝนพวกเขาให้ดี ไม่เพียงแต่อาณาจักรต้าคุนเท่านั้น อีกไม่นาน ข้าหวังว่าพวกเขาจะมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะสามารถพิชิตดินแดนอื่น ๆ อีกห้าอาณาจักรรอบ ๆ ได้."จงซานที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม.

"อืม."หยิงหลานพยักหน้าด้วยความดีใจ.

ในเวลาเดียวกันนั้น จงเจิ้งและเหว่ยไท่จงก็เข้ามา.

"ฟู่อี้ เหล่าประชาชนทั่วไปต่างก็ได้รับการปลอบขวัญแล้ว ทุกคนต่างก็อยู่ในกฎระเบียบ."จงเจิ้งที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.

"ดี."จงซานพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ.

"จงเอ๋อ ข้าได้บอกกลับเจ้าก่อนหน้านี้แล้ว ตราบเท่าที่ตระกูลซูถูกจำกัด ทุกคนในเมืองก็จะสนับสนุนข้า จากนี้ไปเจ้าจงเร่งรีบปรับปรุงความเป็นอยู่และกฎระเบียบทั่วทุกเมืองในการปกครองของพวกเรา ให้หยิงหลานที่ควบคุมกองกำลังทหารคอยสนับสนุน หากว่าเมืองใหนก่อกบฏ ไม่ยินยอม ไม่จำเป็นต้องเจรจา เข้ายึดครอง จับกุมพวกเขาได้เลย."จงซานกล่าว.

"ครับ."จงเจิ้งที่ตอบรับในทันที.

"องค์เหนือหัว ท่านมีโองการฟ้าที่จะสร้างชาติแล้วอย่างงั้นรึ?"เหว่ยไท่จงที่เอ่ยปากสอบถามออกมาในทันที.

กับคำพูดของเหว่ยไท่จง ทุกคนต่างก็จ้องมองไปยังจงซาน.

"อืม หลังจากนี้หนึ่งเดือน วันที่เจ็ดฉีเย่ ข้าจะทำการบวงสรวงฟ้าดินสร้างชาติขึ้นมา."จงซานกล่าวอย่างจริงจัง.

"รับทราบ"ทุกคนต่างก็พยักหน้าตอบรับ.

"ไท่จง ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคย เจ้าเป็นคนดำเนินการก็แล้วกัน."จงซานเอ่ยปาก.

"รับด้วยเกล้า."เหว่ยไท่จงพยักหน้า.

"เทียนเอ๋อ."จงซานที่หันหน้าออกไปจ้องมองจงเทียน.

"ฟูอี้เชิญกล่าว."จงเทียนที่กล่าวออกมาในทันที.

"เจ้าคือคนที่เข้าใจข้าที่สุด ด้วยความสามารถของเจ้าข้ารับรู้ดี เจ้าจงเป็นตัวแทนของข้าเดินทางไปยังเมืองหลวงอาณาจักรต้าคุน พร้อมกับค้นหาเหล่าเจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือน ให้พวกเขาเดินทางมายังที่นี่ และกระทำการสุภาพกับพวกเขาด้วย."จงซานกล่าวออกมาอย่างขึงขัง.

"ครับ."จงเทียนตอบรับในทันที.

"กู่เหยี่ยเยี่ย ไม่ใช่ว่าเมืองหลวง แม่ทัพหลินเซียวยึดครองหรอกรึ? ไม่ใช่สิ แม่ทัพหลินเซียวเขาจะเชื่อฟังกู่เหยี่ยเยี่ยอย่างงั้นรึ?"ทันใดนั้นหยิงหลานที่เอ่ยออกมาด้วยความประหลาดใจ.

"อืม หลินเซียว ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะรอข้ามาถึง 40 ปี เทียนเอ๋อ หลังจากเจ้าเดินทางไป เจ้าต้องเคารพหลินเซียวให้มาก."จงซานที่กล่าวกับจงเทียนอีกครั้ง.

"ครับ แม่ทัพหลินเซียวเปรียบเหมือนกับเทพสงครามของอาณาจักรต้าคุน ข้าได้ยินชื่อเขามานานแล้ว ตั้งแต่เด็กข้าก็ยังเคารพเขา."จงเทียนกล่าวอย่างขึงขัง.

"อืม."จงซานพยักหน้า.

"เอาล่ะ พวกเจ้าไปได้แล้ว ไท่จงเจ้าอยู่ก่อน."จงซานกล่าว.

"รับด้วยเกล้า."หลังจากได้รับคำสั่งแล้วทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย.

หลังจากที่ทุกคนจากไปเรียบร้อยแล้ว.

จ้องมองไปยังแผ่นหลังของทุกคนที่จากไป เหว่ยไท่จงที่ถอยหายใจออกมาเบา ๆ  "ขั้นตอนแรกการไปหาเหล่าเจ้าหนาที่ทางทหารและพลเรือนให้มารับใช้ มันน่าจะเป็นท่านเป็นคนดำเนินการด้วยตัวเอง ทำไมถึงได้ให้จงเทียนไปล่ะ?"

เขาที่นั่งลงอย่างช้า ๆ  พร้อมกับยกน้ำชาขึ้นจิบ "เหล่าเจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือน นอกจากหลินเซียว คนอื่น ๆ ไม่อยู่ในสายตาข้า ไม่มีค่ามากมายนัก แทบจะไร้ซึ่งความสามารถด้วยซ้ำ กับคนเหล่านี้ข้าจะต้องไปด้วยตัวเองอย่างงั้นรึ?"

**************

ตราหยกแผ่นดิน หรือ ตราลัญจกร เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของจักรพรรดิ โดยในแผ่นหยกได้มีการ สลักอักษร 8 ตัว 受命于天,即寿永昌 แปลเป็นไทยได้ว่า “รับโองการสวรรค์ ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

ที่มาของตราหยกแผ่นดิน

ตราหยกแผ่นดินนี้ถูกสร้างขึ้นสมัยราชวงศ์ฉิน หลังจากที่จิ๋นซีฮ่องเต้รวมประเทศจีนให้เป็นหนึ่งได้แล้ว จิ๋นซีมีคำสั่งให้หลี่ซือ อัครมหาเสนาบดีแห่งแคว้นฉิน เป็นหัวหน้ากองในการแกะสลักหยกเหอซื่อปี้ให้เป็นตราหยกแผ่นดินประจำราชวงศ์

ต่อมาพระเจ้าฮั่นโกโจ เล่าปัง ล้มราชวงศ์ฉินสำเร็จ คิดว่าตราหยกแผ่นดินของฉินเป็นของวิเศษล้ำค้า จึงเก็บตราหยกนี้ไว้ และนำมาใช้เป็นตราแผ่นดินของฮั่นของตนสืบต่อมาจนถึงยุคปลายราชวงศ์ฮั่น

ในสมัยปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ตั๋งโต๊ะสั่งเผาเมืองลกเอี๋ยง ทำให้ตราหยกแผ่นดินได้หล่นหายไประหว่างที่เกิดความวุ่นวาย

ซุนเกี๋ยนแม่ทัพหน้าของฝ่ายกองทัพ 18 หัวเมือง ได้เข้าเมืองหลวงได้ก่อนและพบกับตราหยกแผ่นดินตกอยู่ในบ่อน้ำ และ แอบนำกลับไปกังตั๋งเมื่อแยกตัวจาก 18 หัวเมือง แต่ไม่ช้านาน ซุนเกี๋ยนก็ตาย ซุนเซ็กลูกชายซุนเกี๋ยนเห็นว่า ตราหยกแผ่นดินไม่ได้สำคัญไปกว่ากำลังทหาร จึงนำตราหยกแผ่นดินไปแลกกับทหารของอ้วนสุดเพื่อทำการใหญ่

ต่อมาเมื่อ อ้วนสุดได้ตราหยกแผ่นดินแล้วก็ใฝ่สูง ปราบดาภิเษกตัวเองเป็นฮ่องเต้ สุดท้ายก็ถูกกองทัพโจโฉและพันธมิตรเข้าปราบปราม ตราหยกแผ่นดินจึงกลับมาอยู่ในฝ่ายราชสำนักฮั่นอีกครั้ง

ที่มาของหยกเหอซื่อปี้

คำว่า เหอซื่อปี้ (和氏璧) แปลว่า หยกสกุลเหอ ที่มาของชื่อนั้นก็แสนจะธรรมดาเพราะคนที่ค้นพบหยกวิเศษชิ้นนี้ก็คือ เปี้ยนเหอ ตัวเปี้ยนเหอเป็นชาวแคว้นฉู่ มีความสามารถในการวิเคราห์ก้อนหินและสามารถรู้ได้ว่าภายในหินก้อนใดมีหยกดีซ่อนอยู่

ในสมัยฉู่ลี่อ๋อง เปี้ยนเหอได้ค้นพบก้อนหินที่แสนธรรมดาแต่ภายในนั้นมีหยกเนื้อดีอยู่ จึงนำหินก้อนนี้ไปให้แก่ ฉู่ลี่อ๋อง เมื่อช่างแคว้นฉู่ตรวจสอบหินก้อนนี้ละเอียดแล้วก็แจ้งแก่ ฉู่ลี่อ๋อง ว่า หินก้อนนี้เป็นเพียงหินธรรมดา คาดว่าเปี้ยนเหอจะเป็นโจรที่มาหลอก ฉู่ลี่อ๋องจึงสั่งตัดเท้าซ้ายและสั่งขังเปี้ยนเหอ

ต่อมาเมื่อถึงสมัยฉู่อู๋อ๋อง เปี้ยนเหอ ได้นำหินก้อนเดิมไปให้ฉู่อู่อ๋องตรวจสอบ ผลปรากฏว่า ช่างหยกก็ยังแจ้งแก่ฉู่อู่อ๋องเช่นเดิมว่า เป็นเพียงก้อนหินธรรมดา ฉู่อู่อ๋องโกรธมากจึงสั่งให้ตัดเท้าขวาของเปี้ยนเหอและเนรเทศออกจากเมืองหลวง

เมื่อถึงสมัยฉู่เหวินอ๋อง ฉู่เหวินอ๋องทราบเรื่องก้อนหินของเปี้ยนเหอ จึงเรียกเปี้ยนเหอมาพูดคุย เปี้ยนเหอยืนยันว่าในหินก้อนนี้มีหยกแน่นอน ฉู่เหวินอ๋อง เห็นแก่ความพยายามของเปี้ยนเหอ จึงได้ให้ช่างหยกมาตรวจสอบและกะเทาะหินก้อนนี้ออก

เมื่อช่างหยกได้กะเทาะหินออกปรากฏว่าภายในหินเป็นหยกงามที่หาที่ใดไม่ได้อีกแล้ว ฉู่เหวินอ๋อง เห็นดังนั้นก็ได้ตั้งชื่อหยกนี้ว่าหยกเหอซื่อปี้ เพื่อเป็นเกียรติแก่เปี้ยนเหอผู้พบหยกชิ้นนี้

คิดว่าคุ้มไหมที่ยอมแลกเท้าสองข้างเพื่อพิสูจน์ก้อนหินก้อนนี้?

ที่มา https://www.thaisamkok.com/ตราหยกแผ่นดิน/#more-108

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด