Chapter 1 ครบรอบวันเกิด 80 ปี.
วันที่เจ็ด ฉีเยว่ รัฐต้าคุน คฤหาสน์จง เมืองเสวียน.
วันนี้ที่ลานหน้าคฤหาสน์จง ได้จัดเตรียมโต๊ะงานเลี้ยงกว่า 800 โต๊ะ ที่ด้านนอกและด้านใน เพื่อที่จะเฉลิมฉลอง ไม่ว่าจะเป็นคนแปลกหน้าหรือสหาย ต่างก็ต้อนรับเชิญนั่งโต๊ะที่จัดไว้ได้.
วันนี้เป็นวันที่สำคัญ งานครบรอบวันเกิด 80 ปีของประมุขคฤหาสน์จงแห่งนี้.
ประมุขชรา เป็นตัวตนในตำนาน สร้างตัวด้วยมือเปล่า ทำงานอย่างหนักมากว่าห้าสิบปี และสร้างตระกูลการค้าจนเติบใหญ่ วีรกรรมของเขานั้นทุกคนในต้าคุนต่างรู้ดี.
เขาที่เคยแม้แต่ดื่มเหล่ากับ กษัตริย์คนก่อนของต้าคุนด้วย.
เขาเป็นนักธุรกิจมาตลอดชีวิตไม่เคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐเลย อย่างไรก็ตาม ในต้าคุน เขาก็ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก ผ่านมาหาสิบปีนี้ เขาทำเงินมากมายมหาศาลจนแทบนับไม่ถ้วน มีเงินเก็บมากมายแม้แต่ กษัตริย์ยังต้องอิจฉา มีทรัพย์สินมากมายยิ่งกว่ากรมคลังที่สะสมมาหลายพันปี.
ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สินและความมั่งคั่งทุก ๆ วัน จะไหลเข้ามาในชื่อของเขามากมาย.
ทว่าเพราะความร่ำรวยนี้ สวรรค์จึงได้กลั่นแกล้งให้ประมุขจงไม่มีลูกหลานสืบสกุล เขาที่มีภรรยาและอนุภรรยาถึงเจ็ดคน ทว่ากับไม่มีใครให้กำเนิดบุตรสักคนเดียว ดูเหมือนว่านี้คือสิ่งแลกเปลี่ยนที่สวรรค์จงใจให้เขาต้องเสียใจ.
ทว่าเขาก็ไม่เคยโทษภรรยาและอนุภรรยาเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาได้รับบุตรบุญธรรมมากมาย ซึ่งมีบุตรชายบุญธรรมมากกว่าหนึ่งร้อยคนทีเดียว.
เขาสอนบุตรบุญธรรมเกี่ยวกับธุรกิจมากมาย เพื่อให้สามารถดูแลรักษาธุรกิจของตระกูลได้ เขาที่ใส่ใจกับลูกชายบุญธรรมทุกคน และทุกคนต่างก็มีพรสวรรค์ที่พิเศษและยังมีพรสวรรค์ในศิลปะการต่อสู้ ดูเหมือนว่าลูกบุญธรรมแต่ละคนเองที่เขารับล้วนแล้วแต่มีพื้นฐานที่ยอดเยี่ยมมาตั้งแต่ต้นแล้ว.
เหล่าลูกบุญธรรมเองก็มีบุตรกันแล้วหลายคน ทำให้ตอนนี้ประมุขจง แม้ไม่มีลูกของตัวเอง แต่ตอนนี้กับมีหลานมากมาย.
เหล่าบุตรบุญธรรมมากมายต่างก็คาดหวังว่าจะได้เป็นผู้สืบทอดที่แท้จริงของธุรกิจตระกูล เหมือนกับลูกหลานของ กษัตริย์ที่ได้สืบทอดบัลลังก์.
เช้าวันนี้ มีคนมากมายต่างก็มาร่วมฉลองรับประทานอาหาร เต็มบ้าน บรรยากาศรอบๆบ้านเต็มไปด้วยความสุข.
ภายในพื้นที่ของตระกูลจงนั้น มีสิ่งก่อสร้างที่มีประวัติความเป็นมาห้าแห่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ ดูคล้ายกับเจดีย์.
ในเวลาเดียวกันนั้น มีชายชราคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนยอดของเจดีย์ จ้องมองบรรยากาศรอบๆ.
ชายชราผู้นี้ ทั้งผม คิ้วและหนวดล้วนแล้วแต่กลายเป็นสีขาว ลึกลงไปในดวงตาที่ลุกโชนมีพลังวังชาเหมือนกับผู้เยาว์ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน่าเคารพ นี่คือจงซาน เสาหลักของตระกูลจงนั่นเอง.
ชายชราที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่.
ในเวลาเดียวกัน ชายวัยกลางคนที่ดูซื่อ ๆ เดินขึ้นมาบนบันใด ก่อนที่จะปรากฏอยู่ด้านหลังชายชรา ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วเล็กน้อย.
"อี้ฟู่ งานเลี้ยงพร้อมแล้ว ตอนนี้พวกเรารอแค่ท่านเท่านั้น "ชายวัยกลางคนกล่าวออกไปด้วยความเคารพ.
(义父. (yì fù) foster-father พ่อบุญธรรม.)
กับคำพูดที่ขัดจังหวะ ทำให้การครุ่นคิดถูกดึงกลับคืนมา ทำให้เขาหันหน้ากลับไปหาชายวัยกลางคน.
"จงเทียน พลังฝึกตนของเจ้า ตอนนี้ก้าวไปถึงระดับ 8 โหวเทียนแล้วอย่างงั้นรึ?"ชายชราถามอย่างนุ่มนวล.
"ใช่ครับ อี้ฟู่ ข้าได้ก้าวไปถึงระดับแปดโหวเทียนแล้ว ทว่าข้าตอนนี้มีอายุห้าสิบปีแล้ว คงไม่หวังที่จะก้าวไปถึงระดับเซียนเทียนได้ในชีวิตของข้า "ชายวัยกลางคนที่กล่าวพลางทอดถอนใจ.
"อืม."ชายชราที่พยักหน้าเห็นด้วย.
หลังจากนั้น ชายวัยชราก็เดินนำหน้าชายวัยกลางคนลงบันไดไปยังงานเลี้ยง.
ภายในงานเลี้ยงนั้นมีแขกเหรื่อมากมาย ครึ่งหนึ่งนั้นเป็นบุตรบุญธรรมของจงซานและอีกครึ่งหนึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐต้าคุน ถึงแม้ว่าชายชรานั้น จะไม่เคยรับราชการ ทว่าในต้าคุนนั้นเขาก็ได้รับการนับถือสูง ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ขุนนางใหญ่ที่มีอายุหลายพันปี แต่สถานะของเขาในเวลานี้ไม่ต่างจากขุนนางใหญ่เลย.
ที่ห้องด้านหน้านั้น มีอักษรตัวใหญ่สีทอง สลักด้วยคำว่า ชีวิต ซึ่งเป็นของขวัญจาก กษัตริย์ที่ส่งเป็นของขวัญส่วนตัวในวันเกิดของชายชรา.
ในเวลานี้ ภายในห้องงานเลี้ยงมีผู้คนมากมาย ทุกคนต่างก็พูดคุยกันด้วยความสุข ทว่ากลับไม่มีใครที่แตะต้องอาหารและสุราบนโต๊ะเลย.
"เหล่าไทเย่ จงหานซาน มาถึงแล้ว..."บ่าวรับใช้ที่ตะโกนเข้ามาภายในห้อง.
[老太爷. (lǎo tài yé) elderly gentleman (respectful)]
หลังจากที่ได้ยินเสียงประกาศ ทั่วทั้งห้องก็เงียบลงในทันที แม้แต่โต๊ะรับแขกด้านนอกห้องก็ด้วยเช่นกัน.
ทุก ๆ คนที่จ้องมองมายังชายชราจงที่มีผมสีขาว ซึ่งมีบุตรบุญธรรมคนโตสุด จงเทียน เดินตามมาด้านหลัง.
แม้ว่าจะดูมีอายุ ทว่ากลับยังดูแข็งแกร่งกระปรี้กระเปร่าหลังจากที่เขาเข้ามานั่งบนที่นั่งตรงกลางห้องแล้ว เขาก็เผยยิ้มอย่างอบอุ่นให้กับทุกคน.
"ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้."ชายชราที่กล่าวต่อทุกคน.
"เพื่อเหล่าไทเย่ ไม่ใช่ปัญหาเลย."
"พวกเราจะพลาดได้อย่างไร."
“แน่นอนว่าพวกเราจะต้องมา.”
……………….
แขกหลายต่อหลายคนที่ตอบกลับด้วยความสุภาพ ทุกคนต่างก็กล่าวเช่นเดียวกัน เหล่าอาวุโสก็พยักหน้าตอบรับ.
"ซูซิงเป็นตัวแทนฟู่หวง มาแสดงความยินดีกับเหล่าไทเยว่ ขอให้มีสุขภาพสมบูรณ์ อายุยืนนาน" เป็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงนั่นเองที่เป็นคนเอ่ย.
[父皇 (ฟู่หวง) เสด็จพ่อ(พระโอรสธิดาเรียกพระบิดาผู้เป็น กษัตริย์ คำเรียกในหมู่พระญาติวงศ์ซ่ง)]
แน่นอน ว่านี่คือหวงซือ ของรัฐต้าคุน.
[皇子 Huángzǐ ความหมายคือ เจ้าชาย]
"เจ้าหลิน เป็นตัวแทนของอาจารย์ ให้มาอวยพรเหล่าไทเยว่ ขอให้ท่านเป็นเหมือนดั่งดวงตะวันส่องแสงประกายไปตลอด อายุยืนนาน."
"เฉียนซาน เป็นตัวแทนท่านอาจารย์ ขอให้เหล่าไทเยว่มีอายุยืนนานเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับทุกคน."
"ซุนหลี เป็นตัวแทนท่านอาจารย์ ขอให้เหล่าไทเยว่ มีความสุขและร่างกายแข็งแรงอยู่กับตระกูลตลอดไป."
"หลีหรู เป็นตัวแทนท่านอาจารย์ พวกเราขอให้เหล่าไทเยว่คิดฝันสิ่งใดขอให้ได้ดั่งใจปรารถนา"
ชายวัยกลางคนทั้งสี่ ที่กล่าวอวยพรพร้อมกับยกมือคารวะ เหล่าเยว่จื่อซ่ง.
老爷子 / lao ye zi เป็นคำที่ใช้เรียกอย่างสุภาพถึงพ่อของคนอื่น ชายชรา
"อืม ดี ข้าขอขอบคุณ ฝ่าบาท และประมุขใหญ่ทั้งสี่ด้วย ทุกท่านเชิญนั่ง "เหล่าเย่จื่อที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล.
陛下Bìxià your majesty มหาบพิตร
ทุกคนที่นั่งประจำที่ จากนั้นบุตรบุญธรรมของเหล่าเยว่จื่อซ่งก็เข้ามาอวยพรวันเกิดทีละคน.
งานเลี้ยงนั้นจะจัดสามวัน ทั้งวันทั้งคืน.
งานเลี้ยงในแต่ละครั้ง เหล่าเย่จื่อจงจะปรากฏตัวให้เห็นแค่วันแรกเท่านั้น นับจากนั้น จะไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย.
ในช่วงสามวันนี้ บุตรบุญธรรมทั้งหมดของเขาจะกลับมาฉลองวันเกิดทุกคน ซึ่งบางคนนั้นถูกส่งให้ออกไปดูแลธุรกิจแทนในช่วงฉลองวันเกิด บางคนก็จะถูกขอให้อยู่โดยเหล่าเย่จื่อซ่ง.
หลังจากสามวัน งานเลี้ยงจบแล้ว ที่ห้องโถงภายในของตระกูลจง เหล่าเย่จื่อจงที่นั่งอยู่บนที่นั่งอันทรงเกียรติโดยในมือของเขามีบอลกลมเหมือนกับตามังกรอยู่ในมือ พร้อมกับถูไปมาอย่างนุ่มนวล ราวกับว่าสิ่งของชิ้นนี้เป็นของล้ำค่า.
เขาที่ถูลูกบอลดังกล่าวจนธูปไหม้ไปหนึ่งดอก ท้ายที่สุดชายชราก็เก็บมันเข้ากระเป๋าขนาดเล็กพร้อมกับทำเป็นจี้ห้อยคอของเขาเอาไว้.
"ให้พวกเขาเข้ามา."เหล่าเย่จื่อจงที่กล่าวออกไปอย่างนุ่มนวลผ่านออกไปด้านนอกห้อง.
"ขอรับ."เสียงของจงเทียนที่ตอบรับที่ด้านนอก.
คนเจ็ดคนที่ตามจงเทียนเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว สามคน ที่มีอายุใกล้เคียงกับจงเทียน ราวสี่สิบห้าสิบปี ส่วนอีกสี่คนที่เหลือมีอายุยังหนุ่มอยู่ ราว ๆ สามสิบยังไม่ถึงสี่สิบปี.
"อี้ฟู "คนทั้งแปดที่คาวะพร้อม ๆ กัน.
"อืม นั่งได้."เหล่าเย่จื่อจงที่กล่าวออกไปอย่างนุ่มนวล.
"ครับ."คนทั้งแปดที่นั่งลงในทันที.
"จงตี้ จงเสวียน จงหวง จงอี้ จงหลิว จงซีป้า จงซีจิว พวกเจ้าทั้งหมดในเวลานี้พลังฝึกตนยังไปไม่ถึงระดับ 10 โหวเทียนอยู่อย่างงั้นรึ?"เหล่าเย่วจื่อจงสอบถามออกไป.
"ครับ อี้ฟู."พวกเขาเกือบทุกคนตอบพร้อมกัน.
มีเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งในพวกเขาที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจ "ข้าเพิ่งก้าวไปถึงระดับ 10 เมื่อสิบวันที่แล้ว ตอนแรกข้าต้องการที่จะทำให้ท่านประหลาดใจ ทว่าไม่คิดเลยว่าท่านจะรู้แล้ว."
"จงซีจิว เจ้าที่ไปถึงระดับสูงสุดชั้นโหวเทียนด้วยอายุเพียงสามสิบสองปี นับว่าน่าประหลาดใจแล้ว "เหล่าเย่วจื่อจงที่จ้องมองไปยังบุตรบุญธรรมที่อายุน้อยสุดพร้อมกับเผยยิ้มอย่างนุ่มนวล และเขายังเป็นบุตรบุญธรรมที่เขาโปรดปราณที่สุดด้วย.
"อี้ฟู ท่านชมเกินไปแล้ว."จงซีจิวที่ตอบกลับออกมาด้วยท่าทางเขินอาย.
"อืม พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมข้าถึงได้ให้พวกเจ้าเข้ามาพร้อมหน้ากันทั้งหมดในวันนี้?"เหล่าเยว่จื่อจงถามออกไป.
"พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกัน."ทุกคนต่างก็ส่ายหน้าไปมา ทุกคนต่างก็จ้องมองไปยังอี้ฟูด้วยความอยากรู้ สงสัยเกี่ยวกับเหตุผลที่ถูกเรียกมาในครั้งนี้ดเสน.
"อีกไม่กี่วันนั้น การชุมนุมประตูมังกรก็จะเริ่มขึ้น ข้าต้องการให้พวกเจ้าไปชุมนุมกับข้าด้วย."เหล่าเยว่จื่อกล่าวอย่างนุ่มนวลกับทุกคน.
"การชุมนุมประตูมังกร?อี้ฟู ท่านรู้ด้วยเหรอว่าการชุมนุมนั้นจัดขึ้นที่ใด? ที่ข้ารู้มีเพียงสี่ขุนนางใหญ่และเหล่าราชวงศ์เท่านั้นที่รู้ที่ตั้ง."จงซีจิวที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
ในเวลาเดียวกันนั้น บุตรบุญธรรมคนอื่น ๆ ต่างก็จ้องมองไปยังเหล่าเยว่จื่อด้วยความตื่นเต้น.
มีเพียงจงเทียนที่จ้องมองด้วยใบหน้าที่สัตย์ซื่อเงียบงัน เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นดีใจแต่อย่างใด.
"ที่จริง ข้าต้องการพาพวกเจ้าทั้งหมดเข้าประลองในชุมนุมประตูมังกรในครั้งนี้ ซึ่งจะมีนักสู้จากหลากหลายรัฐเดินทางมา พวกเขาทั้งหมดต่างก็ก้าวไปถึงระดับสูงสุดของระดับโหวเทียนแล้ว แม้แต่บางคนที่เป็นแม้แต่ผู้ฝึกตนเซียนเทียน พวกเจ้าไปกับข้า จงแสดงความแข็งแกร่งที่สุดเผื่อว่าจะมีโอกาสได้เป็นศิษย์ของสำนักเซียน หากว่าพวกเจ้าได้มีโอกาสเข้าเป็นศิษย์ของพวกเขาอาจจะมีโอกาสได้เรียนรู้เคล็ดลับที่จะเป็นอมตะได้."เหล่าเยว่จื่อจงที่กล่าวออกมาด้วยความคาดหวัง.
"ครับ อี้ฟู."ทุกคนต่างก็ตอบรับด้วยความตื่นเต้น.
ในโลกนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือธรรมชาติ แม้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องเล่าและตำนานเท่านั้น ทว่าตระกูลจงนั้นเชื่อว่ามันไม่ใช่แค่เรื่องเล่า แต่มันมีอยู่จริง ๆ เพียงแต่พวกเขายังไม่สามารถพบเห็นสิ่งดังกล่าวก็เท่านั้น.
"ข้าจะพาพวกเจ้าทั้งหมดไปยังการชุมนุมประตูมังกร อีกแง่หนึ่ง ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถละทิ้งทุกอย่างได้ หากว่าสามารถเข้าเป็นหนึ่งในศิษย์ของสำนักเซียน ทว่าอีกเรื่องหนึ่งข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถเติมเต็มความปรารถนาของข้าได้ "ดวงตาของเหล่าเย่วจื่อที่เปล่งประกายแสงขณะพูด.
"อี้ฟู บอกพวกเรามาได้เลย ข้าจะต้องทำมันสุดความสามารถหากว่าข้าสามารถทำได้."จงซีจิวที่ตอบกลับในทันที.
เห็นบุตรบุญธรรมคนเล็กที่สุดที่ตอบตกลงอย่างไร้ซึ่งลังเลทำให้เหล่าเย่วจื่อจงรู้สึกมีความสุขมาก.
"อืม ไม่ใช่เรื่องยาก หากว่ามีใครในพวกเจ้าสามารถเข้าศึกษาในสำนักเซียนได้ ข้าต้องการให้พวกเจ้าขอร้องอาจารย์หรืออาวุโสในสำนักมอบเม็ดยาโพวจวินให้กับข้า."ชายชราจงที่กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น.
"ครับ."เหล่าบุตรบุญธรรมต่างก็พยักหน้า.
"อี้ฟู อะไรคือเม็ดยาโพวจวิน?"มีเพียงแค่จงเทียนที่สอบถามออกไปด้วยความไม่แน่ใจ.
"เม็ดยาโพวจวิน ภายในสำนักเซียนนั้น ไม่ใช่เม็ดยาที่พิเศษอันใด มันสามารถที่จะช่วยทำให้ใครก็ตามทะลวงผ่านระดับโหวเทียนได้.ทว่ามีเพียงนักปรุงยาระดับทองขึ้นไปเท่านั้น ถึงจะปรุงเม็ดยาเช่นนี้ขึ้นมาได้ เมื่อพวกเจ้าสามารถเข้าไปยังสำนักเซียน พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้เม็ดยาเหล่านี้เลย ดังนั้นจึงนับว่าค่อนข้างเป็นยาที่หายาก หลายปีมานี้ ข้าพยายามที่จะใช้ทรัพย์สินที่มีอยู่ เพื่อแลกเปลี่ยนกับเหล่าผู้ฝึกตน ทว่าพวกเขาไม่ชำเลืองมองข้าเลยแม้แต่น้อย ผู้ฝึกตนเหล่านี้ ต่างก็เห็นว่าวัตถุของปุถุชนทั่วไปนั้นล้วนแล้วแต่ไร้ค่า."เหล่าเยว่จือจงที่กล่าวพลางทอดถอนใจ.
หลังจากที่ได้ยินเรื่องราว ทุกคนเองต่างก็ถอนหายใจเห็นด้วยกับสิ่งดังกล่าว พวกเขาทุกคนที่สนใจเกี่ยวกับทรัพย์สินของตระกูล ทว่าต่อหน้าความเป็นอมตะแล้ว ทรัพย์สินมันควรค่าที่จะให้เรียกว่าโชคลาภอย่างงั้นรึ? ไม่มีเลย.
"อี้ฟู ท่านต้องการเม็ดยาโพวจินเพราะต้องการก้าวไปยังระดับเซียนเทียนอย่างงั้นรึ?"จงเทียนที่สอบถามออกไป.
"พวกเจ้าล้วนแล้วแต่เป็นบุตรชายของข้า ข้าจะไม่ปกปิดความตั้งใจของข้าเอาไว้ ข้าต้องการใช้มันจริง ๆ ข้าฝึกฝนช้ากว่าคนอื่น ๆ ซึ่งทำให้ข้านั้นได้ใช้จ่ายไปมากมายเพื่อที่จะใช้จ่ายซื้อหลิงเหยามา แต่สุดท้ายก็ได้เพียงแค่ระดับเดียวกันกับพวกเจ้า ข้าไม่สามารถที่จะพัฒนาไปได้อีกต่อไป ข้าเองก็มีอายุแปดสิบปีแล้ว ไม่ได้คาดหวังมากมายนัก การชุมนุมประตูมังกรนั้นมีการจัดขึ้นทุกห้าสิบปี นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของข้า ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง "เหล่าเยว่จื่อที่กล่าวกับบุตรชาย.
"อี้ฟูอย่าได้กังวล ตราบเท่าที่ข้าได้รับเลือกเป็นศิษย์ของเซียน ข้าจะต้องขอเม็ดยาดังกล่าวมาให้ได้ ไม่ว่าข้าจะต้องแลกกับอะไรก็ตาม."จงซีจิวที่กล่าวออกมาในทันที.
"อี้ฟู ข้า."จงเทียนที่รู้สึกค่อนข้างลังเลใจ ต้องไม่ลืมว่า เขานั้นเพิ่งจะก้าวไปถึงระดับ 8 โหวเทียนเท่านั้น.
เขารู้ถึงเหตุผลดีกับท่าทางลังเลยนั่น "พวกเจ้าทุกคนไปเตรียมตัวให้ดี พวกเราจะต้องเดินทางอีกสามวัน จงเทียนเจ้ามากับข้าด้วย ข้าคงไม่สบายใจหากว่าเจ้าไม่อยู่ช่วยเหลือข้า"
"ครับ."ทุกคนต่างก็ตอบรับ แม้แต่จงเทียนจะตื่นเต้น แต่เขาก็รู้ดีว่าเขานั้นไม่เคยคิดที่จะได้รับเลือกเป็นศิษย์เหล่าเซียน ความเป็นจริงขอแค่ได้เห็นเป็นพยานในการประลองประตูมังกรก็ดีใจแล้ว อย่างน้อยที่สุด ชั่วชีวิตนี้เขาก็ไม่จำเป็นต้องเสียใจใดๆ.
หลังจากนั้น ทุกคนก็เดินออกไปด้วยจิตใจที่ฮึกเหิม.
หลังจากเหล่าบุตรบุญธรรมจากไป เหล่าเยว่จื่อจงที่ค่อย ๆ เดินนวยนาดออกไปยังลานพักด้านหลัง.
ลานพักด้านหลังนี้เป็นเขตหวงห้ามสำหรับทุกคน แม้แต่บ่าวรับใช้หรือบุตรบุญธรรม หากไม่ถูกเรียกแล้วก็ไม่สามารถเข้ามาได้.
หลังจากที่เขาเข้ามาภายในลานบ้าน เขาที่เปิดประตูเข้าไปยังห้องนอน พร้อมกับนั่งอยู่บนเตียง เขาจ้องมองไปยังบอลสีแดงที่อยู่ในมือ.
ในเวลาเดียวกันนั้น บอลสีแดงก็ส่องประกายแสงวับวาว ลอยขึ้นไปบนอากาศพร้อมกับปล่อยแสงต่างๆหลากหลายสีออกมา.
"มันผ่านมาห้าสิบปีแล้วนับตั้งแต่ข้าเดินทางไปถึงยอดเขาจูมู่หลางหม่า(Mount Everest)พร้อมกับพบบอลสีแดงลูกนี้ ทำให้ข้าถูกส่งมายังที่นี่ สถานที่แห่งนี้ โลกที่ลึกลับแห่งนี้.
โลกที่มีความเป็นอมตะ ข้าได้ค้นหาสำนักเซียนมาถึงห้าสิบปี ทุกคนต่างก็บอกกับข้าว่าข้านั้นฝึกฝนช้าจนเกินไป ทำให้ร่างกายของข้าอ่อนแอ และข้าก็แก่เกินไป ชั่วชีวิตนี้ไม่สามารถที่จะก้าวไปถึงระดับเซียนเทียน ความเป็นอมตะ? ฝึกฝนเพื่อเป็นอมตะ? เพราะเมื่อข้ามีอายุยี่สิบปียังไม่ได้ฝึกฝนอย่างงั้นรึ?"เหล่าเยว่จื่อจงที่จ้องมองยังบอลสีแดงพร้อมกับขมวดคิ้วไปมาอย่างล้ำลึก.
"หลายปีที่ผ่านมานี้ ข้าไม่สามารถไปถึงระดับโหวเทียนขั้นปลายได้?แม้ว่าข้าจะยังไปไม่ถึง ทว่ามันไม่สามารถทำให้สำเร็จได้อย่างงั้นรึ? ขอแค่เพียงข้าได้เม็ดยาโพวจวินมา ข้าจะต้องสามารถก้าวไปถึงระดับเซียนเทียน และจากนั้นข้าก็จะฝึกฝนไปจนถึงระดับซุยกว่อ จื่อกว๋อ และท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นเซียน.
ขอเพียงตั้งใจ จะมีใครกันที่จะมีความตั้งใจมากกว่าข้าอีก? ข้าต้องใช้เวลามากมายเพื่อค้นหาน้ำแข็งหมื่นปี พร้อมกับนั่งบำเพ็ญกว่ายี่สิบปี จนร่างกายของข้านั้นแข็งแกร่งกว่าใคร ๆ เป็นใครกันที่จะมีความอดทนพยายามมากกว่าข้า?"
"ข้ามผ่านช่องว่างแห่งกาลเวลา เฮ้ เฮ้ ข้าได้ลืมเกี่ยวกับเรื่องของข้าบนดาวสีน้ำเงินไปแล้ว ข้ามผ่านมิติ ทำไม ไม่ใช่ว่าร่างกายของข้าจะต้องแข็งแกร่งหรอกรึ?ทำไมมันยังคงเหมือนเดิม? ไม่เช่นนั้นแล้ว หลายปีมานี้ ข้าคงจะต้องไม่ต้องทุกข์ทนขนาดนี้ ความจริง ข้าถูกส่งตัวมายังอีกโลกแห่งนี้พร้อมกับได้ทักษะพิเศษ ข้าสามารถสร้างร่างเงาของข้าออกมาจากร่างต้นได้ ร่างกายของข้าสามารถควบคุมจากระยะไกลได้หลายล้านล้านลี้ และมันจะต้องควบคุมร่างแยกนั้นเหมือนกับร่างต้นได้ ร่างแยกเงาเวลานี้มันยังไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง ทำได้แต่ใช้ความคิดของข้า ด้วยทักษะในการควบคุมร่างกายและจิตใจด้วยพลังพิเศษ และนั่นคือเหตุผลว่า ทำไมข้าถึงสามารถสะสมทรัพย์สินได้มากมายในเวลาอันสั้น ทว่าสิ่งที่เป็นประโยชน์? ร่างแยกที่ควบคุมด้วยตัวข้าเอง มันยังถูกจำกัดด้วยร่างหลักของข้า มันไม่สามารถที่จะทะลวงผ่านระดับสูงกว่าระดับโหวเทียน ข้าจำเป็นต้องเริ่มต้นใหม่ ทุกอย่างจะต้องเริ่มต้นที่ระดับเซียนเทียน ข้าจะต้องก้าวไปให้ถึงระดับเซียนเทียนและจากนั้นข้าจะต้องฝึกฝนให้หนักกว่าทุก ๆ คน."
"ข้าต้องรับบุตรชายหลายต่อหลายคนและท้ายที่สุดก็ได้เจ็ดคนที่สามารถที่จะก้าวผ่านระดับโหวเทียนขั้นปลาย ก่อนงานประลองประตูมังกร พวกเขาจะต้องประสบความสำเร็จแน่นอน หนึ่งในพวกเขา อย่างน้อยต้องมีใครสักคนที่สำเร็จ เพียงแค่เม็ดยาโพวจิน สำหรับข้ามันเพียงพอแล้ว มากยิ่งกว่าคำว่าเพียงพอ."เหล่าเยว่จือจงที่บ่นพึมพำกับตัวเอง.