บทที่ 9 นัยน์ตาโลหิตโบราณตื่นขึ้น
ห้องฝึกฝนทุกห้องในหอหลิงซวี ต่างเชื่อมต่อกับมิติพิเศษแยกกัน
แต่ละห้องฝึกฝนมีพื้นที่กว้างขวางเพียงพอ ให้ผู้ฝึกตนวิถีเต๋าสามารถฝึกฝนวิชาเต๋าได้อย่างเต็มที่ โดยทั่วไปวิชาเต๋ามักมีพลังทำลายล้างน่าตกใจอย่างมาก จึงต้องใช้พื้นที่กว้างในการฝึกฝน
เสินหลิงก้าวเข้ามาในห้องฝึกฝน หลังภาพมายาพื้นที่บิดเบี้ยวกระเพื่อม เขาก็ได้มาถึงสถานที่ราวกับแดนเซียน ซึ่งนี่เป็นมิติพิเศษที่เสินถูสร้างเองเพื่อเสินหลิง
ภูเขาสูง ธารน้ำไหล สะพานเล็ก ทะเลสาบ ป่าไผ่ เถาวัลย์ ต้นไม้โบราณ อสูรประหลาด ทิวทัศน์งดงามราวกับภาพเขียนปรากฏแก่สายตาเสินหลิง
ต้นไม้แปลก ๆ หลากหลายพันธุ์ ออกผลน่าหลงใหล ชวนน้ำลายสอ ผลไม้เหล่านี้ช่วยเพิ่มระดับรากวิญญาณได้อย่างช้า ๆ
ในน้ำมีปลาชนิดต่าง ๆ ที่มีชื่อเสียงและล้ำค่า สาเหตุที่ปลาเหล่านี้ล้ำค่าก็เพราะมันมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ล้วนมีผลในการพัฒนาสภาพร่างกายของผู้บำเพ็ญเพียรทั้งสิ้น
มิติพิเศษนี้กว้างใหญ่มาก เสินหลิงเหลียวมองไปโดยรอบแต่ไม่เห็นจุดจบ
สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือ ตรงกลางป่าไผ่มีตึกเล็กสองชั้นขนาดสิบหมู่กว้าง
ทั้งอาคารสองชั้นหลังนี้ สร้างจากหยกขาววิญญาณที่มีแต่ในสมัยโบราณ
ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบสถาปัตยกรรมของเสินถูมาก นับเป็นชิ้นงานศิลปะที่หาได้ยาก
"สมกับที่เป็นลูกชายโง่งมของผู้นำตระกูลจริง ๆ !" เสินหลิงมองทุกสิ่งที่เสินถูเตรียมไว้ให้เบื้องหน้า อดไม่ได้ที่จะอุทานอีกครั้งถึงความสะดวกสบายของสถานะนี้
บริเวณกว้างใหญ่ใกล้กับอาคารเล็กนั้น ถูกล้อมรอบไปด้วยค่ายกลสีหมึกเขียว
เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างนี้ล้วนถูกเสินถูออกแบบมาอย่างพิถีพิถันแล้ว ก็เพื่อให้เสินหลิงมีสภาพแวดล้อมในการฝึกฝนอย่างเงียบสงบ!
อาคารเล็กสองชั้นนี้มีขนาดเล็กกว่าตำหนักของเสินหลิงมาก แต่มีทุกห้องที่เกี่ยวข้องกับการฝึกฝน แม้แลดูเล็กจ้อยแต่ก็ครบครัน
เสินหลิงผลักประตูใหญ่ทำจากหยกของอาคารเล็กให้เปิดออก จากนั้นจึงก้าวเข้าไป
ทันทีที่ก้าวเข้าประตู เสินหลิงก็เห็นมีหุ่นเชิดสีแดงเลือดสองตนยืนตระหง่านอยู่ทั้งสองฝั่งของโต๊ะหยก ตัวหุ่นเชิดถักทอขึ้นจากเถาวัลย์สีแดงทั้งตัว สูงเต็มสามจั้ง ดูทรงพลังและงามสง่าเป็นอย่างยิ่ง!
บนโต๊ะหยกมีจดหมายฉบับหนึ่ง เสินหลิงเปิดจดหมาย
เสินหลิงกวาดตามองลายมือ ก็รู้ทันทีว่าเป็นลายมือของเสินถู
ชาติก่อนของเสินหลิง แท้จริงแล้วไม่ได้ใส่ใจในการฝึกฝนเลย
หลังประสบความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับในงานชุมนุมใหญ่หมื่นสำนัก เสินหลิงถึงแม้จะเริ่มฝึกฝนแล้ว แต่ระดับวรยุทธ์วิถีเต๋าเพิ่มขึ้นอย่างเชื่องช้า การฝึกร่างกายก็ลำบากทรมานเกินไป เขาจึงมุ่งความสนใจหลักไปที่ด้านค่ายกลและการปรุงโอสถแทน
ดังนั้นจึงไม่เคยมาหอหลิงซวีนี้เลย และยิ่งไม่มีโอกาสได้อ่านจดหมายฉบับนี้ด้วย
ในงานชุมนุมใหญ่หมื่นสำนักครั้งที่สอง เสินหลิงกลัวเสียหน้าจึงไม่ได้ไป ทว่า หูสุ่ยเซียน บุตรคนที่สองของเก้าบุตรแห่งสำนักเสิน ได้ใช้ชื่อเสินหลิงเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่หมื่นสำนักแทน
สำนักเสินมีเก้ายอดเขา แต่ละยอดเขาล้วนมีศิษย์สืบทอดแท้จริงหนึ่งคน เสินหลิงคือศิษย์สืบทอดแท้จริงคนแรกเพียงเปลือกนอก เพราะแปดคนที่เหลือ ระดับวรยุทธ์ต่ำที่สุดก็คือขั้นฝ่าด่านเคราะห์ ส่วนหูสุ่ยเซียนที่เก่งที่สุด บรรลุขั้นเซียนอิสระระดับสามแล้ว!
สำนักเสินถือครองดวงดาวหนึ่งร้อยแปดดวง ผู้ฝึกตนที่อยู่เหนือดวงดาวนั้นมีมากมายดั่งดวงดาวบนฟากฟ้า!
สำนักเสินรับศิษย์เพียงหนึ่งล้านคน การแข่งขันโหดร้ายอย่างที่สุด มีเพียงผู้บำเพ็ญเพียรที่มีรากวิญญาณดีที่สุดเท่านั้น ถึงจะมีโชคถูกสำนักเสินยอมรับเข้ามา!
ดังนั้นศิษย์หนึ่งล้านคนนี้จึงมีรากวิญญาณยอดเยี่ยมทั้งหมด ซึ่งในหมู่ศิษย์เหล่านี้ก็ไม่ขาดไร้ซึ่งลูกหลานเทพ!
นั่นจึงทำให้สำนักเสินเกิดสภาพการณ์แบบ "แก่นวิญญาณเดินเพ่นพ่านทั่วแผ่นดิน ผู้พิชิตขีดจำกัดมากดั่งสุนัขจรจัด มีแม้แต่ผู้แยกวิญญาณ!"
หากไม่ใช่เพราะเสินหลิงมีนามสกุล "เสิน" ล่ะก็ ป่านนี้คงโดนไล่ออกจากสำนักเสินไปนานแล้ว!
ในจดหมายเขียนไว้ยาวเหยียด สรุปได้ว่า รู้สึกยินดีที่เสินหลิงสามารถเริ่มฝึกฝนได้แล้ว ส่วนที่เหลือก็คือวิธีใช้ห้องฝึกฝนต่าง ๆ ในตึกเล็กหลังนี้
"งานชุมนุมใหญ่หมื่นสำนักครั้งต่อไป ข้าจะต้องเหยียบเริ่นอ้าวเทียนไว้ใต้เท้าให้ได้ กลายเป็นหนึ่งในเทพอัจฉริยะที่แกร่งกล้าที่สุด" หลังจากอ่านจดหมายจบ ดวงตาของเสินหลิงอดชื้นแฉะไม่ได้
ชาติก่อนเสินหลิงไม่รู้เลยว่า มีมิติพิเศษโดยเฉพาะแบบนี้ที่ถูกเตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับเขา
เสินหลิงนั่งสมาธิสักพัก รอให้จิตใจสงบลง แล้วบีบโลหิตสองหยดจากฝ่ามือ หยดลงบนหว่างคิ้วของหุ่นเชิดทั้งสองตน โลหิตสองหยดถูกดูดซึมอย่างรวดเร็วโดยหุ่นเชิดทั้งสอง
ขณะที่กำลังฝึกวิญญาณสองหุ่นเชิด ในสมองของเสินหลิงก็ปรากฏวิธีขับเคลื่อนหุ่นเชิดขึ้นมาด้วย
หุ่นเชิดมีชื่อว่าผู้พิทักษ์หนามโลหิต ทำมาจากกิ่งเถาของ "เถาวัลย์ปีศาจหนามโลหิต" พืชระดับเซียน
เถาวัลย์ปีศาจหนามโลหิตชอบดื่มกินโลหิตอย่างยิ่ง สามารถดูดกินเลือดเนื้อของสิ่งมีชีวิตนานาชนิดเพื่อเพิ่มระดับของตนเอง
นี่เป็นสิ่งที่หุ่นเชิดทั่วไปทำไม่ได้ เหมือนหุ่นเชิดที่สำนักหุ่นเชิดผลิตออกมา ส่วนใหญ่จะมีระดับคงที่
เสินถูสร้างหุ่นเชิดเถาวัลย์ปีศาจหนามโลหิตสองตนนี้ เห็นได้ชัดว่าต้องจ่ายราคาที่สูงมาก
เถาวัลย์ปีศาจหนามโลหิตมีพลังเทียบเท่าเซียนอิสระระดับห้าไม่มีจิตสำนึกรับรู้เป็นของตนเอง มีเพียงสัญชาตญาณของพืชพรรณ มีความสามารถในการซ่อมแซมตนเองได้ จึงเหมาะมากที่จะนำมาทำเป็นหุ่นเชิด
หากมีจิตสำนึกรับรู้เป็นของตนเอง เสินหลิงไม่มีทางควบคุมได้แน่ๆ ตรงข้ามเสินหลิงอาจถูกหุ่นเชิดพวกนี้ควบคุมเสียเอง
ในหุ่นเชิดมีเจตจำนงของเสินถูฝังอยู่ ดังนั้นเสินหลิงจึงสามารถควบคุมได้ด้วยระดับวรยุทธ์ปัจจุบันของเขา
เสินหลิงเดินขึ้นบันไดไปชั้นสอง ผ่านทางเลี้ยวสองสามโค้ง ก็มาถึงห้องฝึกฝน
ทั้งห้องสร้างจากศิลาวิญญาณ บนพื้นมีค่ายกลผสมอยู่หลายอัน ใช้เพื่อช่วยเหลือการฝึกฝน
เนื่องจากวิชาที่ต้องฝึกฝนทั้งหมด ล้วนต้องอาศัยพลังแก่นวิญญาณสนับสนุน ดังนั้นเสินหลิงจำเป็นต้องปลุกนัยน์ตาโลหิตโบราณให้ตื่นก่อน
จื่อ (10) โฉ่ว (20) อิ๋น (30) เหม่า (30) เฉิน (10) ซื่อ (30) อู่ (10) เว่ย (20) เซิน (30) โหย่ว (40) ซวี (30) ไฮ่ (30) ผนึกอาคมร่ายท่ามุทราผูกทีละอันตามลำดับ
เสินหลิงเปิดใช้สามค่ายกล นั่นคือค่ายกลฟื้นฟูแก่นวิญญาณ ค่ายกลเสริมแก่นวิญญาณ และค่ายกลซ่อมแซมแก่นวิญญาณ เสินหลิงนั่งขัดสมาธิสมาธิอยู่กลางค่ายกลหลับตานิ่ง
ภายใต้การช่วยเหลือจากค่ายกลเสริมแก่นวิญญาณ ระดับวรยุทธ์แก่นวิญญาณของเสินหลิงได้รับการเพิ่มพูนชั่วคราว บรรลุถึงขั้นจิตว่างเปล่าระยะต้น
เสินหลิงรวมพลังแก่นวิญญาณ พลังแก่นวิญญาณถูกหลอมรวมเป็นอย่างสูง พลังแก่นวิญญาณนี้ดูราวกับกรวยทรงสามเหลี่ยม
เสินหลิงควบคุมพลังแก่นวิญญาณ พุ่งเข้าใส่ดวงดาวที่มีแสงสลัวที่สุดในดวงตาของเขา
รอบๆ ดวงดาวนี้มีหมอกล้อมรอบอย่างเลือนราง นั่นคือพลังแก่นวิญญาณที่ถูกผนึกอย่างแน่นหนา
พลังแก่นวิญญาณรูปกรวยพุ่งชนเข้าใส่หมอก แต่กลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ดูเหมือนพลังแก่นวิญญาณที่ล้อมรอบดาวดวงนี้อยู่จะหนาแน่นขึ้นอีก! กำแพงที่สร้างจากหมอกนี้แข็งแกร่งเสียจริง!
เสินหลิงไม่ได้หงุดหงิด เรื่องนี้อยู่ในความคาดหมายของเขามานานแล้ว ในชาติก่อนเขาสงสัยในพลังเทพประการแรกของนัยน์ตาโลหิตโบราณเป็นอย่างมาก!
ตอนที่เขาอยู่ในขั้นสร้างฐาน เขาก็ลองดูว่าจะสามารถทะลวงหมอกนอกดวงดาวได้หรือไม่ แต่หลังจากพยายามหลายครั้งก็ไม่เกิดผลใดๆ สุดท้ายเขาจึงต้องยอมแพ้!
การโจมตีด้วยพลังแก่นวิญญาณที่รวมตัวกันครั้งแรกนั้น กำแพงแก่นวิญญาณก็ไม่ไหวติง
เสินหลิงก็ไม่ย่อท้อ รวบรวมพลังแก่นวิญญาณอีกครั้ง
เสินหลิงทำท่ามือผนึกอาคมที่มือข้างหนึ่ง ทะเลแก่นวิญญาณสั่นสะเทือน การโจมตีด้วยแก่นวิญญาณอีกระลอกก็มาถึงในพริบตา
การโจมตีในครั้งนี้ ก็ไม่เห็นผลเช่นกัน
เขาตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะทะลวงกำแพงแก่นวิญญาณให้ได้ ระดับวรยุทธ์แก่นวิญญาณจะมีผลต่อแผนการมากมายในอนาคต!
หากระดับวรยุทธ์แก่นวิญญาณไม่เพิ่มขึ้น การฝึกฝน "กายอมตะโบราณ" "จิตวิญญาณเก้าภพ" "เทพจักรพรรดิเก้าโทสะ" ล้วนจะได้รับผลกระทบอย่างมาก!
เสินหลิงจึงไม่มีทางเลือกนอกจากรวมพลังแก่นวิญญาณไปเรื่อย ๆ พุ่งชนหมอกประหลาดนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในขณะที่กำลังใช้พลังแก่นวิญญาณอย่างต่อเนื่อง สร้อยหัวใจหลิงหลงศักดิ์สิทธิ์สร้างสรรพสิ่งที่เขาสวมใส่อยู่ ก็แผ่พลังวิญญาณสีเขียวหมึกออกมาไม่ขาดสาย
พลังวิญญาณสีเขียวหมึกนี้ทดแทนพลังแก่นวิญญาณที่เสินหลิงใช้ไปอย่างต่อเนื่อง
ค่ายกลฟื้นฟูแก่นวิญญาณที่อยู่ใต้ร่างเสินหลิงก็คอยจ่ายพลังแก่นวิญญาณให้ไม่ขาดสาย
พลังแก่นวิญญาณของเสินหลิงยังคงรักษาสภาพที่ดีที่สุดไว้ตลอด ทำให้การใช้ไปและเติมเข้ามาเกิดสมดุลกัน