บทที่ 88 การลอบสังหาร
ริมฝั่งแม่น้ำเฉินหนาน...
ชูเหลียงพาหลิวเสี่ยวยู่เอ๋อไปยังสถานที่ที่ระบุไว้ในจดหมาย แต่พวกเขาไม่เห็นพี่สาวของเด็กหญิงคนนี้ พวกเขาเห็นเพียงบุคคลแต่งตัวอย่างประณีตยืนอยู่ที่นั่น
เซียอัน..
ชูเหลียงไม่ได้แปลกใจที่เห็นเซียอัน เขาสันนิษฐานไว้แล้วว่าจดหมายอาจมาจากตระกูลจื่อซาน
ขณะที่ขุนนางหนุ่มมองดูชูเหลียงและหลิวเสี่ยวยู่เอ๋อเดินเข้ามา เขาไม่พยายามจะปิดบังรอยยิ้มร้ายกาจที่ปรากฏบนใบหน้าของเขาแต่อย่างใด
ดวงตาของเขามีแววตื่นเต้น มันเหมือนกับว่าในที่สุดเขาก็จะปลดปล่อยความโกรธที่ถูกกดข่มมานานออกไป
"ในชีวิตของข้ามีเพียงไม่กี่คนที่ทำให้ข้าเกลียดได้มากเพียงนี้” เซียอันกล่าว
ชูเหลียงคิดว่ามันฟังดูรุนแรงมาก
เมื่อเห็นความร้ายกาจที่ซ่อนไว้ไม่ได้ของเซียอัน ชูเหลียงรู้ว่าความโกรธที่เซียอันรู้สึกต่อเขานั้นได้ถึงจุดเดือดแล้ว
ดังนั้น ชูเหลียงจึงชี้ไปที่เขาอีกครั้ง
คาถากำจัดความชั่วร้าย!
ข้าต้องขอโทษด้วย ไว้โกรธเกลียดข้าที่หลังก็แล้วกัน มาชี้แจงสถานการณ์กันก่อนดีกว่า
รัศมีสีเขียวปรากฏขึ้นมาจากอากาศเบื้องบนเหนือศีรษะของขุนนางหนุ่ม ขณะที่ท่านกำลังจะพูดจาเยาะเย้ยถากถางชูเหลียงอย่างอวดดี อยู่ๆ เขาก็แข็งทื่อไป สายสัมพันธ์แห่งความโกรธของเขาขาดสะบั้นอีกครั้ง
“เจ้า—เอ่อ เอ่อ เอ่อ เอ่อ…”
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันทำให้คำพูดของท่านชายหนุ่มติดอยู่ในปากก่อนจะหายไปโดยสิ้นเชิง
เซียอันพลางคิดว่า ความรู้สึกคุ้นเคยนี้...
เขามองดูชูเหลียงที่อยู่ตรงหน้า เขารู้สึกทันทีว่าการกระทำและพฤติกรรมทั้งหมดของชูเหลียงดูสมเหตุสมผล
ยิ่งกว่านั้น ข้าตัดสินใจที่จะฆ่าเขาในวันนี้แล้ว ดังนั้น เหตุใดข้ายังต้องโกรธชายคนหนึ่งที่กำลังจะตายด้วย
จริงอยู่ที่คาถากำจัดความชั่วร้ายสามารถขจัดความแค้นของบุคคลได้เท่านั้น ดังนั้นจึงมีผลเพียงเล็กน้อยต่อเจตนาฆ่าชูเหลียงที่มีอยู่แล้วของเซียอัน
ท้ายที่สุดแล้ว ความปรารถนาของขุนนางหนุ่มที่จะสังหารชูเหลียงไม่ได้เกิดขึ้นจากความโกรธเพียงอย่างเดียว เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือการสืบสวนเรื่องหลิวเสี่ยวหยูที่ทำให้ชูเหลียงเป็นภัยคุกคามต่อตระกูลจื่อซาน
เมื่อเห็นคลื่นแห่งความสงบปกคลุมดวงตาของเซียอัน ชูเหลียงจึงกล่าวว่า “ท่านเซียอัน ท่านเขียนจดหมายขอพบเราหรือ นั่นหมายความว่าท่านรู้ที่อยู่ของผู้หญิงที่ข้าตามหาใช่หรือไม่ขอรับ”
“อ่า...” เสียงเซียอันพรั่งพรูออกมา เขาเขย่าศีรษะและยิ้ม จากนั้นเขาตอบอย่างสงบ “ข้าไม่รู้ แต่ถ้ารู้ ข้าคงฆ่านางไปก่อนแล้ว”
ภายใต้ผลกระทบของมนต์คาถา เซียอันอยู่ในสภาวะจิตใจที่สงบอย่างยิ่ง เมื่อเห็นว่าสองคนที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่กำลังจะตายในไม่ช้า เขาจึงไม่คิดจะปล่อยให้พวกเขาจากไปอยู่แล้ว เขาจึงสามารถพูดสิ่งที่คิดออกมาได้อย่างสบายใจ
เมื่อได้ยินคำพูดของเซียอัน หลิวเสี่ยวยู่เอ๋อก็รู้สึกวิตกกังวลขึ้นมาทันที
เธอก้าวไปข้างหน้าและถามอย่างรวดเร็ว "เหตุใดม่านถึงอยากฆ่าพี่สาวของข้า"
“ข้าหลอกล่อให้เธอกลับมาที่คฤหาสน์ของข้าก่อน แรกเริ่มเดิมทีข้ามิได้ตั้งใจจะฆ่าเธอ แต่ใครจะรู้ว่าเธอจะโง่เง่ามาแอบฟังการสนทนาของข้าจนได้ยินความลับของตระกูลข้า ข้าเลยตัดสินใจขายเธอไปยังเขตตะวันออก แต่ปรากฏว่าเธอเป็นปีศาจและสามารถหนีออกมาได้อย่างไม่คาดคิด ข้าไม่อาจปล่อยให้ความลับของตระกูลข้าถูกเปิดเผย” เซียอันตอบอย่างตรงไปตรงมา
เขาไม่ยับยั้งตัวเองอีกต่อไปแล้ว
ขุนนางหนุ่มมองไปที่ชูเหลียงแล้วพูดต่อ "เจ้า.. ไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ถ้าศิษย์ของฉูซานสามารถหาตัวนางเจอได้ล่ะก็ ตระกูลจื่อซานของข้าคงไม่มีทางรอด ดังนั้น ข้าจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะเรียกเจ้ามาที่นี่เพื่อฆ่าเจ้า"
ความตั้งใจของเซียอันที่จะฆ่าเขาและหลิวเสี่ยวยู่เอ๋อนั้นไม่ได้อยู่ในความคาดหมายของชูเหลียง แต่แม้ว่าชูเหลียงจะรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกใดๆ แต่เขารีบคว้าโอกาสเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมในขณะที่คาถาปัดกำจัดความชั่วร้ายยังคงมีผลอยู่
"ความลับที่ไม่อาจเอ่ยได้ของท่านคืออะไรหรือ เรื่องที่ตระกูลจื่อซานปิดบังอยู่คือสิ่งใดกัน"
มือขวาของเขา ซึ่งอยู่นอกสายตาของเซียอัน เคลื่อนไหวอย่างลับๆ
เสียงแตกเบาๆ ดังขึ้น..
“ก็เพียงแค่.. เราทำธุรกิจขายผู้หญิงจากแถบภาคใต้ไปยังภาคตะวันออก” เซียอันกล่าวราวปลดเปลื้องความสำคัญของสิ่งที่เขากำลังพูดอยู่ จากนั้นเขาก็เสริมว่า “ตอนนี้ข้าบอกความลับนี้ให้พวกเจ้าทั้งสองฟังแล้ว ถึงเวลาที่เจ้าทั้งสองต้องตายแล้ว”
ถ้าไม่ใช่เพราะผลคาถาขับไล่ความชั่วร้าย ขุนนางหนุ่มคงไม่เสียเวลาพูดแล้วคงโจมตีทันที มันเป็นเพราะคาถาที่ช่วยกำจัดความโกรธจนทำให้เขาสามารถอธิบายทุกอย่างได้อย่างอดทน อย่างไรก็ตาม แผนการของเซียอันในการฆ่าชูเหลียงและหลิวเสี่ยวยู่เอ๋อยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
เมื่อเซียอันพูดจบ หลิวเสี่ยวยู่เอ๋อก็รู้สึกกลัวมากจึงหันไปมองชูเหลียงเพื่อขอความปลอบโยน แต่เพียงแค่แวบเดียว เธอก็เห็นสิ่งที่ทำให้เธอกลัวมากขึ้นไปอีก และดวงตาก็เต็มไปด้วยความกลัว!
ขณะที่ชูเหลียงสังเกตเห็นสีหน้าตกใจของหลิวเสี่ยวยู่เอ๋อ ทันใดนั้น เขาก็รับรู้สีหน้านั้นได้ทันที
ชูเหลียงเข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น มีอันตรายกำลังเข้ามา
เพียงเสี้ยววินาทีต่อมา แสงสีเขียวก็ห่อหุ้มเขาไว้
...
ปรากฏว่าทันทีที่เซียอันพูดจบ แขนสีดำสนิทก็ปรากฏขึ้นจากอากาศเบื้องหลังชูเหลียง ในมือของมันคือดาบสั้นสีดำสนิทคมกริบ
มือเดียวที่ถือดาบปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบโดยมิต้องการให้เขารู้ตัว และแทงมายังชูเหลียงทันที
เป็นความบังเอิญที่โชคดีที่หลิวเสี่ยวยู่เอ๋อหันไปมองชูเหลียงในขณะนั้นและบังเอิญเห็นแขนสีดำนั่น
โชคดีที่ชูเหลียงมีสัมผัสที่เฉียบคม เมื่อเห็นสีหน้าของหลิวเสี่ยวยู่เอ๋อเปลี่ยนไปและรู้สึกว่าเพชฌฆาตสีชาดขยับ ชูเหลียงจึงเดาได้ว่ามีอันตรายกำลังมา
ในพริบตา เขากระตุ้นใบไม้สีเขียว เครื่องมือเวทมนตร์ของเขา และทำให้มันห่อตัวเขาไว้เหมือนบ๊ะจ่างได้ทัน
ดาบที่ฟันลงมาไปดูเหมือนธรรมดา ไม่มีท่าทางอลังการแต่อย่างใด แต่มันกลับทะลุผ่านการป้องกันอันแข็งแกร่งของใบไม้สีเขียวได้อย่างง่ายดาย เหมือนกับตัดผ่านเต้าหู้ ดาบไม่ได้เสียบเข้าไปจนสุด แต่ก็โดนเป้าหมายแล้ว
มือนั้นดึงดาบเปื้อนเลือดออกจากใบไม้สีเขียวก่อนจะหายไปผ่านประตูมิติที่มองไม่เห็น
ร่างในชุดดำปรากฏขึ้นด้านหลังเซียอัน และเยาะเย้ยอย่างเย็นชา "ไม่ตายงั้นหรือ มีของวิเศษที่น่าทึ่งทีเดียวนะ"
อย่างที่คาดไว้ บุคคลผู้นี้คืออาจารย์ลู่ผู้ร้ายกาจที่ปลุกเพชฌฆาตสีชาดให้ตื่น
ขณะเดียวกัน ชูเหลียงก็ปลดการห่อหุ้มป้องกันของใบไม้สีเขียวออก และนั่งลงกับพื้น เขาหอบหายใจแรง มีบาดแผลลึกอยู่ที่ลำตัวด้านขวาของเขา ในพริบตาเดียว เลือดของฉูเหลียงก็ย้อมหญ้าใต้ตัวเขาเป็นสีแดงเข้ม
“เจ้าสามารถรอดพ้นจากการโจมตีของอาจารย์ลู่ผู้มีรูปกายเหนือธรรมชาติแห่งเจ็ดดาราสังหารหรือ.. ข้าคิดว่าเจ้าคงตายโดยไม่รู้ตัวเสียอีก” เซียอันกล่าวอย่างเย็นชา
อาจารย์ลู่เช็ดเลือดบนดาบดำของเขาเบาๆ แล้วจ้องมองชูเหลียงด้วยสีหน้าที่ดูสนุกสนานราวกับแมวแก่กำลังสังเกตหนูที่ว่องไว
อาจารย์ลู่บรรลุถึงระดับการเพาะขั้นที่หกซึ่งน่ากลัวมากพออยู่แล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาน่ากลัวไปกว่าเดิมอีกคือเขาเป็นผู้บ่มเพาะแห่งกลุ่มเจ็ดดาราสังหาร
ในยุครุ่งเรืองของลัทธิเทวาดาราสวรรค์ กลุ่มเจ็ดดาราสังหารไม่ได้ถูกมองว่าเป็นกลุ่มสำคัญภายใน แต่พวกเขาน่ากลัวมากสำหรับคนนอก กลุ่มเจ็ดดาราสังหารมีชื่อเสียงในฐานะกลุ่มนักฆ่าที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขามีความเชี่ยวชาญในการลอบสังหารซึ่งยากที่จะป้องกัน
การโจมตีเงียบๆ ของอาจารย์ลู่ ที่ปรากฏขึ้นจากอากาศบางๆ ก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นถึงพลังอันน่าเกรงขามของผู้บ่มเพาะระดับที่ 6 ถ้าหากชูเหลียงไม่ได้รับโชคช่วยจากการมีอยู่ของหลิวเสี่ยวยู่เอ๋อ เขาก็คงจะต้องเสียชีวิตไปอย่างแน่นอน
นอกเหนือจากโชคชะตา ชูเหลียงยังมีเครื่องมือวิเศษที่สามารถป้องกันการโจมตีร้ายแรงจากผู้ฝึกฝนที่บรรลุถึงระดับที่หก หากปราศจากมัน ความพยายามของเขาจะเป็นไปโดยเปล่าประโยชน์ แม้ว่าเขาจะเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีก็ตาม
ใบไม้สีเขียวไม่สามารถขัดขวางการโจมตีได้ทั้งหมด... แต่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งที่มันสามารถขัดขวางไม่ให้เข้าเสียชีวิตได้
แฮกๆ ..
ชูเหลียงหายใจหอบหนัก ขณะที่เขาพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลและใช้พลังชี่พื้นฐานปิดเส้นเลือดรอบๆ บาดแผล จากนั้นเขามองไปที่หลิวเสี่ยวยู่เอ๋อที่กำลังตกใจจนยืนนิ่งไม่ไหวติง
“หลิวเสี่ยวยู่เอ๋อ หลังจากที่เจ้าลงไปแล้ว อย่าเพิ่งไปไหน รอให้ข้าไปหาเจ้านะ”
“ห๊ะ” หลิวเสี่ยวยู่เอ๋ออุทาน
เธอไม่เข้าใจเลยว่าชูเหลียงหมายถึงอะไร
ต่อมา ชูเหลียงได้ชี้ไปที่หลิวเสี่ยวยู่เอ๋อ เด็กหญิงถูกรายล้อมด้วยแสงสีเขียว นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เธอถูกห่อไว้เช่นนี้
หลังจากถูกแทงด้วยการโจมตีของผู้บ่มเพาะระดับหก ใบไม้สีเขียวนี้ยังคงอยู่ในสภาพที่ดี แต่ตอนนี้มีรู
ชูเหลียงทำมือเบาๆ แล้วพูดว่า "ไป"
วูบบ—
ลำแสงสีเขียวพุ่งขึ้นไปอย่างรวดเร็ว มุ่งตรงไปยังท้องฟ้าอันไกลโพ้น!
“อย่าปล่อยให้เธอหนี” เซียอันตะโกน
อาจารย์ลู่ ผู้ยืนอยู่ข้างหลังเซียอัน ยกมือข้างหนึ่งขึ้น มือและแขนครึ่งข้างหายไปอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเขาจะใช้ทักษะเหนือธรรมชาติแบบเดียวกับรอบก่อน แต่คราวนี้ เมื่ออาจารย์ลู่ดึงดาบกลับมาจากอากาศ ดาบกลับไร้เลือด
ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม อาจารย์ลู่กล่าว "นางหนีไปอย่างรวดเร็ว น่าแปลกใจที่วิชาของข้าไม่สามารถตามทันเครื่องมือวิเศษนั้น..."
ความพยายามของเขาที่จะโจมตีหลิวเสี่ยวยู่เอ๋อในแบบเดียวกับที่เขาทำกับชูเหลียงนั้นล้มเหลว บ๊ะจ่างลูกนั้นกลายเป็นดวงดาวบนท้องฟ้าพุ่งหายลิบไปไกลแล้ว
ในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนหน้านี้ ฉูเหลียงได้เติมพลังชี่พื้นฐานลงในใบไม้สีเขียวจนเต็มเปี่ยม ดังนั้นมันน่าจะบินต่อไปได้หลายร้อยลี้ก่อนที่จะตกลงมาจากท้องฟ้า ชูเหลียงหวังว่าหลิวเสี่ยวยู่เอ๋อจะลงจอดอย่างปลอดภัย
เซียอันที่มิได้คาดหวังว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น แม้จะมีหนทางหนีที่ดีเยี่ยมเช่นนี้ แต่ชูเหลียงก็ได้มอบโอกาสให้หลิวเสี่ยวยู่เอ๋อในช่วงเวลาสำคัญนี้ แทนที่จะใช้มันเอง
เซียอันคำราม "เราจะไม่ยอมให้เขาหนีรอดไปได้เด็ดขาด!"
“เขาจะหนีไปไม่ได้แน่..” อาจารย์ลู่ตอบอย่างใจเย็นและสงบ เขาจ้องมองไปที่ชูเหลียงและพูดว่า “ศิษย์โง่เขลาของนิกายฉูซาน ข้าไม่คาดคิดว่าเจ้าจะมีวิธีหนีรอดแบบนี้.. แต่ที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่าคือเจ้าจะยอมให้คนอื่นมีโอกาสรอดชีวิตในขณะที่เจ้าต้องอยู่ที่นี่เพื่อตาย”
ชูเหลียง ที่นั่งอยู่บนพื้นและไม่สามารถวิ่งได้เนื่องจากบาดเจ็บสาหัส เขายกศีรษะขึ้นมองไปที่ผู้บ่มเพาะระดับ 6 ผู้ทรงพลังกว่าเขาหลายเท่า
อย่างไรก็ตาม ตรงกันข้ามกับความคาดหวังของอาจารย์ลู่และเซียอัน ชูเหลียงกลับยิ้มออกมาอย่างกะทันหัน
"ใครบอกว่าข้าจะตายกัน" ชูเหลียงเอ่ยถาม