ตอนที่แล้วบทที่ 6 ฝึกปราณระดับหนึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 8 เข้าหอหลิงซวี

บทที่ 7 หอหลิงซวี


กาลเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว วันเวลาผันผ่านเลื่อนลอยไปเพียงพริบตา

หลังจากเสินหลิงบำรุงเส้นลมปราณ วรยุทธ์ก็มั่นคงอยู่ที่ขั้นฝึกปราณระยะปลาย

"ข้าไม่สามารถบำเพ็ญเพียรไปทีละขั้นตอนแบบนี้ต่อไปได้อีกแล้ว ด้วยระดับปัจจุบันนี้ พอถึงงานชุมนุมใหญ่หมื่นสำนักก็จะยังเป็นแค่ที่โหล่สุดท้ายของสำนักอยู่ดี อีกหนึ่งเดือนงานประลองใหญ่หมื่นสำนักจะเริ่มขึ้น ครั้งนี้ห้ามขายหน้าอีกเด็ดขาด!" เสินหลิงมองว่างานชุมนุมสำนักใกล้จะมาถึงแล้ว จึงต้องหาวิธีอื่นเพิ่มความเร็วในการบำเพ็ญเพียร

หลังจากเสินหลิงครุ่นคิด ก็ขมวดคิ้วพร้อมคิดในใจว่า "ดูท่าทางจำเป็นต้องไปบำเพ็ญเพียรเพียงในหอหลิงซวี ภายในมีค่ายกลเวลา สามารถควบคุมความเร็วกาลเวลา เช่นนี้เวลาบำเพ็ญเพียงจะยาวนานกว่าหนึ่งเดือนแน่นอน!"

"ก่อนจะไปหอหลิงซวี ต้องเตรียมของจำเป็นบางอย่างก่อน" เสินหลิงครุ่นคิดในใจ

พอนึกถึงการเตรียมของ เสินหลิงก็นึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา คนผู้นี้มีนามว่าหวังต้าฟาง เป็นผู้นำของผู้อาวุโสผู้สืบทอดมรดกทั้งเก้าของเสินหลิงในชาติก่อน ผู้อาวุโสผู้สืบทอดมรดกทั้งเก้าถูกเจ้าสำนักแต่ละรุ่นเลือกเป็นคนสนิท!

หวังต้าฟางเป็นพ่อค้าฉ้อฉลตัวยงโดยแท้!

เขาเป็นลูกชายของครอบครัวชาวบ้านเล็ก ๆ สมัยที่ยังอ่อนเยาว์ ด้วยความสามารถของลิ้นในปากพูดจาอย่างเฉลียวฉลาด และความกล้าหาญเหนือปุถุชน หวังต้าฟางจึงร่ำรวยใหญ่โตตั้งแต่อายุยี่สิบปี

พูดถึงจุดประสงค์ของหวังต้าฟางในการบำเพ็ญเพียรก็น่าสนใจมาก เป้าหมายของเขาก็คือการรักษาสมบัติอันมากมายมหาศาล!

"มีชีวิตอมตะเท่านั้น ถึงจะรักษาทรัพย์สมบัติไว้ได้ดีกว่า!"

"มีชีวิตอมตะเท่านั้น ถึงจะหาเงินได้ดีกว่า!"

หวังต้าฟางมักบอกเสมอว่า สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดก็คือ "ตัวเองตาย แต่เงินยังไม่ได้ใช้"

การหยั่งเชิงสถานการณ์เป็นเคล็ดลับในการทำเงินของหวังต้าฟางโดยตลอด และเป็นเหตุผลพื้นฐานที่เขาได้เจริญรุ่งเรืองในสำนักเสิน!

สำนักเสินจะดึงผู้มีความสามารถจากปุถุชนมาเป็นศิษย์ทุกปี หวังต้าฟางจะลงทุนกับศิษย์ใหม่ที่โดดเด่นเป็นอันดับต้น ๆ

หวังต้าฟางจะช่วยเหลือศิลาวิญญาณจำนวนมากให้กับศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ขาดแคลนศิลาวิญญาณ

สำหรับศิษย์พี่ศิษย์น้องที่มาจากตระกูลชื่อดัง หวังต้าฟางก็เปลี่ยนวิธีการ นั่นก็คือสอนให้รู้ในทุกอย่าง

บอกให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องมาถามเขาเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นกฎระเบียบของสำนักเสิน ปัญหาเกี่ยวกับการบำเพ็ญเพียง

หวังต้าฟางจะช่วยเหลือศิษย์พี่ศิษย์น้องในทุกด้านที่เขาช่วยได้

คนผู้นี้จะทำแบบนี้ทุกครั้งที่มีศิษย์ใหม่เข้ามา

หวังต้าฟางจะลงทุนกับพวกเขาแค่เล็กน้อยในช่วงแรก พอพวกศิษย์พัฒนาวรยุทธ์ขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว

การลงทุนทั้งหมดในช่วงแรกนี้จะส่งผลดีต่อหวังต้าฟางในทางตรงหรือทางอ้อมด้วยวิธีต่าง ๆ

พูดถึงในสำนัก ถึงแม้เจ้าอาจจะไม่เคยเห็นเสินหลิง แต่ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่เจ้าจะไม่รู้จักหวังต้าฟาง

หากจะเลือกหาใบหน้าที่คุ้นเคยที่สุดในสำนักเสิน หวังต้าฟางต้องได้รับคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์แน่นอน!

ในสำนักเสิน คนที่เก่งด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลที่สุดก็คือผู้ชายคนนี้!

ในสำนักเสิน ตั้งแต่ผู้อาวุโสของสำนักไปจนถึงคนรับใช้เบื้องล่าง ต่างก็เป็นคนที่หวังต้าฟางมีความสัมพันธ์ด้วย!

เสินหลิงหยิบแผ่นหยกขึ้นมาจากแหวนวิหคเฟิ่งหวง เขาจ้องไปที่แผ่นหยก ดวงตาฉายแววเก้าดวงดาวหมุนวนอย่างรวดเร็ว จากนั้นลำแสงสีเลือดก็พุ่งออกมาจากดวงตา

เสินหลิงใช้พลังแก่นวิญญาณจารึกรายการสิ่งของที่ต้องการทั้งหมดลงบนแผ่นหยก

เสินหลิงหยิบหอยวิญญาณสื่อสารออกมาอีกครั้ง ฝังปราณลงไป หอยสื่อสารสีขาวเปล่งประกายเงิน "ศิษย์น้องหวัง ไม่ทราบเจ้าสบายดีหรือไม่ มาพูดคุยกันที่ยอดเขาเจ้าสำนักของข้าสักหน่อย"

เนื่องจากเสินหลิงเป็นเจ้าสำนักรุ่นที่สี่ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นศิษย์คนใดก็ต้องเคารพเรียกเสินหลิงว่าศิษย์พี่ใหญ่หรือเจ้าสำนักน้อย

เสียงตอบกลับมาจากหอยสื่อสารในทันที "ด้วยบารมีเจ้าสำนักน้อย ผู้น้อยคนอ้วนหวังสุขสบายดี เจ้าสำนักน้อยโปรดรอสักครู่"

"ได้ ข้าจะรอเจ้า" เสินหลิงหยุดส่งปราณเข้าไปในหอยสื่อสาร

"ไม่แปลกใจเลยที่สำนักเสินจะร่ำรวยขนาดนี้ อุตสาหกรรมหลักของสำนักเสินมีมากมาย การสร้างศิลาวิญญาณก็เหมือนการนำเงินออกมาใช้ หอยสื่อสารที่ผู้ฝึกตนในโลกบำเพ็ญเพียรเกือบทุกคนมีก็เหมือนกับโทรศัพท์และการสื่อสารนั่นเอง" เสินหลิงวิเคราะห์พลางเล่นหอยสื่อสารขนาดเท่าฝ่ามือในมือ

ไม่นานก็มีเสียงเคาะประตู "ผู้น้อยมาแล้ว เจ้าสำนักน้อย" เสินหลิงเปิดประตูห้อง ก็เห็นชายอ้วนตัวใหญ่ยืนอยู่หน้าประตู ตัวอ้วนจนเกือบบังประตูมิดชิดแล้ว

เมื่อมองให้ดี ก็พบว่าเขาเป็นคนอ้วนที่ดูท่าจะมีบุญวาสนามาก มีใบหน้ากลมแบบที่คนอ้วนควรมี เป็นใบหน้าที่กลมมาก ๆ จมูกโด่ง คิ้วหนา ตาโต ใบหน้าอวบอิ่ม หูใหญ่ ผิวขาวอ้วนท้วน ทั้งยังมีพุงใหญ่โตอีก เหมือนกับมี๋เล่อฝู* มาก ๆ

(มี๋เล่อฝู หรือเรียกว่า พระสังกัจจายน์)

คนอ้วนใส่เสื้อคลุมสีม่วง สีเสื้อคลุมของศิษย์ในสำนักเสินมีความหมายเป็นพิเศษ!

ระดับของศิษย์สำนักเสินจากต่ำไปสูง แบ่งเป็นสีแดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า น้ำเงิน ม่วง ดำ ขาว ตามลำดับ ตรงกับระดับการบำเพ็ญเพียรที่แตกต่างกัน ส่วนขั้นเซียนอิสระจะใส่อะไรก็ได้!

สีม่วงเป็นสีที่เจ็ด ตรงกับขั้นหลอมรวม

"เจ้าสำนักน้อย ผู้น้อยมาถึงทันเวลาพอดี พอได้ยินท่านเรียกหาผู้แซ่หวัง ผู้น้อยก็วางทุกอย่างในมือลงแล้วรีบมาหาท่านทันที ท่านจึงเป็นผู้ที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ในใจผู้น้อย…………." คนอ้วนประจบสอพลออย่างไม่อายใคร

สักพักคนอ้วนบอกว่าหิวน้ำ พอดื่มน้ำชาหมดไปขันใหญ่ ก็ยังจะพูดต่ออีก

เห็นได้ชัดว่าหวังต้าฟางคนนี้ก็คือ "คนขี้ประจบ" ในตำนานนั่นเอง ทั้งยังเป็นพวกที่ "ขี้ประจบหนักมาก!"

หวังต้าฟางมาอยู่สำนักเสินมาร้อยปีแล้ว เขาใช้ทุกความสัมพันธ์ที่มีถึงได้ติดต่อกับเสินหลิงได้!

ในที่สุดหวังต้าฟางก็สมหวัง ได้กอดขาเสินหลิงซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่มีอำนาจมากที่สุดของสำนักเสิน

หวังต้าฟางได้รับทรัพยากรหายากในสำนักผ่านความสัมพันธ์กับเสินหลิง แล้วนำมาแลกเปลี่ยนกับกลุ่มอำนาจอื่น จากนั้นเอาทรัพยากรหายากที่ได้มาจากกลุ่มอำนาจอื่นไปแลกเปลี่ยนกับสำนักอีกครั้ง

ไปมาแบบนี้ทำให้หวังต้าฟางได้รู้ว่าแคว้นที่ร่ำรวยอย่างแท้จริงคือสิ่งใด! ในสายตาของหวังต้าฟาง เสินหลิงก็คือเทพทรัพย์เสี่ยงทายมีชีวิตดังนั้น เขาจึงแทบจะสร้างรูปทองเพื่อกราบไหว้เสินหลิงแล้ว

"สุนัขเลีย ขี้ประจบ" เลียจนสุดท้ายก็ได้ทุกอย่างที่ต้องการ เห็นได้ชัดว่าหวังต้าฟางประสบความสำเร็จ!

แม้เสินหลิงจะชอบฟังคำสรรเสริญ แต่ตอนนี้ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ จึงจำเป็นต้องขัดจังหวะคำประจบของหวังต้าฟาง ได้แต่กล่าวอย่างอ้อยอิ่งว่า "พอแล้ว ที่เหลือไว้คราวหน้าค่อยคุยกัน!"

"แผ่นหยกนี้จดรายการสิ่งของที่ข้าต้องการ เจ้าจัดเตรียมให้พร้อมก่อนพระอาทิตย์ตก ข้าจะใช้พรุ่งนี้ ข้าจะให้ตรางเจ้าสำนักรุ่นที่สี่แก่เจ้า เจ้าเอาไปรับของในหอสมบัติของสำนักได้เลย!" เสินหลิงว่าพลางส่งตราสัญลักษณ์ที่สลักตัวอักษรสีสดใส "เสินหลิง" ให้แก่หวังต้าฟาง

"ผู้น้อยจะจัดการให้ ท่านไว้ใจได้เลย ผู้น้อยจะไปรับมาเดี๋ยวนี้" หวังต้าฟางว่าพลางรับตรารับรองจากมือเสินหลิงอย่างนอบน้อมด้วยสองมือ จากนั้นก็รีบออกไป

"จะจากไปเป็นเดือน ต้องไปลาท่านพ่อท่านแม่ก่อนกระมัง!" เสินหลิงตรึกตรองแล้วเปรยออกมาอย่างเงียบ ๆ

เขาเดินสาวเท้าก้าวยาว ๆ ไปยังตำหนักเจ้าสำนัก ยกมือเคาะประตูเบา ๆ "ท่านพ่อ หลิงเอ๋อร์มาเข้าพบท่าน"

เสียงบุรุษแสนองอาจกังวานก้องจากในห้อง "เข้ามา!"

เสินหลิงผลักประตูเข้าไปในห้อง แล้วปิดประตูตามมาโดยไม่ได้ใส่ใจ

ข้างโต๊ะเขียนหนังสือนั่งบุรุษวัยกลางคนใส่ชุดคลุมสีทอง ใบหน้าสี่เหลี่ยมบึกบึน คิ้วหนา ดวงตาเฉียบคมเหมือนอินทรี แต่กลับมีสีเขียวมรกตลึกลับ ในดวงตายังมีลวดลายวงปีเหมือนต้นไม้มากมาย ดูน่าเกรงขามโดยที่ไม่ต้องแสดงอารมณ์โกรธเคืองเลยแม้แต่น้อย

"ท่านพ่อ!" เสินหลิงกุมมือคารวะ

"ไปก่อเรื่องอะไรมาอีกล่ะ! เจ้าไปขุดเจาะสุสานบรรพบุรุษของใครอีกแล้วหรือไง! โชคดีที่สำนักเสินทั้งสามรุ่นของพวกเรายังมีชีวิตอยู่ ถ้าพวกเราตายไปแล้ว ข้ากลัวว่าแม้แต่สุสานของพวกเราเจ้าก็ยังจะไปขุดอีก!" เสินถูมองเสินหลิงด้วยความระอา

"ครั้งนี้ไม่ได้ก่อเรื่องจริง ๆ นะขอรับ อีกอย่างที่ท่านพูดนั่น ข้ากำลังสำรวจซากปรักหักพังโบราณ ไม่ได้ไปขุดสุสานเสียหน่อย! หรือต่อให้ไปขุดจริง ข้าก็ไม่มีทางไปขุดสุสานบ้านเราหรอก! ท่านพ่อ จริง ๆ แล้วข้าอยากจะไปบำเพ็ญเพียรในหอหลิงซวี ความอับอายในงานประชุมใหญ่หมื่นสำนักครั้งที่แล้ว ข้าจะต้องตอบแทนเริ่นอ้าวเทียนเป็นร้อยเท่า!" เสินหลิงมองเสินถูด้วยสีหน้านิ่งเรียบ

"นี่แสงแดดส่องทางทิศตะวันตกแล้วเรอะ ฮ่า ฮ่า ก้อนหินที่ดื้อของข้าก็ยังมีวันที่ฉลาดขึ้นเหมือนกัน! แก้ไขเรื่องราวก่อนจะย่ำแย่เกินไป ก็ยังไม่สายไปสินะ ดี ดี ดี" เสินถูตบไหล่เสินหลิงอย่างตื่นเต้นถึงขนาดพูดคำว่าดีติดต่อกันถึงสามครั้ง

"ที่ข้าจะไปบำเพ็ญเพียรในหอหลิงซวีครั้งนี้ น่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน เลยมากล่าวลาท่านพ่อท่านแม่เป็นพิเศษ" เสินหลิงเอ่ย

"ต้องการอะไรก็ติดต่อมาหาข้า ข้าจะให้คนจัดเตรียมให้ แล้วก็อย่าลืม พกสร้อยหัวใจหลิงหลงศักดิ์สิทธิ์สร้างสรรพสิ่งที่ข้าให้เจ้าไว้ตลอดเวลา นี่เป็นสิ่งที่ลอกออกมาจากหัวใจหลิงหลงแห่งศักดิ์สิทธิ์สร้างสรรพสิ่งของข้า มีประโยชน์นานัปการ" เสินถูกล่าวด้วยความเป็นห่วง

"อีกอย่างไปลาแม่เจ้าสักหน่อย นางจะได้ไม่เป็นห่วงเจ้า" เสินถูกำชับ

"หลิงเอ๋อร์ทราบแล้ว เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะขอรับท่านพ่อ" เสินหลิงพยักหน้าน้อย ๆ ตอบ

"อืม ไปเถอะ! ระวังตัวด้วยล่ะ" เสินถูกำชับอีกครั้ง

เสินหลิงคำนับเสินถูแล้วหมุนตัวจากไป มาถึงตำหนักหมื่นบุปผาของหงซวง หงซวงมักปลูกดอกไม้ที่นางชอบเต็มไปหมดในตำหนักหมื่นบุปผานี้ เวลาว่าง ๆ ก็จะมาจัดแจงต้นไม้ดอกไม้อยู่ที่นี่

เขาเคาะประตูเบา ๆ "ท่านแม่ หลิงเอ๋อร์มาเข้าพบท่าน" แต่กลับยังไม่ทันที่เสินหลิงจะผลักประตู หงซวงก็เปิดประตูออกมาก่อนแล้ว

สตรีชุดแดงผู้งดงามปรากฏอยู่ตรงหน้า นางใส่เสื้อคลุมสีแดงเหมือนกับเสินหลิง เพียงแต่ลวดลายแบบแตกต่างกันเล็กน้อยเท่านั้น

ใบหน้ารูปไข่ห่านผิวขาว คิ้วโค้งรูปใบหลิว ริมฝีปากบางสวยสีเหมือนผลอิงเถา ดวงตาหยีโค้งงามชวนหลงใหล

หงซวงพูดเสียงเบากับเสินหลิงด้วยดวงตาแฝงรอยยิ้ม "เข้ามาเร็ว!"

หลังจากนั้นเสินหลิงก็ตามหงซวงเข้าไปในห้อง

"แม่พึ่งเด็ดผลโซ่วเยวี๋ยนที่เจ้าชอบมากที่สุดมา กำลังจะไปเรียกเจ้าพอดีไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมาหาเอง ไปก่อเรื่องมาอีกแล้วใช่ไหม! เดี๋ยวแม่จะไปหาพ่อของเจ้า ให้เขาไปจัดการให้" หงซวงพูดยิ้ม ๆ พลางลูบหัวเสินหลิงอย่างรักใคร่

"ท่านแม่ หลิงเอ๋อร์ไม่ได้ไปก่อเรื่องมาเสียหน่อย แค่อยากไปบำเพ็ญเพียรในหอหลิงซวีก็เท่านั้น เพราะต้องใช้เวลาไปนานถึงหนึ่งเดือน จึงมากล่าวลาท่านแม่ก่อน" เสินหลิงมองหงซวงด้วยสีหน้าเก้อเขิน

"ฮ่า ฮ่า ดูเหมือนลูกชายของแม่จะโตขึ้นแล้วสินะ รู้จักเริ่มบำเพ็ญเพียรบ้างแล้ว เจ้าไปบำเพ็ญเพียรที่หอหลิงซวีย่อมเป็นเรื่องที่ดี ดูแลตัวเองดี ๆ ล่ะ ตั้งแต่เล็กจนโต แม่เป็นคนดูแลเจ้ามาตลอด ครั้งนี้แม่ไม่ได้อยู่ข้าง ๆ เจ้าตอนไปบำเพ็ญเพียรนะ" หงซวงพูดกับเสินหลิงด้วยสีหน้าเป็นห่วง

"ขอรับ หลิงเอ๋อร์จะดูแลตัวเองให้ดีแน่นอน ท่านแม่วางใจได้เลย!" เสินหลิงยิ้มแป้นมองหงซวง

"เช่นนั้นเจ้าก็เอาผลโซ่วเยวี๋ยนนี่ไปทานเล่นตอนที่ว่างจากการบำเพ็ญเพียรนะ เจ้าชอบกินที่สุดเลยไม่ใช่หรือ" หงซวงยื่นแหวนเก็บของวิเศษให้เสินหลิง

เสินหลิงรับแหวนเก็บของวิเศษที่ใส่ผลโซ่วเยวี๋ยนเต็มไปหมด จากนั้นก็คุยกับหงซวงอีกสักพักแล้วก็กลับไปที่ตำหนักของตน

เสินหลิงผลักประตูตำหนัก ก็เห็นหวังต้าฟางรออยู่ข้างในเรียบร้อยแล้ว

"รบกวนศิษย์น้องหวังแล้ว!" เสินหลิงกล่าวยิ้ม ๆ พร้อมกับประสานมือ

"ฮะ ฮ่า ไม่เป็นไรหรอก ไม่เป็นไรเลย ได้ทำงานให้เจ้าสำนักน้อยเป็นเกียรติของผู้น้อยยิ่ง" หวังต้าฟางพูดด้วยสีหน้าประจบสอพลอ

"เมื่อข้าได้ควบคุมดูแลสำนักเสิน เจ้าก็จะเป็นหัวหน้าผู้อาวุโสผู้สืบทอดมรดกทั้งเก้าของข้า" เสินหลิงตบไหล่หวังต้าฟางพร้อมพูดพร้อมรอยยิ้ม

"จะไม่ทำให้เจ้าสำนักน้อยผิดหวัง ผู้น้อยจะทุ่มเทเพื่อสำนักเสินจนวาระสุดท้าย" หวังต้าฟางพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจนสั่นเครือ

หัวหน้าผู้อาวุโสสืบทอดมรดกทั้งเก้าหมายถึงผู้รองจากเจ้าสำนัก แม้ว่าหวังต้าฟางจะเดาไว้แล้วว่าตนจะได้เป็นหัวหน้าผู้อาวุโสสืบทอด แต่พอเสินหลิงพูดออกมาด้วยปากตัวเอง หวังต้าฟางก็ยังตื่นเต้นจนตัวสั่นไปทั้งตัว!

หวังต้าฟางรู้ดีถึงความยิ่งใหญ่ของสำนักเสิน!

นี่คือกลุ่มอำนาจที่หนึ่งของมนุษย์ ผู้ครอบครองหมู่ดาวทั้งมวล!

สำนักเสินมีดาวถึงหนึ่งร้อยแปดดวง ดาวที่พวกเขาอยู่ตอนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น!

เพียงศิษย์ใต้สังกัดสำนักเสินก็มีมากกว่าล้านคน ส่วนผู้ไร้วิชาบนดาวที่สำนักเสินปกครองนั้นมากมายจนนับไม่ถ้วน

สักพักหวังต้าฟางก็กล่าวลาเสินหลิงแล้วหันหลังออกไป

เวลานี้พระจันทร์ก็ขึ้นสู่ยอดต้นไม้แล้ว เสินหลิงนอนอยู่บนเตียงใหญ่ที่ทำจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สร้างสรรพสิ่ง เขากำลังพลิกอ่าน 'ตำราเทพจักรพรรดิ' อย่างละเอียด กำลังตามหาวิธีเพิ่มกำลังอย่างรวดเร็ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด