บทที่ 6 ฝึกปราณระดับหนึ่ง
แผ่นดินโบราณหายวับไปในพริบตา ตามมาด้วยมิติประหลาดที่ผุดขึ้นมาแทน
มิติประหลาดนี้คุ้นเคยกับเสินหลิงยิ่งนัก!
ในชาติก่อน เมื่อเสินหลิงบำเพ็ญเพียร สิ่งที่ปรากฏขึ้นก็คือมิติประหลาดนี้นั่นเอง
"หรือว่าวิธีเปิดตำราเทพจักรพรรดิจะไม่ถูกต้อง?" เสินหลิงพึมพำกับตัวเองด้วยความประหลาดใจ
ในชาติก่อน เสินหลิงนอนเปิดตำราเทพจักรพรรดิ แต่ตอนนี้เขานั่งเปิด
'หรือว่าชาติก่อนไม่เคารพตำราเทพจักรพรรดิมากพอ จึงไม่ปรากฏแผ่นดินโบราณประหลาด! นี่แค่หนังสือเล่มหนึ่ง ยังมีมาพูดถึงศักดิ์ศรีอะไรกับข้าอีก!' เสินหลิงคิดในใจด้วยความระอาใจ
ในห้วงมิติอันกว้างใหญ่นั้น มีเพียงเสินหลิงและหุ่นไม้โปร่งแสงตัวหนึ่ง หุ่นไม้นี้มีหน้าที่ช่วยฝึกฝนเคล็ดวิชา
คาถาเคล็ดวิชา "สวรรค์ลงทัณฑ์" ดังก้องไปทั่วนภา คำอักษรสีทองปรากฏขึ้นในห้วงมิติทีละตัวแล้วตัวเล่า
พิมพ์นิ้วมือของหุ่นไม้ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ด้านข้างพลิกไหวไปมา เส้นทางการหมุนเวียนของเส้นลมปราณปรากฏขึ้นบนร่างหุ่นไม้ทีละสาย
สายฟ้าล้อมรอบหุ่นไม้โปร่งแสง
หุ่นไม้สูดพลังปราณเข้าไปในร่างกาย พลางผูกพิมพ์มือนานาชนิดไม่หยุดหย่อน
ปราณวิญญาณหลายสายไหลเวียนภายในเส้นลมปราณ สุดท้ายรวมกันเป็นหนึ่งเดียว กระจุกตัวที่ตำแหน่งจุดศูนย์กลางกายราวกับสายน้ำนับพันไหลสู่มหาสมุทร
ปราณวิญญาณถูกเก็บสะสมที่จุดศูนย์กลางกายก่อน จากนั้นจึงกระจายออกไป วนเป็นวงเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมา นี่เรียกว่าการหมุนเวียนของพลังปราณ
ปราณวิญญาณไหลวนในเส้นลมปราณทั่วร่างกายตามเส้นทางพิเศษที่ถูกกำหนดไว้
หุ่นไม้กำลังฝึกฝนเคล็ดวิชา "สวรรค์ลงทัณฑ์" ขั้นที่หนึ่ง
เสินหลิงจ้องมองหุ่นไม้อย่างเอาจริงเอาจัง จดจำการหมุนเวียนของปราณวิญยาณไว้อย่างแม่นยำ
เก้าดวงดาวในดวงตาของเสินหลิงหมุนวนอย่างรวดเร็ว
หลังจากหุ่นไม้ฝึกฝนเคล็ดวิชาจบลง ก็ลุกขึ้นยืน แล้วแสดงพลังเทพของ "สวรรค์ลงทัณฑ์" ต่อไป!
หลายสายของปราณวิญญาณถูกแยกออกจากทะเลชี่ในจุดศูนย์กลางกายของหุ่นไม้ พลังปราณนั้นไหลผ่านเส้นลมปราณมารวมกันที่นิ้วชี้ของมัน
เสียงฟ้าผ่าดังแหลมแว่วก้องไปทั่วบริเวณรอบตัวหุ่นไม้!
สายฟ้าแลบวาบที่ปลายนิ้วของหุ่นไม้ ทุกที่ที่ถูกนิ้วชี้ผ่านล้วนสั่นสะเทือน!
นี่คือ "อัสนีทะลวงนภา" หนึ่งในพลังเทพของ "สวรรค์ลงทัณฑ์" มีความเร็วสูงมาก เมื่อฝึกฝนถึงขั้นสูงสุดจะสามารถเจาะทะลุมิติได้!
ครู่หนึ่งต่อมา หุ่นไม้จบการฝึกฝนอัสนีทะลวงนภา!
หุ่นไม้ยังคงฝึกฝนพลังเทพใหม่ต่อไป!
ปราณวิญญาณภายในจุดศูนย์กลางกายของหุ่นไม้ ไหลผ่านเส้นลมปราณลงมารวมตัวที่จุดลมปราณใต้ฝ่าเท้า
แสงสีฟ้าวาบหนึ่งผ่านตาเสินหลิง หุ่นไม้ปรากฏตัวอยู่ห่างออกไปหลายจั้ง
หุ่นไม้ใช้เวลาเพียงชั่วพริบตาในการเปลี่ยนตำแหน่งตัวเองด้วยวิชาตัวเบา นี่คือวิชาตัวเบาธาตุอัสนี "อัสนีกัมปนาท"!
เคล็ดวิชาธาตุอัสนีคือเคล็ดวิชาความเร็วชั้นยอดสุด และ "สวรรค์ลงทัณฑ์" นี้ก็คือเคล็ดวิชาธาตุอัสนีระดับสูงสุด
เสินหลิงหยุดส่งพลังแก่นวิญญาณเข้าไปในตำราเทพจักรพรรดิ แล้วลืมตาขึ้น
บนฟ้าดินนี้มีอาคมทั้งหมดสิบสองชนิด อาคมแต่ละชนิดแบ่งออกเป็นหนึ่งร้อยแปดผนึก
หน้าที่ของผนึกอาคมคือช่วยเหลือการไหลเวียนและการเปลี่ยนรูปของพลังปราณภายในร่างกาย
เสินหลิงในชาติก่อนชอบสำรวจซากปรักหักพังโบราณ (ขุดสุสานปล้นหลุมศพ) จึงมีความชำนาญในด้านค่ายกลระดับสูงมาก
ผนึกอาคมของวิชาเต๋าและผนึกอาคมของปรมาจารย์ค่ายกลวิญญาณมีรากฐานเดียวกัน
เพียงแต่ผนึกอาคมค่ายกลนั้นซับซ้อนกว่า
ปรมาจารย์ค่ายกลวิญญาณระดับสูงจะต้องเป็นผู้ฝึกตนวิถีเต๋าที่มีระดับวรยุทธ์ทะลวงสวรรค์อย่างแน่นอน เสินหลิงในชาติที่แล้วคือปรมาจารย์ค่ายกลที่อายุน้อยที่สุด
ในชาติก่อน เสินหลิงเน้นฝึกฝน "สวรรค์ลงทัณฑ์" เป็นหลัก และได้เชี่ยวชาญ "อัสนีทะลวงนภา" กับ "อัสนีกัมปนาท" ไปนานแล้ว!
เคล็ดวิชา "สวรรค์ลงทัณฑ์" เหมือนชื่อของมัน คือการลงโทษแทนสรวงสวรรค์ และการลงโทษของสรวงสวรรค์ก็คืออัสนี เมื่อฝึกฝนจนถึงขีดสุดแล้วจะมีพลังอำนาจมหาศาล
"สวรรค์ลงทัณฑ์" คือหนึ่งในเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุด เมื่อฝึกจนสุดขีด เอ่ยปากออกมาอย่างไร อัสนีก็จะมาประจวบตามนั้น
ตอนนี้ระดับวรยุทธ์ของเสินหลิงอยู่ที่ขั้นฝึกปราณระดับแปด แต่ระดับนี้ได้มาจากการกินเม็ดโอสถ!
ระดับวรยุทธ์นี้ถูกเพิ่มขึ้นเพื่อเข้าร่วมงานชุมนุมใหญ่หมื่นสำนัก ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยขี้เกียจของเสินหลิงในชาติก่อน เขาคงยังไม่เริ่มฝึกตนด้วยซ้ำ
เสินถูใช้โอสถวิเศษมากมายเพื่อหลอมโอสถม่านซาถานฮวาได้สามเม็ด!
โอสถนี้กินแล้วจะเพิ่มระดับวรยุทธ์ชั่วคราว ทั้งยังไม่ทำลายรากฐานแม้แต่น้อย แต่ทั้งชีวิตกินได้เพียงสามครั้ง หลังสามครั้งแล้วกินต่อไปก็ไม่มีผลอะไรอีก!
โอสถที่เพิ่มระดับวรยุทธ์ชั่วคราวชนิดนี้ ผู้ฝึกตนระดับหนึ่งเท่านั้นจึงจะกินได้
เพราะฉะนั้นเสินหลิงจึงกินโอสถที่ไม่กระทบรากฐานอีกจำนวนหนึ่ง จึงได้วรยุทธ์ขั้นฝึกปราณระดับแปดมา
พลังปราณภายในร่างเสินหลิงในตอนนี้ ไม่ได้ผ่านการสร้างด้วยผนึกอาคมพิเศษของ "สวรรค์ลงทัณฑ์" จะส่งผลต่อการฝึกตนในภายหลัง
เสินหลิงจึงจำต้องสลายวรยุทธ์ขั้นฝึกปราณระดับแปดนี้ออกไป แล้วเริ่มฝึกตนใหม่
สลายวรยุทธ์ออกไปจะสร้างความเสียหายต่อร่างกายอย่างมาก! แต่ในฐานะเจ้าสำนักน้อย โอสถวิเศษรักษาบาดแผลของสำนักเสินมีอย่างครบถ้วน ไร้กังวลสิ้นดี
เขาเตรียมเม็ดโอสถศักดิ์สิทธิ์สร้างสรรพสิ่งไว้ข้างกายสองสามขวด มีโอสถสิบเม็ดในแต่ละขวด!
โอสถศักดิ์สิทธิ์สร้างสรรพสิ่งทำจากกิ่งและใบที่หลุดร่วงจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สร้างสรรพสิ่ง เป็นโอสถวิเศษรักษาบาดแผลที่ดีที่สุด
เสินหลิงนั่งขัดสมาธิบนเตียงไม้ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สร้างสรรพสิ่ง ค่อย ๆ หลับตาลงพลางสูดลมหายใเข้าลึกสองสามครั้ง
หลังจากหายใจสองสามครั้ง ลมหายใจของเสินหลิงสม่ำเสมอขึ้น เขาผ่อนคลายแก่นวิญญาณทีละนิด เขย่าผนึกอาคมในมือ
จื่อ (10) โฉ่ว (15) อิ๋น(20) เหม่า (50) เฉิน (15) ซื่อ (20) อู่ (10) เว่ย (20) เซิน (15) โหย่ว (20) ซวี (50) ไฮ่ (20)* เสินหลิงกดลงบนจุดลมปราณทั่วร่างกายอย่างรวดเร็ว
(*อักษรภาคปฐพี จาก ‘แผนภูมิสวรรค์’ คือระบบเลขฐาน 60 แบบวนรอบที่เขียนด้วยอักษรจีน ซึ่งประกอบด้วยส่วนย่อย 2 ส่วน ได้แก่ ภาคสวรรค์ เรียกว่า "ราศีบน" มี 10 ตัวอักษร (天干; tiāngān เทียนกาน) และภาคปฐพี เรียกว่า "ราศีล่าง" มี 12 ตัวอักษร (地支; dìzhī ตี้จือ) ในนิยายเรื่อง พ่อบุญธรรมของข้าคือสรวงสวรรค์ ใช้แทนจุดลมปราณ)
"สลาย!"
เสินหลิงกระซิบเสียงต่ำ พลังปราณในจุดศูนย์กลางกายถูกปล่อยออกไปจากรูขุมขนทั่วร่างกาย
ความรู้สึกอ่อนแรงถาโถมเข้ามาในทันที เสินหลิงคว้าขวดโอสถศักดิ์สิทธิ์สร้างสรรพสิ่งขึ้น แล้วเทเม็ดโอสถทั้งขวดเข้าปาก!
เม็ดโอสถศักดิ์สิทธิ์สร้างสรรพสิ่งทั้งขวดทำให้แก้มของเสินหลิงตุ่ยออก เขาเริ่มเคี้ยวอย่างเอาเป็นเอาตาย!
เสินหลิงรู้สึกว่ารสชาติของโอสถศักดิ์สิทธิ์สร้างสรรพสิ่งนี้ไม่เลวเลย! กินแล้วคล้ายอมลูกอมสะระแหน่นิดหน่อย!
'ไม่รู้ว่าต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สร้างสรรพสิ่งของพ่อข้าจะเป็นกลิ่นสะระแหน่ด้วยหรือเปล่านะ!' เสินหลิงคิดในใจอย่างประหลาด
เม็ดยาถูกกลืนลงท้อง พลังปราณนับไม่ถ้วนพุ่งทะลักออกมา ซ่อมแซมร่างกายอ่อนแรงอย่างรวดเร็ว
หลังจากกินเม็ดโอสถติดต่อกันสองขวด ความอ่อนแรงจากการสลายวรยุทธ์ของเสินหลิง จึงค่อย ๆ หายไป
เสินหลิงลงมือฝึกฝน "สวรรค์ลงทัณฑ์" ผนึกอาคมเคล็ดวิชาขั้นที่หนึ่งปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทีละอัน
ผนึกอาคมในมือเสินหลิงพลิกไหวไปมา เขาใช้ผนึกอาคมตาม "สวรรค์ลงทัณฑ์" ออกไป จุดลมปราณภายในร่างกายที่สอดคล้องกับผนึกอาคมถูกพลังปราณกระตุ้นไปทีละจุด กลุ่มเมฆดาวในจุดศูนย์กลางกายยังคงหมุนวนไม่หยุด
ทันทีที่ผนึกอาคมปรากฏขึ้น อัสนีสายเล็กสายน้อยก็ล้อมรอบเสินหลิง
ปรานวิญญาณรอบตัวเขาถูกดึงดูดเข้าไปอย่างไม่ขาดสาย แล้วเปลี่ยนเป็นพลังปราณธาตุอัสนีอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สร้างสรรพสิ่งก็ยิงลำแสงสีเขียวมรกตมาที่เสินหลิง
เมื่อลำแสงเข้าสู่ร่างกาย ความเร็วในการเปลี่ยนปราณวิญญาณให้เป็นพลังปราณธาตุอัสนีก็เพิ่มขึ้นอีกสามเท่า
สิ่งที่เสินหลิงต้องการสร้างคือเส้นลมปราณหยางเชียว ซึ่งเป็นเส้นลมปราณแรกที่จะต้องสร้าง
'คนธรรมดาทั่วไปมีสิบสองเส้นลมปราณหลักและเส้นประสานที่เชื่อมต่อกันหมด มีเพียงเส้นลมปราณสำคัญแปดเส้นเท่านั้นที่อุดตัน ดังนั้นการบำเพ็ญเพียรก็คือการเปิดเส้นลมปราณที่อุดตันในร่างกายเหล่านี้' เสินหลิงก็เข้าใจถึงทิศทางการฝึกตนในขั้นฝึกปราณแล้ว
เสินหลิงได้เรียนรู้ผ่าน "ตำราเทพจักรพรรดิ" ว่าเส้นลมปราณสำคัญแปดเส้น หรือเส้นลมปราณหลักที่ทอดยาว ได้แก่ เส้นลมปราณตู เส้นลมปราณเริ่น เส้นลมปราณชง เส้นลมปราณไต้ เส้นลมปราณหยินเหวย เส้นลมปราณหยางเหวย เส้นลมปราณหยินเจวีย เส้นลมปราณหยางเชียว รวมทั้งหมดแปดเส้น
เส้นลมปราณตูพาดผ่านกลางแนวหลัง เส้นลมปราณเริ่นพาดผ่านกลางแนวหน้า เส้นลมปราณชงพาดผ่านหน้าท้องและมาบรรจบกับเส้นเล็กหยินที่เท้า
เส้นลมปราณไต้พาดผ่านเอวในแนวนอน เส้นลมปราณหยางเชียวพาดผ่านด้านนอกของขา ไหล่ และศีรษะเส้นลมปราณหยินเหวยพาดผ่านด้านในของขา หัวเข่า และดวงตา
เส้นลมปราณหยางเหวยพาดผ่านด้านนอกของขา ไหล่ และท้ายทอย เส้นลมปราณหยินเหวยพาดผ่านด้านในของขา หน้าท้อง และลำคอ
เส้นลมปราณสำคัญแปดเส้นนี้กระจายอยู่ทั่วร่างกาย เมื่อเปิดได้เมื่อไหร่ ระดับวรยุทธ์จะเพิ่มขึ้นทันที!
จริง ๆ แล้วเส้นลมปราณพวกนี้ไม่มีอยู่จริง แค่เป็นชื่อเรียกรวม ๆ ของอวัยวะส่วนต่าง ๆ ในร่างกายเพื่อให้ผู้บำเพ็ญเพียรฝึกฝนได้ง่ายขึ้นเท่านั้น แต่ประโยชน์ของเส้นลมปราณเหล่านี้มีอยู่จริง
เคล็ดวิชาทั่วไปมักให้พลังปราณไหลเวียนอยู่ภายในเนื้อ แต่ "สวรรค์ลงทัณฑ์" ที่เสินหลิงฝึกฝนนั้น คือการทำให้เส้นลมปราณที่ไม่มีอยู่จริงเหล่านี้เป็นรูปธรรมขึ้นมา สร้างเส้นลมปราณลึกลับเหล่านี้ ทำให้พลังปราณหมุนเวียนอยู่ในช่องทางพิเศษที่เรียกว่า "เส้นลมปราณอัสนี"
'ไม่แปลกที่ "สวรรค์ลงทัณฑ์" จะมีพลังอำนาจมหาศาล ก็เพราะว่ามีความได้เปรียบตั้งแต่กำเนิดบนเส้นลมปราณอัสนีนี่เอง' เสินหลิงคาดหวังกับเส้นลมปราณอัสนีของ "สวรรค์ลงทัณฑ์" อย่างยิ่ง!
จื่อ (14) โฉ่ว (18) อิ๋น(55) เหม่า (7) เฉิน (99) ซื่อ (78) อู่ (77) เว่ย (77) เซิน (10) โหย่ว (101) ซวี (77) ไฮ่ (12) เสินหลิงผูกผนึกอาคมทีละอันอย่างรวดเร็ว
ทะเลปราณรูปร่างกลุ่มเมฆดาวในจุดศูนย์กลางกายผ่าออกเป็นพลังปราณสีฟ้าเส้นเล็กเท่าเส้นผม
ภายใต้การนำทางของผนึกอาคม พลังปราณมาถึงเส้นลมปราณหยางเชียว
พลังปราณธาตุอัสนีเส้นเล็ก ๆ เท่าเส้นผมนี้ดูเหมือนมีน้อย แต่กลับมีพลังทะลุทะลวงสูงยิ่ง
ในชั่วไม่กี่ลมหายใจ ก็เปิดจุดลมปราณเซินม้าย
"อึม" เสียงครางต่ำ ๆ ดังขึ้น ความเจ็บปวดจนแทบขาดใจแล่นขึ้นมาเมื่อเปิดจุดลมปราณสำเร็จ
นี่ไม่ถือว่าเป็นอะไรสำหรับเสินหลิงเลย หลังผ่านประสบการณ์ผิดหวังยากแค้นในชาติก่อน จิตใจของเสินหลิงมั่นคงยิ่งกว่าปกติ
วันหนึ่งผ่านไป พูชาน ฟูหยาง จูเหลียว น่าวอวี๋ เจียนอวี๋ จู้กู่ เทียนเหลียว ตี้ชาง จวี้เหลียว เฉิงชี่ จิงหมิง เฟิงฉือ จุดลมปราณเหล่านี้ถูกทำลายไปทีละจุด
ระดับวรยุทธ์ของเสินหลิงยังทะลวงไปถึงช่วงต้นของระดับฝึกปราณแรก ระดับฝึกปราณแบ่งเป็นสามช่วง คือ ฝึกปราณระยะต้น ฝึกปราณระยะกลาง และฝึกปราณระยะปลาย
จุดประสงค์ของฝึกปราณระยะต้นคือเปิดจุดลมปราณต่าง ๆ เพื่อวางรากฐานในการสร้างเส้นลมปราณ
จุดประสงค์ของฝึกปราณระยะกลางคือสร้างเส้นลมปราณแบบเดียวกับเส้นเลือด เช่นเดียวกับเลือดที่ไหลเวียนในเส้นเลือด เส้นลมปราณใหม่ที่เกิดขึ้นมาเพื่อให้พลังปราณไหลเวียน
จุดประสงค์ของฝึกปราณระยะปลาย คือใช้พลังปราณบำรุงเส้นลมปราณใหม่ นี่คือสามขั้นเล็กในระดับฝึกปราณ
เสินหลิงยืดตัวนิดหน่อย แล้วฝึกฝนต่อ
เสินหลิงทำท่ามุทรา จื่อ (14) โฉ่ว (18) อิ๋น(55) เหม่า (7) เฉิน (99) ซื่อ (78) อู่ (77) เว่ย (77) เซิน (10) โหย่ว (101) ซวี (77) ไฮ่ (12) อย่างรวดเร็ว ตามการปรากฏของผนึกอาคม
ภายในจุดศูนย์กลางกาย กลุ่มเมฆดาวที่เดิมหมุนช้า ๆ เริ่มหมุนด้วยความเร็วสูง จากกลุ่มเมฆดาวแตกออกเป็นอัสนีเล็ก ๆ นับไม่ถ้วน
อัสนีเหล่านี้ตามเส้นลมปราณหยางเชียว ปรากฏอยู่ระหว่างจุดลมปราณแรก พูชาน กับจุดลมปราณที่สอง ฟูหยาง
เมื่อผนึกอาคมนี้ถูกผูกออกมาอย่างต่อเนื่อง เส้นเลือดใกล้จุดลมปราณพูชานและฟูหยางทั้งสองจุดก็ค่อย ๆ บางลง ส่วนที่บางลงนั้นปรากฏขึ้นระหว่างจุดลมปราณพูชานและฟูหยาง
เส้นลมปราณส่วนเล็ก ๆ ก็แยกออกมาได้แบบนี้แหละ!
พูชาน ฟูหยาง จูเหลียว น่าวอวี๋ เจียนอวี๋ จู้กู่ เทียนเหลียว ตี้ชาง จวี้เหลียว เฉิงชี่ จิงหมิง เฟิงฉือ เส้นลมปราณระหว่างจุดลมปราณเหล่านี้ถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกันทีละนิด
เส้นลมปราณหยางเชียวที่สมบูรณ์ปรากฏขึ้นภายในร่างของเสินหลิง
หลังจากนั้น เสินหลิงเขย่าผนึกอาคมในมือ ควบคุมพลังแก่นวิญญาณ ค่อย ๆ บำรุงเส้นลมปราณ