บทที่ 5 ความสงสัย วิกฤต และสิ่งเหนือปาฏิหาริย์!
รากฐานของตระกูลอันอยู่ที่อวิ๋นเฉิง
แน่นอนว่าพวกลูกๆ ของตระกูลออันจะไม่ได้อยู่ห่างไกลจากที่นี่
ลูกชายทั้งสี่ของอันเซวียน อันชางกัว อันชางหมิง อันชางหยาง อันชางชิง!
พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้รับผิดชอบอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันไป
ส่วนลูกสาวสองคนเขานั้นได้แต่งงานออกข้างนอก ดังนั้นพวกเธอไม่ได้อยู่ในอวิ๋นเฉิง
คืนนี้รถยนต์หรูจำนวนมากมารวมตัวกันหน้าคฤหาสน์
อย่างไรก็ตาม ลูกชายคนโตของตระกูลอัน อันชางกัว ก็มีอายุถึง 60 ปีแล้ว
หลานชายของเขาก็อายุจะยี่สิบแล้ว!
การที่ให้คนห้ารุ่นสามารถพูดร่วมกันนั้นไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“พี่ใหญ่ พี่รู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ!”
“ฉันไม่รู้ หมิงเยว่ไม่ได้บอกอะไรมาแม้แต่น้อย”
“เจ้าสาม หมิงเย่เป็นลูกสาวของนาย นายน่าจะมีข่าวอะไรมาบ้าง”
“พี่ก็รู้ว่าเด็กคนนี้สนิทแค่กับคุณพ่อมาตั้งแต่เธอยังเด็ก ผมก็ไม่รู้ข่าวอะไร”
“หรือมันจะเกี่ยวอะไรกับที่ดินที่ได้มาก่อนหน้านี้ คุณพ่อต้องการทำอะไร?”
-
ที่ประตูคฤหาสน์ ลูกชายทั้งสี่ของตระกูลอันพูดคุยกันมากมาย
ส่วนลูกหลานของพวกเขสจำนวนหนึ่ง
พวกเขาทั้งหมดเดินตามหลังพ่อและปู่ของตนไป
ใบหน้าแต่ละคนก็ดูจริงจังมาก!
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเคารพชายชราคนนี้มาก
อย่างแรกก็เพราะว่าอันเซวียนเป็นหัวหน้าตระกูลอันของพวกเขา
และอันเซวียนห้ามไม่ให้ลูกชายและหลานๆ เหล่านี้พูดคุยเรื่องไร้สาระอะไรเด็ดขาด
แม้ว่าคุณจะไร้ประโยชน์แต่คุณจะไม่มีสมองไม่ได้!
อันเซวียนจะเข้มงวดกับพวกเขาตั้งแต่พวกเขายังเป็นเด็ก
อันเซวียนไม่ต้องการเพลย์บอยหรืออะไรทำนองนั้นในหมู่ลูกหลานของเขา
ในทางกลับกัน อันเซวียนคือบุคคลในตำนานผู้ก่อตั้งอันกรุ๊ป
นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมลูกชายหลายคนถึงย้ายออกจากคฤหาสน์
หลังจากเข้ามาในคฤหาสน์ อันเซวียนและอันหมิงเยว่ก็รออยู่ก่อนแล้ว
"สวัสดีครับปู่!"
"สวัสดีค่ะคุณปู่!"
"คุณพ่อครับ!"
-
เมื่อเห็นร่างของอันเซวียน อันชางกัวและคนอื่นๆ ก็พูดขึ้น
อันเซวียนพยักหน้า
หากเทียบกับอันหมิงเยว่แล้ว ลูกชายและหลานชายเขาถือเป็นคนใกล้ชิดประมาณปานกลางๆ มากกว่า
เขาไม่รู้ว่ามันเกี่ยวอะไรกับการศึกษาอันเข้มงวดของเขาตั้งแต่เด็กหรือเปล่า
หรือเป็นเพราะอันหมิงเยว่ไม่ได้สนใจกฎอะไร
เธอมักจะโดนอันเซวียนลงโทษบ่อยๆ
และหลังจากได้รับการสั่งสอนซ้ำแล้วซ้ำเล่าเมื่อเธอโตขึ้นเธอมักจะใกล้ชิดกับตัวเขามากกว่าคนอื่นๆ
และเป็นหลานรักของอันเซวียนมากๆ
“กินข้าวเย็นกันก่อน ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย”
“มันอาจจะเกี่ยวกับวิกฤตและการอยู่รอดของตระกูลอันในอนาคต”
เสียงของอันเซวียนดังขึ้นช้าๆ
แม้จะดูเรียบๆ แต่ก็เหมือนกับเสียงฟ้าผ่าที่ตกลงมา
ใบหน้าของผู้คนที่อยู่ที่นั่นจำนวนมากแสดงสีหน้าประหลาดใจอย่างช่วยไม่ได้
“วิกฤตของตระกูล!?”
เห็นได้ชัดเจนว่าอันชางกัวและคนอื่นๆ ไม่เข้าใจเรื่องนี้
ในยุคเทคโนโลยีทุกวันนี้ รวมถึงอุตสาหกรรมภายในตระกูล ทุกอย่างอยู่ในตระกูล
รวมถึงเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย
แม้ว่าจะมีความปั่นป่วนบ้างแต่ก็ไม่สามารถพังทลายได้
และต้องขอบคุณมรดกของอันเซวียน
อันกรุ๊ปไม่มีหนี้สิน
ในทุกๆ ด้านพวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงวิกฤติใดๆ
แต่เมื่อชายชรากล่าวออกมาเช่นนั้น
ทุกอย่างพวกเขาจะรู้ภายหลัง ดังนั้นเพียงรอสักนิดเท่านั้น
มื้อนี้ทุกคนไม่ค่อยมีความอยากอาหารมากนัก
หลายๆ คนยังคงรอคอยสิ่งที่ชายชราพูดอยู่ในใจ
หลังจากกินเสร็จแล้ว!
อันชางกัวและคนอื่นๆ รู้ว่าในที่สุดชายชราก็ใกล้ถึงจุดนั้นแล้ว
"หมิงเยว่!"
เสียงของอันเซวียนดังขึ้นก่อน
ทันทีที่อันหมิงเยว่ลุกขึ้นและยืนตรงหน้าก้อนหินขนาดใหญ่
ก้อนหินขนาดใหญ่นี้จะต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อนอย่างแน่นอน
มิฉะนั้นแล้วหินดังกล่าวก็คงไม่ปรากฏในสถานที่รับประทานอาหาร
ก่อนหน้านี้อันชางกัวและคนอื่นๆ ยังคงคิดถึงวิกฤตชีวิตและความตายของตระกูลอัน
พวกเขาไม่ทันสังเกตเห็นหินก้อนใหญ่ชิ้นนี้เลย
แต่ว่าอันชางกัวและคนอื่นๆ ยังคงรู้สึกสับสนมาก
พวกเขาไม่รู้ว่าหินก้อนใหญ่ชิ้นนี้เกี่ยวอะไรกับวิกฤตชีวิตและความตายของตระกูลอัน
แต่ว่าฉากต่อไปนี้มันทำให้พวกเขาตกตะลึง!
เหตุการณ์นี้ทำให้อันชางกัวและลูกหลานคนอื่นๆ ของตระกูลอันจำนวนมากดูตกใจ
พวกเขาเห็นอันหมิงเยว่ปลดปล่อยคลื่นพลังและก็ต่อยไปที่หินยักษ์ด้วยพละกำลังทั้งหมดของเธอ
"ปัง!"
จากนั้นก็มีเสียงดังขึ้น
ก้อนหินขนาดใหญ่แตกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“เป็นไปได้ยังไง?!”
มีเสียงอุทานดังขึ้น
นี่คือก้อนหินยักษ์ที่ซึ่งถูกทุบด้วยกำปั้นของใครบางคน
เหลือเชื่อ! !
อย่างน้อยที่สุดในอดีตมันก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจจินตนาการได้
และนี่คือสิ่งแรกที่อันเซวียนทำ
นั่นคือการทำลายสามัญสํานึกความเข้าใจของคนพวกก่อนนี้!
คือการทำให้เห็นความจริง!
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าเราจะพูดอย่างไร การได้เห็นก็คือความน่าเชื่อถือที่ดีที่สุด
มันสามารถทำให้คนเหล่านี้ตระหนักได้เร็วว่ากาลเวลาได้เปลี่ยนไปแล้ว
“การฟื้นคืนของพลังวิญญาณ การผงาดของศิลปะการต่อสู้”
“เหมือนกับสิ่งที่หมิงเยว่เพิ่งทำไป มันกำลังจะเริ่ม”
“หลังจากนี้ 1 ปี พลังวิญญาณจะปะทุขึ้นเต็มที่”
“แล้วพวกแกคิดว่าตระกูลอันของเราควรจะทำยังไงล่ะ!”
-
ตอนนี้ ในที่สุดเสียงของอันเซวียนก็ดังขึ้น
หากพูดคำของอันเซวียนออกไปก่อนหน้านี้ อันชางกัวและคนอื่น ๆ คงจะคิดว่าเขาบ้าไปแล้วอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เมื่อรวมกับหมัดของอันหมิงเยว่
ลูกหลานในตระกูลอันจำนวนมากรู้สึกว่าความคิดของพวกเขาช้าลง
“พลังวิญญาณ ศิลปะการต่อสู้ นี่มันไม่ใช่เอกลักษณ์ที่มีเฉพาะในนิยายหรอกเหรอ!”
“ใช่! ฉันไม่เคยคิดว่าโลกนี้จะมีความสามารถที่เหนือปาฏิหาริย์นี้อยู่จริงๆ”
-
หลังจากเวลาผ่านไปไม่นาน เสียงของความหวาดกลัวก็ดังขึ้น
เพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็ได้ทำลายความสามารถในการรับรู้ของทุกคน!
ใบหน้าของทุกคนและอันชางกัว แสดงออกถึงความจริงจัง
พวกเขาไม่เคยกินหมูและไม่เคยเห็นหมูวิ่งเลย
แล้วการฟื้นฟูพลังวิญญาณและศิลปะการต่อสู้อีก นี่มันคือการเปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงของกาลเวลาอย่างไม่ต้องสงสัย!
ไม่แปลกใจที่ชายชรากล่าวว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการอยู่รอดของตระกูลอัน
“ต่อจากนี้ไปไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ให้ย้ายกลับมาที่ตระกูลอันแล้วเริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้”
“หมิงเยว่จะทำหน้าที่วางแผนฝึกศิลปะการต่อสู้ให้กับทุกคน”
“สำหรับรายละเอียดอื่นๆ ก็ถามหมิงเยว่”
-
เสียงของอันเซวียนยังคงดังขึ้น และการตัดสินใจทั้งตระกูลก็ได้ตัดสินแล้ว
และเพราะความต่างของอายุและรูปร่าง
ฉะนั้นมันจึงไม่สามารถได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันได้!
ในไม่ช้าอันเซวียนก็ได้ออกไป โดยเหลือเวลาให้กับหมิงเยว่
ทั้งสองได้พูดคุยกันมาก่อนแล้ว
นี่คือความดีความชอบสำหรับการค้นพบความจริงเกี่ยวกับการฟื้นฟูพลังวิญญาณ
ถือว่าอันหมิงเยว่เป็นอาจารย์ศิลปะการต่อสู้!
คำอธิบายนี้ก็สมเหตุสมผลพอๆ กัน
เพียงพอที่จะซ่อนเรื่องการเกิดใหม่
ตามความคิดของอันเซวียน ตระกูลอันจะค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นตระกูลศิลปะการต่อสู้
แม้ว่าสามปีผ่านไป เขาจะยังพลิกคลื่นไม่ได้
แต่อย่างน้อยก็เก็บเชื้อไฟไว้บ้าง!
ในอนาคตอาจคาดการณ์ได้ว่าความแข็งแกร่งของศิลปะการต่อสู้จะกลายเป็นขีดจำกัดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากที่ชายชราจากไป ผู้คนจำนวนมากจากตระกูลอันก็มารวมตัวกันรอบ ๆ อันหมิงเยว่
คำถามที่น่าสงสัยถูกถามขึ้นอย่างรวดเร็ว!
“พี่สาวๆ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!”
“ใช่แล้วลูก พ่อเองก็อยากรู้”
-
อันหมิงเยว่แสดงสีหน้าอดทนและตอบไปทีละคน