ตอนที่แล้วบทที่ 2 ผู้ฝึกตนที่ใช้คะแนนเสน่ห์หมดไปแล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 4 เยี่ยมชมการแนะนำของสะสม จนคุนเผิงปรากฎกาย

บทที่ 3 เคล็ดวิชาโบราณ "สวรรค์ลงทัณฑ์"


เสินหลิงนั่งขัดสมาธิ เคลื่อนวิญญาณจิต ตรวจดูแหวนเก็บของที่มีตัวอักษร "วิหคเฟิ่งจื่อ" แกะสลักไว้

แหวนเก็บของที่อยู่บนมือของเสินหลิงมีชื่อว่าแหวนวิหคเฟิ่งจื่อ ส่วนแหวนของหลิวเยว่เอ๋อร์ คู่หมั้นของเขามีชื่อว่าแหวนวิหคเฟิ่งหวง แหวนวิหคเฟิ่งทั้งสองวงนี้เป็นแหวนคู่กัน!

"โอ้วสวรรค์! ภายในเต็มไปด้วยภูเขาจากศิลาวิญญาณ! เม็ดโอสถ เคล็ดวิชา เครื่องรางวิญญาณทุกชนิด มีครบหมด!" แม้เสินหลิงจะรู้อยู่แล้วจากความทรงจำว่ามีอะไรในแหวนเก็บของบ้าง แต่เมื่อได้เห็นภูเขาศิลาวิญญาณกองเต็มด้านในกับตาตัวเอง ก็ยังรู้สึกอัศจรรย์ใจ

"นี่ไม่ใช่แหวนเก็บของธรรมดา แต่เป็นโลกเล็ก ๆ ชัด ๆ!" เสินหลิงใช้พลังแก่นวิญญาณสำรวจแหวนเก็บของ ก็พบว่าไม่สามารถวัดขนาดที่แน่นอนของมันได้

หากใช้คำเดียวบรรยายว่าภายในแหวนเก็บของนี้มีพื้นที่เท่าไร คำตอบก็คือ "ใหญ่มาก" ใหญ่แค่ไหนนั้น กรุณาสังเกตคำว่า "ใหญ่มาก" เองนะขอรับ

เสินหลิงไม่สามารถตรวจนับอย่างชัดเจนได้ว่า "กองภูเขาศิลาวิญญาณ" ที่สูงเต็มพื้นที่นั้นมีทั้งหมดกี่กอง ถ้ามองผ่าน ๆ ก็ดูเหมือนจะมองไม่เห็นสุดสายตา!

"ไม่น่าแปลกใจเลยสำหรับสำนักที่ผลิตศิลาวิญญาณ ผู้ฝึกตนสำนักอื่น ศิลาวิญญาณนี้นับว่าเป็นก้อน แต่สำหรับข้าแล้ว นี่นับเป็นกองภูเขา! หน่วยวัดต่างกันอย่างชัดเจน!" จากความทรงจำ เสินหลิงรู้ว่าทรัพยากรหลักที่ผู้ฝึกตนจำเป็นต้องใช้คือศิลาวิญญาณและเม็ดโอสถ

ศิลาวิญญาณธรรมชาติถูกขุดมาจากหุบเขาศิลาวิญญาณ

ในศิลาวิญญาณธรรมชาติมีสิ่งปนเปื้อนอยู่พอสมควร ขณะที่ฝึกฝน ผู้ฝึกตนจำเป็นต้องขัดเกลาให้บริสุทธิ์ด้วยตนเอง การบรรลุศิลาวิญญาณใช้พลังจิตเป็นจำนวนมาก

เจ้าสำนักรุ่นที่สองของสำนักเสิน เสินควง ซึ่งเป็นท่านปู่ของเสินหลิง ได้คิดค้นศิลาวิญญาณเทียมขึ้นมา!

ศิลาวิญญาณเทียมนี้ไม่มีสิ่งปนเปื้อน ผู้ฝึกตนสามารถดูดซับได้โดยตรงโดยไม่ต้องขัดเกลาเอง

นับตั้งแต่ศิลาวิญญาณเทียมได้ถูกผลิตออกมา มันก็ได้แทนที่ศิลาวิญญาณธรรมชาติอย่างรวดเร็ว สำนักเสินจึงผูกขาดตลาดศิลาวิญญาณได้ทั้งหมด!

ในความคิดของเสินหลิง สิ่งนี้ก็เหมือนกับ "พิมพ์เงิน" แหวนเก็บของเลยต้องใหญ่ และมีศิลาวิญญาณเยอะแบบนี้ ถือเป็นมาตรฐานของเชื้อสายรุ่นที่สี่ของสำนักเสิน!

"ดีจริง ๆ ที่ได้เกิดมาในตระกูลชั้นสูง อย่างน้อยตอนเริ่มต้นก็ไม่ต้องลำบากมากนัก สามารถมีชีวิตที่ดีได้เลย!" เสินหลิงพูดอย่างซาบซึ้งเมื่อเห็นทรัพยากรมหาศาลในแหวนเก็บของ

"การเดินทางสู่เส้นทางเซียนของข้า! ข้ามาแล้ว!"

แสงสีเงินวาบขึ้นบนแหวนที่นิ้วมือขวาของเสินหลิง จากนั้นก็ปรากฏหนังสือโลหะหนาหนึ่งฉื่อ สลักอักษรทองใหญ่สามคำว่า "ตำรา เทพ จักรพรรดิ"

สามตัวอักษรนี้ดูสง่างามและทรงพลัง หนังสือ "ตำรา เทพจักรพรรดิ" ในมือของเสินหลิงเป็นเพียงฉบับสำเนา หรือก็คือตำราที่พิมพ์ซ้ำออกมาอีกเท่านั้น

ต้นฉบับอยู่ในมือของท่านปู่เสินควง ส่วนต้นฉบับแท้ ๆ เป็นวัตถุวิเศษระดับเครื่องรางโบราณ

แม้แต่ฉบับสำเนาในมือของเสินหลิงยังถือเป็นสิ่งล้ำค่าระดับเครื่องรางเทพ

เสินหลิงทราบจากความทรงจำว่า "ตำราเทพจักรพรรดิ" นี้มีที่มาไม่ธรรมดา เขียนขึ้นโดยจักรพรรดิสวรรค์ของมนุษย์ หากสำนักเสินมีฐานะเป็นสำนักอันดับหนึ่งของมนุษย์ในปัจจุบันได้ ตำรานี้ถือว่ามีส่วนสำคัญในความสำเร็จอย่างแน่นอน!

วิชาใน "ตำราเทพจักรพรรดิ" ไม่ได้สร้างขึ้นโดยจักรพรรดิสวรรค์ในหลายรุ่นที่ผ่านมาทั้งหมด บางส่วนสร้างโดยจักรพรรดิสวรรค์ และบางส่วนก็เป็นวิชาจากศัตรูขององค์จักรพรรดิ

"ตำราเทพจักรพรรดิ" รวบรวมเนื้อหาอย่างกว้างขวาง มีทั้งวิชาฝึกตนตามแนวทางดั้งเดิม วิชาลัดแนวเร่งความเร็ว และแม้กระทั่งวิชาอำมหิตของเผ่าพันธุ์มาร

วิชาเหล่านี้ผ่านการจัดการและปรับปรุงให้สมบูรณ์แบบโดยจักรพรรดิแต่ละยุคสมัย ก่อนได้รวบรวมไว้ใน "ตำราเทพจักรพรรดิ" ในท้ายที่สุด

เสินหลิงยังจำได้ว่า ในชาติก่อนตอนที่เขาเพิ่งได้ "ตำราเทพจักรพรรดิ" มา ท่านปู่เสินถูสอนให้เขาอ่านให้มาก จำไว้ให้มากที่สุด

เสินหลิงเห็นว่าตำราเป็นเล่มบาง ๆ แค่นี้ เลยคุยโวไปว่า "จำทั้งเล่มได้เลยไม่มีปัญหา"

เสินถูยืนมือไพล่หลัง ยิ้มลึกลับแล้วพูดขึ้นว่า "ถ้าเจ้าอยากจำได้หมดก็ดีนัก ตำราเล่มนี้ข้าดูมาสามหมื่นปี ฝึกมาสามแสนปีแล้ว!"

ภายหลังเสินหลิงเพิ่งรู้ว่า "ตำราเทพจักรพรรดิ" บรรจุด้วยค่ายกลวิชาห้วงมิติ มิใช่หนาแค่หนึ่งฉื่อ แต่มีเนื้อหานับร้อยล้านตัวอักษร ราวกับ "สารานุกรมบำเพ็ญเพียรขั้นสูง" ที่ใช้เสริมพลัง!

"ตำราเทพจักรพรรดิ" ครอบคลุมเนื้อหาหลายหมื่นหมวด มีทั้งวิถีเซียน การแพทย์โหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ดนตรี หมากรุก เขียนอักษร วาดภาพ การหล่อหลอม ค่ายกลวิชา แม้กระทั่งศิลปะการทำอาหาร ซึ่งฝีมือการทำอาหารของเสินหลิงก็สืบทอดมาจากตำรานี้ด้วย

เนื้อหาส่วนใหญ่ใน "ตำราเทพจักรพรรดิ" เกี่ยวข้องกับการฝึกตน สำหรับส่วนที่เหลือแล้วแต่ความชอบของจักรพรรดิแต่ละรุ่น

เสินหลิงเปิดไปที่บทวิชาของ "ตำราเทพจักรพรรดิ" โดยตรง ซึ่งแบ่งเป็นบทเคล็ดวิชา บทฝึกฝนร่างกาย บทพลังเทพ บทเคล็ดวิชาลับ บทเคล็ดวิชาอำมหิต และอื่น ๆ

เสินหลิงทราบว่า "คัมภีร์วิถีฮุ่นตุ้น" ที่สำนักเสินฝึกฝนกันอยู่นั้น ถือเป็นวิชาระดับสูงสุดขั้นอมตะเก้า และเป็นหนึ่งในวิชาระดับสูงสุดใน "ตำราเทพจักรพรรดิ" ที่รู้จักกันดี ทว่ายังไม่มีใครเคยเห็นวิชาระดับฮุ่นตุ้นในตำนานมาก่อน!

ระดับวิชาของสำนักอื่น สูงสุดก็แค่ขั้นอมตะสามเท่านั้น ดังนั้นในชาติก่อน ท่านปู่เสินควงถึงได้ก้าวจากคนธรรมดากลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของมนุษย์ได้!

เคล็ดวิชา "สวรรค์ลงทัณฑ์" ที่เสินหลิงฝึกฝนในชาติก่อนก็เป็นวิชาระดับสูงสุดขั้นอมตะเก้าเช่นกัน

เสินหลิงพลิกไปที่หน้า "สวรรค์ลงทัณฑ์" ใน "ตำราเทพจักรพรรดิ" แล้วอ่านโดยละเอียด

"ดีจริง ๆ ที่ได้เกิดมาในตระกูลชั้นสูง อย่างน้อยไม่ต้องกังวลเรื่องวิชาฝึกฝน เคล็ดวิชา 'สวรรค์ลงทัณฑ์' นี้ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน สามารถฝึกได้ตั้งแต่ชาวบ้นจนถึงเป็นเซียนหรือเทพได้เลย!" เสินหลิงรู้สึกโล่งอกเล็กน้อยในใจ

เสินหลิงอ่านรายละเอียดเกี่ยวกับ "สวรรค์ลงทัณฑ์" อย่างตั้งใจ เคล็ดวิชานี้สร้างสรรค์ขึ้นโดยจักรพรรดิสวรรค์รุ่นที่เจ็ด

"สวรรค์ลงทัณฑ์" เน้นการฝึกลมปราณ "อัสนี" ระหว่างฟ้าดิน ธาตุอัสนีนี้ไม่ใช่หนึ่งในห้าธาตุหลัก แต่เป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นธาตุที่แข็งแกร่งที่สุด

การที่สรวงสวรรค์ใช้สายอัสนีเพื่อลงทัณฑ์สร้างความทุกข์ยาก ก็แสดงให้เห็นความทรงพลังของธาตุอัสนีแล้ว

หากฝึกฝน "สวรรค์ลงทัณฑ์" จนถึงขีดสุด ก็จะสามารถก่อกำเนิดอัสนีลงทัณฑ์ ถือเป็นพลังอันยิ่งใหญ่

การลงทัณฑ์จากสวรรค์เป็นบททดสอบจากสรวงสวรรค์ที่ผู้ฝึกตนต้องเผชิญเมื่อบรรลุถึงระดับหนึ่ง

ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการให้รางวัลจากสรวงสวรรค์แก่ผู้ฝึกตนด้วย ใครก็ตามที่ผ่านการทดสอบจากอสนีบาตก็จะได้รับพรจากสรวงสวรรค์

ส่วนคนที่ผ่านไปไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับพรจากสรวงสวรรค์ เพราะทั้งตัวก็กลายเป็นขี้เถ้าไปหมดแล้ว กลายเป็นแค่เถ้าธุลีกล่องเล็ก ๆ ใบเดียว!

เสินหลิงใช้พลังแก่นวิญญาณทาบลงบน "ตำราเทพจักรพรรดิ" สีทอง ตำราทองวาววับขึ้นจนเต็มห้อง

ครู่ถัดมา "ตำราเทพจักรพรรดิ" ที่เปล่งประกายทองก็ปล่อยแสงสีทองออกมา ยิงเข้าใส่หว่างคิ้วเสินหลิง

ขณะแสงทองวูบเข้ามา แก่นวิญญาณของเสินหลิงก็มาถึงยุคโบราณที่เต็มไปด้วยสายอัสนีและฟ้าร้องคำราม

"อะไรเนี่ย! นี่มันทำให้ข้าสามารถดูภาพยนตร์แบบเสมือนจริงได้หรือ!" เสินหลิงขมวดคิ้ว รู้สึกแปลกใจและงุนงงกับยุคโบราณที่อัศจรรย์นี้

ฉากแบบนี้ไม่เคยปรากฏให้เห็นในชาติก่อนเลย โดยปกติควรจะเห็นตัวอย่างการฝึกวิชาได้โดยตรง

เสินหลิงยังคงอยู่ในชุดเดิมที่สวมในห้อง เท้าทั้งสองของเขาเหยียบอยู่บนผืนดิน รู้สึกได้ถึงสัมผัสที่แท้จริง แสดงให้เห็นว่าโลกที่สร้างขึ้นโดย "ตำราเทพจักรพรรดิ" นั้นสมจริงอย่างยิ่ง

เสินหลิงไม่ตื่นตระหนก แต่เงยหน้ามองไปรอบ ๆ สักพักก่อนที่สายตาจะฉายแววจริงจังขึ้น!

นี่คือพื้นที่ที่ไม่เป็นที่รู้จัก เหตุผลที่ว่าไม่รู้จักเพราะแม้เสินหลิงจะมีพลังวรยุทธ์ไม่สูงนัก แต่เขามีงานอดิเรกแปลก ๆ คือการตามหาซากโบราณ ถ้าพูดให้ดูดีก็คือการตามหาสมบัติ แต่จริง ๆ แล้วก็คือการขุดหลุมศพนั่นเอง!

ในชาติก่อนเพราะงานอดิเรกแปลก ๆ นี้ของเสินหลิง ทำให้เขาได้ไปเยือนสถานที่ต้องห้ามและลับสุดยอดมากมายในภพมนุษย์ ภพเซียน และภพเทพ โดยเขาสำรวจในภพมนุษย์และเซียนด้วยตัวเอง ส่วนภพเทพนั้นผู้อาวุโสของสำนักพาเขาไป

ดูเหมือนจะเป็นสถานที่โบราณที่ยังไม่มีใครรู้จัก อันที่จริงสถานที่โบราณก็คือสถานที่ล้ำค่า หมายความว่ามีสมบัติล้ำค่ามากมายซ่อนอยู่

เสินหลิงมองออกไปรอบ ๆ สิ่งที่เขาเห็นล้วนเป็นสิ่งล้ำค่าหายากจากยุคโบราณทั้งสิ้น

เห็ดหลิงจือเก้าสีที่เหมือนภูเขาตั้งตระหง่านนิ่งอยู่ระหว่างฟ้ากับดิน

มันแผ่พลังชีวิตอันยิ่งใหญ่ออกมา และยังปกคลุมไปด้วยแสงสีสันรอบตัว แสงนี้เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นไร้ขีดจำกัด

ท้องฟ้ามืดครึ้มด้วยเมฆดำ มีสายอัสนีสีดำประหลาดวาบออกมาจากเมฆเป็นระยะ ๆ มองเห็นสายอัสนีสีดำขนาดหมื่นจั้งตรงลงมาจากท้องฟ้า

เสียงฟ้าร้องดังสนั่นไปทั่วฟ้าดิน!

ทุกที่ที่สายอัสนีดำวาบผ่าน ล้วนย่อยยับเป็นผุยผง นี่แสดงให้เห็นความน่าสะพรึงกลัวของมัน

สายอัสนีตกลงมาตรงเห็ดหลิงจือเก้าสีที่ใหญ่เท่าภูเขาพอดี

ชั่วพริบตา รอบกายเห็ดหลิงจือเก้าสีก็ปรากฏแสงสีเขียวอมดำ แสงสีเขียวอมดำกลืนกินสายอัสนีประหลาดที่สามารถทำลายแม้แต่ห้วงอวกาศได้

หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ เห็ดหลิงจือเก้าสีก็ปล่อยแสงสายอัสนีสีดำวาบออกมารอบตัว ทำให้ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด

หลังจากได้รับการบำรุงจากสายอัสนีสีดำ เห็ดหลิงจือเก้าสีขนาดใหญ่ก็ยิ่งดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

เสินหลิงตกใจจนพูดติดอ่างเมื่อเห็นภาพอัศจรรย์นี้ "กะ เก้า เก้าอสนีบาต เห็ดหลิงจืออัสนีลงทัณฑ์เก้าชั้น!"

เสินหลิงมองเห็ดหลิงจือเก้าสีที่งดงามนี้ด้วยความตื่นเต้น สองตาของเขาเปล่งประกายทองวับ นี่คือเห็ดหลิงจืออัสนีลงทัณฑ์เก้าชั้น โอสถวิเศษยุคโบราณอันดับสี่

เห็ดหลิงจืออัสนีลงทัณฑ์เก้าชั้นจะงอกยาวหนึ่งฉื่อในทุก ๆ พันปี ส่วนเห็ดหลิงจืออัสนีลงทัณฑ์เก้าชั้นที่เติบโตจนสูงเทียมเมฆนี้ มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่ามันมีอายุมากเพียงใด

หากได้ครอบครองเห็ดหลิงจือนี้ อย่างน้อยที่สุดก็จะช่วยให้เสินหลิงเหินขึ้นสู่ภพเทพได้

เสินหลิงยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อเห็นของอีกอย่างในบริเวณใกล้เคียง "โสมทองเดินทางข้ามฟ้า!" มันคือโอสถวิเศษยุคโบราณอันดับสองเลยทีเดียว

"โสมทองเดินทางข้ามฟ้า" ก็เหมือนกับชื่อของมัน

เมื่อเติบโตครบหนึ่งแสนปี มันจะเริ่มออกเดินทาง "โสมทองเดินทางข้ามฟ้า" จะเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่รู้สึกว่าในดินมีธาตุอาหารไม่เพียงพอ มันก็จะย้ายไปยังสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์ด้วยน้ำและหญ้า

ไม่ไกลออกไป เสินหลิงยังเห็นต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ โอสถวิเศษยุคโบราณอันดับห้า

ตำนานเล่าว่า เพียงแค่กินเมล็ดปัญญาจากต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ฝึกตนก็จะตรัสรู้ได้ในพริบตา

ต้นไม้วิญญาณมังกรที่แท้จริง โอสถวิเศษยุคโบราณอันดับสาม

สารอาหารที่ต้นไม้โบราณต้องการคือเลือดมังกร มันออกผลลูกไม้รูปทรงประหลาด คล้ายมังกร เพียงกินผลวิญญาณมังกรที่แท้จริงนี้ ก็จะได้ครอบครองสายเลือดมังกรแท้ และสามารถแปลงกายเป็นมังกรแท้ได้

สมบัติล้ำค่านานาชนิดที่เลือนหายไปจากกระแสประวัติศาสตร์ ล้วนปรากฏให้เห็นกันหมดที่นี่!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด