บทที่ 234: การสกัดกั้นนอกเมือง (ตอนฟรี)
บทที่ 234: การสกัดกั้นนอกเมือง
เช่นเดียวกับที่ทหารยามเหล่านี้ลังเลที่จะยอมแพ้ ทหารที่ปลอมตัวอยู่ในค่ายแรกก็ได้ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์และปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองอย่างรวดเร็วแล้ว
ทหารท้องถิ่นบนกำแพงไม่มีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ เมื่อเห็นทหารจักรวรรดิเข้ามา พวกเขาทั้งหมดก็ทิ้งอาวุธและยอมจำนนแต่โดยดี
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เหล่าศิษย์ของนิกายเจ็ดดาราก็ตกอยู่ในความสับสนว่าจะทำอย่างไรดี
จากนั้น พวกเขาก็เห็นทหารจักรวรรดิถือดาบเดินเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้าๆ และหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พวกเขาก็ทิ้งอาวุธและเลือกที่จะยอมจำนน
ตอนนี้ความได้เปรียบของพวกเขาได้หายไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
พูดตามตรง หลังจากถูกปิดล้อมมานานกว่าสองเดือน จิตวิญญาณของกลุ่มกบฏและศิษย์ของนิกายเจ็ดดาราก็ทรุดโทรมลงไปมากแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา เมื่อผู้คนจำนวนมากหลบหนีออกจากเมือง มันก็ยิ่งทำให้ความมุ่งมั่นของพวกเขาสั่นคลอน
เมื่อมาถึงจุดนี้ มันก็ไม่มีใครอยากจะต่อสู้อีกต่อไป
แน่นอนว่ามีคนรักตัวกลัวตายอยู่ทุกที่
“พวกเจ้าได้รับการเลี้ยงดูจากนิกายของเรามานานหลายปีและได้รับการสั่งสอนทักษะการต่อสู้! พวกเจ้ากล้ายอมแพ้ได้ยังไง?”
“จงลุกขึ้น! หยิบอาวุธของพวกเจ้าและตามข้ามาเพื่อสังหารทหารจักรวรรดิเหล่านี้!”
ในขณะนี้ ศิษย์หลายสิบคนของนิกายเจ็ดดาราบนกำแพงเมืองก็มีดวงตาสีแดงเมื่อเห็นฉากนี้
พวกเขาหยิบอาวุธขึ้นมาและเริ่มฟาดฟันผู้คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเพื่อพยายามบังคับให้พวกเขาต่อต้าน
กลยุทธ์นี้มีประสิทธิผลเพียงเล็กร้อย
เพราะเมื่อผู้คนรอบข้างตอบสนองต่อสถานการณ์ พวกเขาก็เห็นกลุ่มคนดื้อรั้นเหล่านี้ยังคงพยายามดิ้นรนต่อสู้
ทั้งกลุ่มกบฏระดับล่างและสมาชิกนิกายเจ็ดดาราซึ่งมีแนวโน้มที่จะยอมจำนนไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
พวกกูยอมจำนนเพื่อเอาตัวรอด และถ้าพวกมึงต้องการจะหยุดกู พวกมึงก็คือศัตรูกู!!!
ด้วยเหตุนี้เอง กลุ่มกบฏที่ยอมจำนนไปแล้วจึงหยิบอาวุธขึ้นมาและหันไปโจมตีเหล่ากบฎที่ยังคงดื้อรั้น
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ศิษย์นิกายเจ็ดดาราบางคนก็ได้ตามหลังกลุ่มกบฎที่ยอมจำนนแล้วไปติดๆ
ในช่วงเวลาสั้นๆ ความขัดแย้งภายในก็ได้ปะทุขึ้นในหมู่กลุ่มกบฏบนกำแพงเมือง ก่อนที่ทหารจะทันได้เริ่มต่อสู้กันด้วยซ้ำ
ทหารของจักรวรรดิที่เพิ่งมาถึงกำแพงเมืองต่างตกตะลึง จากนั้นพวกเขาก็โน้มตัวเข้าหากัน สร้างแนวรบ และเฝ้าดูการต่อสู้ด้วยความสนใจ
ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้ส่งคนไปรวบรวมกลุ่มกบฏที่ยอมจำนน ทำความสะอาดพื้นที่ปลอดภัย และเตรียมพร้อมสำหรับสหายของพวกเขาที่จะเข้ามาเสริมกำลัง
การต่อสู้ภายในระหว่างกลุ่มกบฏสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว
พวกกบฎหัวแข็งนั้นเป็นเพียงชนกลุ่มน้อยเท่านั้น มันมีเพียงสามถึงสี่โหลเท่านั้นที่ต่อกรกับกลุ่มกบฏนับพัน ดังนั้นพวกเขาจึงถูกกวาดล้างลงอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่ต่อต้านแต่จิตไม่แข็งพอเองก็ไม่กล้าเปิดเผยความคิดของตน
พวกเขาทำได้แค่ถอนหายใจและยอมจำนนร่วมกับคนอื่นๆ
ด้วยเสียงระเบิด ประตูที่ถูกปิดมาหลายเดือนก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว
ทหารจักรวรรดิที่รออยู่ข้างนอกเองก็พุ่งเข้ามาในเมืองหลังจากการเปิดประตูเมือง
ในที่สุดเมืองที่ถูกกลุ่มกบฏยึดมาเป็นเวลาหลายเดือนก็กำลังจะกลับไปสู่การบังคับบัญชาของราชสำนักในที่สุด
ในขณะที่ทหารจักรวรรดิจำนวนนับไม่ถ้วนหลั่งไหลเข้าไปในเมือง สมาชิกระดับสูงของนิกายเจ็ดดาราก็รวมตัวกันในบ้านใกล้ประตูเมืองทางเหนือ
“ท่านผู้นำนิกาย ทหารจักรวรรดิได้เข้ามาในเมืองแล้ว”
ชายผู้แข็งแกร่งในชุดสีน้ำเงินมองดูเสียงที่คึกคักและเสียงเชียร์จากทางใต้ของเมือง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและความโกรธ
เฉียวซิ่วหยวนถอนหายใจ “ข้าไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงรอมานานขนาดนี้ แต่ก็เอาเถอะ มันถึงเวลาที่เราจะตื่นจากความฝันนี้แล้ว”
ผู้นำนิกายมองไปยังสมาชิกนิกายของเขาด้วยสีหน้าเศร้าโศก “ข้าได้นำนิกายเจ็ดดารามาถึงจุดนี้ด้วยความคิดผิดๆ ข้าทำพลาดไปแล้ว แต่รากฐานของนิกายเจ็ดดาราที่มีอายุ 700 ปีจะต้องไม่ถูกทำลายลงโดยข้า”
“เมื่อเมืองล่มสลายแล้วก็ปล่อยมันไปเถอะ โลกนั้นกว้างใหญ่ หากเราไม่สามารถหาเลี้ยงชีพในตงถิงได้ งั้นเราก็ไปที่อื่นกันเถอะ”
“ที่แดนเหนือ แคว้นโจวกำลังทำสงครามกับต้าเยว่ เราจะไปที่นั่นกัน”
“ด้วยความแข็งแกร่งของเรา เราจะสามารถสร้างนิกายของเราขึ้นใหม่ได้อีกครั้งและสร้างรากฐานขึ้นมาใหม่”
เฉียวซิ่วหยวนเป็นผู้ฝึกยุทธืที่ยอดเยี่ยม และสมาชิกนิกายทั้งเจ็ดที่อยู่กับเขาก็มีพรสวรรค์เช่นเดียวกัน ด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาจะสามารถยืนได้ด้วยตัวเองไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ตาม
“ท่านผู้นำนิกาย…”
ใบหน้าของผู้อาวุโสที่อยู่รอบๆ นิกายเจ็ดดาราเต็มไปด้วยความทุกข์
แม้ว่าคำพูดของผู้นำนิกายจะฟังดูให้กำลังใจ แต่พวกเขาก็รู้ว่าการสร้างรากฐานใหม่ในดินแดนแปลกหน้านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และการต่อสู้ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะสามารถสร้างรากฐานของพวกเขาใหม่ในที่อื่นได้ แต่มันก็จะไม่แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน
ในฐานะชาวพื้นเมืองของตงถิงในต้าเยว่ หัวใจของพวกเขาก็ปวดร้าวเมื่อคิดถึงการใช้ชีวิตตามลำพังในต่างแดน
ในขณะนี้ เสียงการต่อสู้ด้านนอกก็เริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ มันค่อยๆ ไปถึงพื้นที่เมืองทางตอนเหนือ
เมื่อได้ยินเสียง ใบหน้าของเฉียวซิ่วหยวนก็เปลี่ยนไป และเขาก็รีบพูดกับสมาชิกนิกายที่โศกเศร้าของเขาว่า “เอาล่ะ ทหารจักรวรรดิกำลังมาแล้ว นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเศร้าใจ”
“ข้าได้จัดเตรียมม้าเร็วไว้ที่ประตูทิศเหนือแล้ว ทหารจักรวรรดิในพื้นที่นั้นมีน้อยเพียงประมาณพันคนเท่านั้น ตามข้ามาและเราจะฝ่าวงล้อมกันออกไป”
ด้วยความสามารถระดับสูงของเฉียวซิ่วหยวนและผู้อาวุโสระดับสองทั้งเจ็ด พวกเขาจึงมั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดได้...