บทที่ 103 ศาลาหลิงอวิ๋นสังกัดเมืองหลินเจียง
ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสาม ปราณแท้จะแทรกซึมเข้าสู่อวัยวะภายในทำให้แข็งแกร่งขึ้นประดุจเหล็กกล้า ไหลเวียนได้รวดเร็วราวกับม้าแข่ง แต่ความแข็งแกร่งนี้เทียบเท่ากับเสือเพียงเท่านั้น นั่นคือหมื่นจิน!
ทว่า หลัวเฉิงยังไม่ทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสาม แต่ก็มีความแข็งแกร่งราวหมื่นหกพันจินแล้ว!
ซึ่งความแข็งแกร่งนี้ มากกว่าผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ธรรมดาทั่วไปเกือบสองเท่า!
ด้วยสิ่งต่างๆ นี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะฝึกฝนเคล็ดวิชาควบคุมมังกรสวรรค์อย่างแน่นอน!
“ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเคล็ดวิชาควบคุมมังกรสวรรค์นี้เป็นวิชาระดับใด…”
หลัวเฉิงพึมพำกับตนเอง
เนื่องจากเคล็ดวิชาควบคุมมังกรสวรรค์มีทั้งหมดเก้าขั้น และวิชามังกรแท้เป็นเพียงขั้นแรกของการฝึกฝนเท่านั้น!
เขาเพิ่งสามารถควบแน่นปราณแท้มังกร และสัมผัสกับระดับหนึ่งของวิชามังกรแท้เท่านั้น!
หากสามารถแตกฉานเคล็ดวิชาควบคุมมังกรสวรรค์ได้ทั้งหมด ไม่รู้เลยว่าจะมีพลังมากถึงเพียงไหน
หลัวเฉิงส่ายศีรษะตน เพราะคิดว่าเขานั้นทะเยอทะยานเกินไป สิ่งสำคัญในตอนนี้คือต้องฝึกฝนวิชามังกรแท้ให้ถึงระดับเก้าเสียก่อน
ในเวลานี้ท้องนภาก็จรัสกระจ่างใสแล้ว ตามสายถนนก็มีผู้คนสัญจรมากมาย
หลังจากเข้าฌานฝึกฝนตลอดทั้งคืน หลัวเฉิงก็ยังไม่รู้สึกเมื่อยล้าจึงตัดสินใจไปที่ศาลาหลิงอวิ๋นทันที
ศาลาหลิงอวิ๋นสังกัดเมืองหลินเจียงตั้งอยู่ใจกลางเมือง มันเป็นหออาคารที่มีขนาดใหญ่กว้างกว่าสามลี้ มีทางเข้าออกสี่ทาง ในแต่ละด่านประตูก็มีผู้พิทักษ์ป้องกันอย่างแน่นหนา
ผู้พิทักษ์เหล่านี้มีดวงตาที่เฉียบคมพร้อมด้วยกลิ่นอายที่แข็งแกร่ง ผู้ที่อ่อนแอสุดอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับหนึ่ง
“ช่างเป็นหอการค้าที่อลังการยิ่งนัก! ดูเหมือนว่าเบื้องหลังของศาลาหลิงอวิ๋นคงต้องไม่ธรรมดาเป็นแน่”
เมื่อได้ประจักษ์กับความยิ่งใหญ่ของศาลาหลิงอวิ๋น หลัวเฉิงก็นึกถึงลั่วเหยาทันที
มีข่าวลือว่านางมีฐานะในระดับสูงของศาลาหลิงอวิ๋น และตัวตนที่แท้จริงของนางย่อมไม่ธรรมดา
ข้าไม่รู้เลยว่า ภายภาคหน้าจะมีโอกาสได้พบนางอีกครั้งหรือไม่
ตามกระแสการหลั่งไหลของผู้คน หลัวเฉิงก็เข้าไปในศาลาหลิงอวิ๋นทันที
พื้นที่ภายในของอาคารนั้นกว้างขวางนัก โดยเสาแต่ละต้นทำมาจากผลึกใสอันงดงามตั้งตระหง่านอย่างโดดเด่น ภายในถูกแบ่งออกเป็นหลายห้องโถง
ในแต่ละโถงนั้นมีสินค้าจัดแสดงแตกต่างกัน มีทั้งโถงโอสถ ศิลาวิญญาณ ศาสตราวุธชั้นยอด รวมถึงคัมภีร์เคล็ดวิชาต่างๆ...
อาจกล่าวได้ว่า ทุกสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์ต้องการล้วนถูกรวบรวมมาไว้ที่นี่แล้ว
หลัวเฉิงสังเกตเห็นว่ามีหนุ่มสาวจำนวนมากที่เข้ามาและออกไป
คนเหล่านี้ล้วนแต่งกายดีทั้งสิ้น พวกเขาถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน และมีกิริยามารยาทงามนัก กล่าวให้ถูกคือพวกเขาดูร่ำรวย ไม่ก็ต้องเป็นผู้ทรงเกียรติของเมืองนี้อย่างแน่นอน
มีคนน้อยมากที่จะยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวลำพังดั่งเช่นหลัวเฉิงในยามนี้
หลัวเฉิงไม่รอช้า รีบเดินไปยังโถงหลัก ซึ่งเป็นโถงที่จำหน่ายสมุนไพรและโอสถ
เขาตั้งใจมาที่นี่เพื่อซื้อสมุนไพรและโอสถ โดยใช้มันเพื่อทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสาม
ในโถงหลัก มีโต๊ะจัดแสดงเป็นผลึกใสงดงาม ซึ่งที่วางอยู่ตรงนั้นเป็นสมุนไพรและโอสถที่เปล่งประกายด้วยคุณสมบัติของตัวมันเอง โอสถเหล่านี้ส่งกลิ่นหอมอันแรงกล้ากระจายคละคลุ้งไปทั่วทั้งโถง
เนื่องจากยังเช้าอยู่ จึงมีคนในห้องโถงไม่มากนัก ที่โต๊ะผลึกมีหญิงรับใช้สองสามคนยืนอยู่ตรงนั้น เพื่อรอคอยและสังเกตลูกค้าที่เข้ามา
ขณะที่หลัวเฉิงเดินเข้าไปในโถง หญิงรับใช้หลายคนก็เหลือบหางตามองเขา แล้วเมินสายตามองไปทางอื่นทันที
พวกนางเคยต้อนรับแขกของศาลาหลิงอวิ๋นและพบปะผู้คนมานับไม่ถ้วน ไม่ว่าลูกค้าจะร่ำรวยหรือยาจก ก็สามารถมองสถานะพวกเขาออกได้ในพริบตา
หลัวเฉิงดูยังเยาว์นัก ทั้งยังแต่งกายด้วยอาภรณ์ธรรมดา รอบกายเขาก็ไร้ซึ่งคนรับใช้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงเด็กยากจนที่เข้ามาในศาลาหลิงอวิ๋นเพื่อเปิดหูเปิดตาเท่านั้น พวกนางจึงไม่ได้ให้ความสนใจแก่เขาเลย
ขณะเดียวกัน ก็มีผู้อื่นเข้ามายังโถงนี้เช่นกัน
พวกเขาเป็นชายหนุ่มสองคนสวมเสื้อผ้าเนื้อดีมีราคา ที่ตามมาข้างหลังคือคนรับใช้สองคน
บุรุษหนุ่มทั้งสองมีกระบี่เหน็บอยู่ที่เอว ใบหน้าพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิ
“คุณชายทั้งสอง ไม่ทราบว่าพวกท่านต้องการสิ่งใดหรือเจ้าคะ?”
หญิงรับใช้หลายคนมาห้อมล้อมพวกเขาไว้อย่างกระตือรือร้นทันที
คนรับใช้เงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวว่า “นายน้อยของข้าต้องการโอสถวิญญาณระดับสองดาว เพราะเขาต้องการทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์”
“โอสถกระดูกพยัคฆ์ เป็นโอสถระดับสองดาวที่มีคุณภาพมากที่สุด พวกท่านโปรดตามข้ามา!”
หญิงรับใช้เดินนำอยู่ข้างหน้าด้วยรอยยิ้มที่ผลิบานราวกับดอกไม้ โอสถระดับสองดาวมีมูลค่าหลายแสนตำลึง หลังจากการค้าขายเสร็จสิ้น นางจะได้รับค่าตอบแทนมากมายเช่นเดียวกัน
เมื่อเปรียบเทียบกับอีกฝ่ายแล้ว ทางฝั่งของหลัวเฉิงก็เงียบเหงาราวถูกทิ้งร้าง
หลัวเฉิงไม่คิดมากต่อการกระทำนี้ แล้วตั้งใจจะไปหาดูโอสถอื่นๆ ว่ามีสิ่งใดเหมาะกับเขาหรือไม่
ระหว่างที่เขากำลังจะสืบเท้าย่าง สุ้มเสียงเขินอายก็ดังมาจากด้านข้างทันที
“คุณชาย ไม่ทราบว่าท่านต้องการโอสถชนิดใดหรือเจ้าคะ?”