บทที่ 1 การเกิดใหม่ที่ "ซับซ้อน" เล็กน้อย
ในลานกว้างที่สร้างขึ้นใหม่เมื่อไม่นานมานี้ มีตำหนักอันหรูหราสวยงามตั้งตระหง่านอยู่
ตำหนักอันสูงใหญ่นี้ สร้างอยู่บนหยกสีขาวบริสุทธิ์ก้อนมหึมา หยกขาวสูงเก้าจั้งนั้นเป็นฐานของตำหนัก
มองจากระยะไกล ตำหนักนี้ราวกับปราสาทหยกในตำนาน!
รอบลานถูกล้อมรอบไปด้วยเสาหยกขาวแกะสลักรูปมังกร ตำหนักทั้งหลังนี้อาจใช้สี่ตัวอักษรใหญ่บรรยายได้ว่า "โอ่อ่างดงาม"
เมื่อผลักประตูใหญ่ซึ่งปิดด้วยทองฉลุลายมังกรสองบานออก ภายในลานเต็มไปด้วยสะพานเล็ก ทะเลสาบ ภูเขาสูง ธารน้ำไหล ต้นไม้โบราณและหินประหลาด แปลงดอกไม้และกระถางภาพ เถาวัลย์และไผ่เขียวขจี ประดับประดาไว้ตามจุดต่าง ๆ เกิดเป็นความงามอย่างลงตัว
ทะเลสาบใต้สะพานเล็ก ดอกบัวบานสะพรั่งขึ้นใหม่หลังฝน ปลามังกรหยกวิญญาณขาวล้ำค่ากำลังเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน เกิดเป็นทัศนียภาพอันวิจิตรงดงาม
ตำหนักทั้งหลังค้ำยันด้วยไม้ถานหยางพันปีขนาดใหญ่เก้าต้น บนเสามังกรขดขนาดใหญ่ทาสีแดงสด แกะสลักเป็นมังกรทอง
มังกรทองบนเสามังกรขดแต่ละตัวสูงใหญ่ถึงหนึ่งร้อยจั้ง บ้างทำท่าทางค้อนเมฆพ่นหมอก บ้างทำท่าเหินเวหากลางนภา ทุกตัวดูเหมือนมีชีวิตจิตใจ
ตรงกลางของห้องโถงใหญ่เป็นแท่นสี่เหลี่ยมสีแดงสดสูงราวสองจั้ง บนแท่นวางกระถางธูปทองแดง ซึ่งมีการจุดธูปน้ำลายมังกรตลอดทั้งปี
เมื่อธูปน้ำลายมังกรถูกจุด กลางห้องโถงก็จะส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่ทำให้คนรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจอย่างต่อเนื่อง
ทางทิศตะวันออกของตำหนักหลังนี้มีห้องที่หรูหราอย่างที่สุด
ของตกแต่งภายในห้องทุกชิ้นล้วนมีกลิ่นอายโบราณ
ตรงกลางห้องตั้งโต๊ะปีกแปดเซียนแกะสลักจากไม้จันทน์ม่วงแก้ว ไม้จันทน์ม่วงแก้วเป็นวัสดุยอดเยี่ยมในการทำเครื่องรางไม้วิญญาณของลัทธิเต๋า
ในสำนักขนาดเล็กมักจะถูกสักการะเป็นสมบัติล้ำค่าประจำสำนัก! เพียงแต่ในห้องนี้กลับเอามาใช้เป็นโต๊ะ
หากต้องการแกะสลักโต๊ะใหญ่ขนาดนี้ จำเป็นต้องใช้ไม้จันทน์ม่วงแก้วที่มีอายุมากกว่าสองพันปีอย่างน้อยหนึ่งต้น เครื่องเรือนอื่น ๆ ในห้องทั้งหมดล้วนทำจากไม้จันทน์ม่วงแก้วนี้
ไม้จันทน์ม่วงแก้วมีกลิ่นหอมเป็นทุนเดิม เนื้อไม้แข็งแรงทนทาน ไม่ผุง่าย จึงถูกใช้ในการก่อสร้างของสำนักเสินเป็นจำนวนมาก
ไม่ไกลจากโต๊ะมีตู้ไม้ใหญ่ใบหนึ่ง บนตู้แกะสลักอักษรใหญ่สี่ตัวที่ดูสง่างามและทรงพลังว่า "โจรมีหลักการ"
บนตู้มีช่องไม้จำนวนมาก ภายในช่องมีเครื่องรางวิญญาณรูปร่างแปลกประหลาดมากมาย
นอกจากนั้นยังมีขวดโหลต่าง ๆ ที่ถูกจัดวางแยกประเภทอย่างชัดเจน เป็นระเบียบมาก
ข้างตู้ไม้มีเตียงไม้สีเขียวมรกตที่ส่งกลิ่นหอมแปลก ๆ อยู่ เตียงทำจากกิ่งไม้ขนาดใหญ่
บนเตียงส่งกลิ่นอายของชีวิตและความอบอุ่นอย่างไม่รู้จบ ถ้าเป็นผู้ฝึกตนที่มีประสบการณ์เห็นเข้า ต้องอุทานด้วยความตกใจว่า "นี่คือบรรพบุรุษแห่งพืชพรรณในสามภพ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สร้างสรรพสิ่ง!"
"ลูกเสเพลบ้านไหนกัน ที่เอาของวิเศษสูงสุดแบบนี้มาทำเตียง"
สำนักนี้นับว่าเป็นสำนักที่ใหญ่โตเฟื่องฟูจริง ๆ !
เพราะต้นกำเนิดพืชพรรณในสามภพ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สร้างสรรพสิ่งนี้อยู่ในสำนักเสินนี่เอง ซึ่งก็คือเทพสังหาร บิดาของเสินหลิง
แม้แต่เปลเด็กของเสินหลิงสมัยยังเป็นทารก ก็แกะสลักจากต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์สร้างสรรพสิ่งนี้
บนเตียงนอนมีบุรุษหนุ่มหน้าตาดีพอจะทำให้คนหลงใหลหลับอยู่ บุรุษผู้นี้สวมเสื้อผ้าสีแดงสด ลวดลายของเสื้อแต่งด้วยเส้นทองและไหมหยก ชุดเสื้อคลุมทั้งชุดทอจากไหมจักจั่นพันปี
"เจ้าก็ยังเป็นขยะเปียกอยู่แบบนี้ แม้สำนักเสินจะใช้วิธีลับเพิ่มระดับวรยุทธ์ของเจ้าให้สูงถึงเซียนอิสระระดับสองชั่วคราว ระหว่างเจ้ากับข้า ก็ยังห่างกันราวฟ้ากับดิน!"
"เหมือนตอนนี้ที่ข้ายืนอยู่บนเวที ได้รับเสียงโห่ร้องเฮฮาจากผู้คนนับหมื่น ส่วนเจ้าได้แต่นอนขดตัวอยู่บนพื้นเหมือนสุนัข ถูกผู้ฝึกตนใต้เวทีเยาะเย้ย!" เริ่นอ้าวเทียนมองเสินหลิงที่ถูกตนทำให้ตกใจจนล้มลงกับพื้นพลางพูดเย้ยหยันไปด้วย
ทันใดนั้น บุรุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาก็ขมวดคิ้ว!
"อ๊ะ!"
หนุ่มน้อยหน้าตาดีร้องด้วยความเจ็บปวด ตื่นขึ้นจากเตียงอย่างตกใจ
"ที่แท้ก็ฝัน! ฝันเห็นฉากที่ถูกเริ่นอ้าวเทียนเอาชนะในงานชุมนุมใหญ่หมื่นสำนักอีกแล้ว" เด็กหนุ่มพูดกับตัวเองด้วยสีหน้าเลื่อนลอย
หลังจากเด็กหนุ่มหายใจหอบใหญ่สองสามครั้ง ก็เพิ่งสงบลง "ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ!"
สายตาของเด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาลอยล่องไปมา เขามองทุกสิ่งในห้องนี้ด้วยสายตาเลื่อนลอย
เด็กหนุ่มผู้นี้ชื่อหลินทิงไห่ เขาเป็นคนธรรมดาบนโลกทั่วไป ส่วนสาเหตุที่ข้ามมิติมาที่นี่นั้นเรียบง่ายมาก ก็คืออุบัติเหตุการจราจรครั้งหนึ่ง
"อ๊า!" ความรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงถาโถมเข้ามาดุจคลื่นยักษ์ หลินทิงไห่เจ็บจนเหงื่อเย็นไหลซิก
หลังจากผ่านไปสิบห้านาที อาการปวดหัวเพิ่งค่อย ๆ ทุเลาลง
วิญญาณของหลินทิงไห่ ก็ผสานเข้ากับวิญญาณของร่างเดิมอย่างสมบูรณ์แบบ
"สรุปแล้ว นี่เป็นจังหวะชีวิตสุดโชคร้ายที่ "ซับซ้อน" เล็กน้อย ในแบบ "ข้ามมิติบวกกับการเกิดใหม่" ส่วนข้า ก็เป็นตัวเอกคนหนึ่งของเรื่องราวสุดโชคร้ายนี้ ตัวเอกหลักก็คือ เสินหลิง ผู้สืบทอดเจ้าสำนักน้อยรุ่นที่สี่ของสำนักเสิน" หลินทิงไห่พอจะเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว
การข้ามมิติ หมายถึง การที่วิญญาณชาวโลกอย่างหลินทิงไห่มาถึงโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรวิเศษที่มหัศจรรย์นี้
การเกิดใหม่ หมายถึง เสินหลิงเจ้าของร่างเดิม วิญญาณมาเกิดใหม่ในหนึ่งพันปีก่อน
ส่วนที่ว่าซับซ้อนเล็กน้อย ก็เพราะสุดท้ายวิญญาณของทั้งสองคนก็ยังผสานเข้าด้วยกัน
เพราะหลิวเยว่เอ๋อร์ คู่หมั้นของเสินหลิง กลายเป็น "บุตรีต้องสาปโลหิต" โดยบังเอิญ เพื่อปกป้องหลิวเยว่เอ๋อร์ เสินหลิงจึงถูกหอปรุงโอสถและกลุ่มอำนาจมากมายล้อมโจมตี
เขาและศัตรูที่จู่โจมสำนักเสินต่างพินาศไปด้วยกันทั้งคู่ จากความสามารถกลับชะตาของสายเลือด จึงได้เกิดใหม่ย้อนกลับไปในหนึ่งพันปีก่อน
หลินทิงไห่ทราบจากความทรงจำว่า สายเลือดของเสินหลิง เจ้าของร่างเดิมคือ "ร่างเทพสวรรค์โปรดปราน" ที่เรียกว่าร่างเทพสวรรค์โปรดปรานก็คือหมายความว่าเป็นลูกรักของสรวงสวรรค์ นี่เป็นสายเลือดที่แข็งแกร่งที่สุดในสามภพ การฝึกฝนช่วงแรกของสายเลือดนี้จะเชื่องช้ามาก
ผู้ที่มีสายเลือดนี้ ในช่วงแรกเกิดจะมีรากวิญญาณขั้นต้นระดับหนึ่ง ซึ่งต็คือต่ำสุด แต่ทุกครั้งที่รากวิญญาณได้รับการบำรุงเลี้ยงจากสรวงสวรรค์ มันก็จะเพิ่มระดับขึ้น
"ถ้าข้ามีชีวิตอยู่นานมากพอ ก็จะสามารถทะลวงขีดจำกัดของรากวิญญาณ กลายเป็นรากวิญญาณระดับสิบที่มีเพียงในตำนานเท่านั้น นั่นก็คือ 'วิญญาณผันแปร' " หลินทิงไห่คิดในใจอย่างซาบซึ้ง
หลินทิงไห่เรียบเรียงความทรงจำในสมองครู่หนึ่ง!
สิ่งที่เหนือธรรมชาติที่สุดของร่างเทพสวรรค์โปรดปรานนี้ก็คือ เมื่อผ่านไปทุก ๆ สองร้อยปี ก็จะมีการบำรุงเลี้ยงจากสรวงสวรรค์ลงมา ช่วยเสินหลิงเพิ่มพูนระดับวรยุทธ์
ดังนั้น แม้ว่าในชาติก่อนเสินหลิงจะไม่ค่อยบำเพ็ญเพียร!
แต่ก็ยังสามารถเทียบเท่ากับเซียนอัจฉริยะเหนือโลกที่มีพรสวรรค์ที่สุด!
"ร่างเทพสวรรค์โปรดปรานนี้ ก็นับว่าสมกับชื่ออย่างแท้จริง !" หลังจากที่หลินทิงไห่เรียบเรียงความทรงจำแล้ว ก็รู้ว่าร่างเทพสวรรค์โปรดปรานนี้ ก็คือกุญแจสำคัญของเขานั่นเอง
"ตัวตนใหม่อย่าง 'เสินหลิง' นี่ไม่ธรรมดาเอาเสียเลย เพียงแค่สกุล 'เสิน' และนามสำนักที่เรียกว่า 'สำนักเสิน' ก็รู้แล้วว่าตัวตนของเขาไม่ธรรมดา เสินหลิงนี้อายุเพียงสิบห้าปี แต่กลับได้รับการยอมรับภายในว่าเป็นเจ้าสำนักรุ่นที่สี่ตั้งแต่เนิ่น ๆ แล้ว" หลินทิงไห่ก็รู้สึกประหลาดใจมาก สกุล 'เสิน' นี้เขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน แซ่สกุลนี้ช่างสูงส่งเหลือเกิน
หลินทิงไห่ทราบจากความทรงจำของเสินหลิง ว่าเดิมทีเจ้าสำนักรุ่นแรกของสำนักเสินนี้ ก็คือท่านปู่ของเสินหลิงนั่นเอง นามว่า เสินควง
"เดิมทีสกุลเดิมของเสินควง คือสกุล เฉิน นามว่า ควง ภายหลังเพราะผู้อาวุโสเฉินที่เป็นญาติสนิทตายเพื่อปกป้องเสินควง นับแต่นั้นเสินควงจึงไม่เชื่อในจักรพรรดิสวรรค์ ไม่เชื่อในเทพหรือมาร เชื่อเพียงตนเอง ยืนยันมั่นคงว่าตนเองคือเทพ คือมาร ตนเองคือจักรพรรดิสวรรค์เพียงหนึ่ง จึงเปลี่ยนนามสกุลเป็น เสิน นับแต่นั้น"
หลินทิงไห่คิดว่าสิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ เจ้าสำนักสี่ชั่วอายุคนของสำนักเสินนี้ ทั้งผู้เยาว์และผู้อาวุโสทั้งสี่รุ่นต่างก็ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดเลย ล้วนเป็นความสัมพันธ์แบบรับเลี้ยงบุตรบุญธรรมทั้งนั้น
หลินทิงไห่คาดว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับประสบการณ์ในวัยเด็กของเสินควง เพราะเสินควงเป็นเด็กกำพร้า โดนผู้อาวุโสเฉินเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเจ้าสำนักทั้งสี่รุ่นของสำนักเสินก็เป็นเช่นนี้