ตอนที่แล้วตอนที่ 6 เล่น HON ครั้งแรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8 Take Cover

ตอนที่ 7 ไหวพริบของโจ้


“นายพูดถูก เราจำเป็นต้องมีไอเทมช่วยสนับสนุนการเล่น” หลังจากพูดจบโจ้ก็ใช้เงินทั้งหมดซื้อขวดเลือดหกขวด

“เฮ้ย ทำไมนายซื้อแต่ขวดเลือดล่ะ” เต้เอามือตบหน้าผากตัวเอง

“ก็ฉันเห็นมันแนะนำให้ซื้อขวดเลือด ฉันทำอะไรผิดเหรอ?” โจ้ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเต้ถึงดูไม่ชอบใจนัก

“แต่มันก็ไม่ได้แปลว่านายต้องใช้เงินทั้งหมดซื้อขวดเลือด นายต้องแบ่งเงินไปซื้อไอเทมเพิ่มค่าสถานะด้วย”

กิ่งพยายามกลั้นขำ ส่วนกายทำเพียงส่ายหัวและมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสมเพช

“รีบเล่นให้มันจบๆ เถอะ” กายกระซิบบอกกิ่ง

กิ่งเห็นด้วยจึงเริ่มสั่งให้ตัวละครของตนเองเดินไปยังกลางแม่น้ำ หลังจากที่เกมเริ่มมาได้สามนาทีกว่าแล้ว

“เกมแบบนี้มันต้องปั้มเลือดสู้กันสิ นายจะสู้กับคนอื่นโดยไม่เติมเลือดได้ยังไง?” โจ้จงใจพูดเสียงดัง เขามั่นใจว่าความคิดของตนนั้นไม่ได้แย่อะไรเลย

“แต่ถ้านายไม่ซื้อไอเทมเพิ่มสถานะ ค่าพลังชีวิตและพลังโจมตีจะน้อยกว่าอีกฝ่าย นั่นจะทำให้นายเสียเปรียบในการยืนเลน” เต้บอกกับเขา

“ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ คำอธิบายบอกว่ายาหนึ่งขวดเพิ่มเลือดได้ 400 หน่วย ถ้าฉันเลือดน้อยก็แค่ใช้ยาเติมเลือด จากนั้นพอมีเงินเยอะๆ ค่อยซื้อไอเทมมาเพิ่มพลังโจมตี นายดูไอเทมอันนี้สิ บวกพลังโจมตีตั้ง 18 หน่วย” โจ้พูดพร้อมกับใช้เมาส์ชี้ไปที่ดาบเล่มใหญ่ในร้านค้าราคา 1200

เต้ทำได้เพียงนั่งอึ้งเพราะไม่รู้จะตอบอีกฝ่ายอย่างไรดี จากนั้นสายตาเขาเหลือบไปเห็นว่าตัวละครของกิ่งได้ปรากฏตัวที่มินิแมพ

“ฝั่งนั้นออกมาตีครีปแล้วนะ นายรีบออกไปได้แล้วโจ้” เต้เร่งเร้าเด็กหนุ่มข้างๆ

โจ้จึงเริ่มควบคุมฮีโร่ด้วยการคลิกซ้ายเลือกตัวละครและคลิกขวาเพื่อสั่งให้ตัวละครเคลื่อนที่

เมื่อเห็นโจ้สามารถควบคุมฮีโร่ออกจากบ่อน้ำได้โดยไม่ต้องสอน เต้ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชม เพราะตอนที่เขาหัดเล่น เขาต้องลองกดมั่วอยู่นานกว่าจะรู้วิธีการควบคุมตัวละคร

กิ่งควบคุมตัวละครของตนด้วยความตั้งใจ เพราะถ้าพูดตามตรง Devourer เป็นฮีโร่ที่ค่อนข้างแพ้ทาง Bubbles พอสมควรเพราะ Bubbles เป็นฮีโร่ที่มีสกิลค่อนข้างครบเครื่อง ทั้งสกิลที่ใช้หลบหนี ใบ้และยังรวมถึงการตรึงอีกฝ่ายให้อยู่กับที่ หากเป็นการดวลกับผู้เล่นที่เล่นได้อย่างชำนาญคงไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเอาชนะ

ทว่าสำหรับมือใหม่อย่างโจ้แล้วนั้นคงไม่ยากเกินความสามารถของเธอหรอกกระมัง…

“โจ้ นายเห็นหลอดเลือดของครีปพวกนั้นไหม? ถ้านายโจมตีเป็นคนสุดท้ายจะได้รับเงิน กลับกันถ้านายโจมตีครีปของนายเป็นคนสุดท้ายก็จะทำให้อีกฝ่ายไม่ได้รับเงิน” เต้สอนการลาสและดีนายครีปให้กับโจ้

เมื่อโจ้จะลองทำตามในสิ่งที่เต้บอก เขาก็พบว่าตอนนี้กลุ่มครีปกำลังอยู่ห่างจากฝั่งของเขา

กลุ่มครีปอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ โดยมี Devourer ที่ควบคุมโดยกิ่งกำลังตีครีปกลุ่มนั้นอยู่ หากโจ้ต้องการตีครีป เขาต้องควบคุมตัวละครของตนเดินข้ามแม่น้ำไป ซึ่งหากเทียบสถานการณ์ตอนนี้กับหมากรุกก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เบี้ยของโจ้ถูกกิ่งควบคุมไว้ทั้งหมดแล้ว

“ทำไมมันเป็นแบบนี้ล่ะ? นี่มันไม่แฟร์เลย” จู่ๆ โจ้ก็พูดเสียงดังขึ้นมา

“นายหมายความว่ายังไงที่บอกว่าไม่แฟร์?” เต้เห็นว่าตัวละครของกิ่งใกล้จะเลเวลสี่แล้ว ในขณะที่ตัวละครของโจ้ยังเลเวลหนึ่งเช่นเดิม

“นายไม่เห็นเหรอว่าครีปของฉันข้ามไปอยู่อีกฝั่งหมดแล้ว” โจ้กล่าวด้วยความอารมณ์เสียกับเต้

“อ๋อ...นั่นเพราะว่านายไม่ได้บล็อกครีปตอนเริ่มเกมไง มันเลยทำให้ครีปไปอยู่ในพื้นที่ของอีกฝ่าย” เต้ตอบ

“แล้วการบล็อกครีปคืออะไรล่ะ?” โจ้ถามด้วยความไม่เข้าใจ

“พูดง่ายๆ ก็คือการควบคุมกลุ่มครีปเมื่อออกจากเลน” เต้อธิบาย

“ถ้างั้นนายช่วยสอนฉันหน่อยว่ามันทำยังไง” โจ้พูดเสียงอ่อย ตอนนี้เขารู้สึกใจเสียแล้ว

“ตอนเริ่มเกมนายสามารถใช้ฮีโร่บังครีป เพื่อทำให้กลุ่มครีปเดินช้าลงได้” เต้สอนอย่างใจเย็น

“โอ๊ย ทำไมมันถึงมีแต่เรื่องยุ่งยาก? แล้วฉันควรทำไงดี? ถ้าตอนนี้ข้ามไปฝั่งนั้นจะไม่อันตรายเหรอ?” โจ้ถามด้วยความสับสน

เต้รู้สึกประหลาดใจที่โจ้สามารถเข้าใจความอันตรายของสถานการณ์ปัจจุบันได้ตั้งแต่การเล่นเพียงครั้งแรก

ส่วนกายเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

แม้ว่าโจ้จะเป็นเพียงมือใหม่ แต่ด้วยไหวพริบที่ดี กายจึงสัมผัสได้โดยสัญชาตญาณว่าคนๆ นี้จะต้องมีความพิเศษซ่อนอยู่

“หมอนี่มีไหวพริบอยู่นะ ถ้าได้ฝึกฝนดีๆ อาจกลายเป็นผู้เล่นที่เก่งกาจคนหนึ่งเลยก็ได้” ประโยคนี้ของกายทำให้กิ่งเสียสมาธิจนลาสครีปพลาดไปสองตัว

ปัญหาที่ทำให้กิ่งปวดหัวอยู่ตอนนี้ก็คือนอกจากตัวเธอเอง ผู้เล่นคนอื่นในทีมมีฝีมือพอๆ กับเต้เท่านั้น ซึ่ง HON เป็นเกมที่ต้องอาศัยทีมเวิร์คสูงมาก ทำให้ต่อให้เธอจะเก่งสักเท่าไรก็ไม่ดีพอสำหรับพาทีมผ่านเข้ารอบลึกๆ ได้

ดังนั้นกิ่งจึงต้องการผู้เล่นเก่งๆ มาช่วยยกระดับทีม ในตอนนี้เธอได้กายมาร่วมทีมแล้ว ถึงแม้การมีผู้เล่นฝีมือดีสองคนจะทำให้ทีมเก่งขึ้นได้ก็จริง แต่กิ่งรู้ดีว่ายังไม่พอสำหรับการไปสู้กับทีมอื่น

ดังนั้นหากโจ้เป็นคนที่มีพรสวรรค์จริงๆ เขาอาจจะพัฒนาฝีมือแซงหน้าคนอื่นในเวลาไม่นานและพาทีมประสบความสำเร็จก็เป็นได้!

“ถ้าอย่างนั้น นายคอยอยู่ห่างๆ อย่าเพิ่งเข้าใกล้เกินไป” เต้แนะนำในสิ่งที่เขาคิด

“แล้วฉันจะแก้สถานการณ์ตอนนี้ยังไง?” โจ้ถามเสียงดัง

“เธอ...ไม่สิ รุ่นพี่ไม่ได้ดีนายครีปตลอด ดังนั้นต่อให้ตอนนี้ครีปจะอยู่ฝั่งเธอ แต่เมื่อครีปชุดใหม่ถูกส่งออกมากลุ่มครีปจะกลับมาอยู่ฝั่งเรา แค่นายต้องรอสักหน่อย หรือไม่...นายก็เข้าไปใกล้เพื่อคอยดีนายครีปตัวเอง แต่อย่าเพิ่งลาสครีปอีกฝ่าย” เต้ทำหน้าที่เป็นกุนซือให้โจ้

“โอ๊ย แล้วไอ้ลาสครีปกับดีนายครีปมันคืออะไรอีก?” โจ้รู้สึกสับสนกับคำพูดของอีกฝ่าย ในตอนนี้เขาเห็นว่าเลเวลของตัวละครกิ่งอยู่ที่เลเวลห้าแล้ว ในขณะที่เขายังเลเวลหนึ่งเท่าเดิม ถึงเขาจะเพิ่งเล่นเกมนี้แต่ก็รู้ดีว่าเลเวลห้าต้องเหนือกว่าเลเวลหนึ่ง

“ก็ที่ฉันบอกไปก่อนหน้านี้ไง การตีครีปของคู่ต่อสู้ในจังหวะสุดท้ายเรียกว่าการลาสครีป ส่วนการตีครีปของตัวเองในจังหวะสุดท้ายเรียกว่าการดีนายครีป ครีปของคู่ต่อสู้นายสามารถตีเลยแม้จะเลือดเต็มหลอด แต่ถ้าเป็นครีปของตัวเอง นายต้องรอให้เลือดต่ำกว่าครึ่งหนึ่งถึงจะตีได้ ดังนั้นเมื่อนายเห็นครีปตัวเองเหลือเลือดไม่ถึงครึ่งหลอดก็กดตีได้เลย ส่วนวิธีการตีคือคลิกขวาใส่ครีป” เต้พยายามพูดช้าๆ เพราะเกรงว่าโจ้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาอธิบาย

เมื่อได้ฟังสิ่งที่เต้บอก สมองของโจ้เริ่มประมวลผลอย่างรวดเร็ว

และชั่วอึดใจต่อมา โจ้ไม่ได้ทำตามคำแนะนำของเต้ แต่กลับควบคุมตัวละครของตนกลับไปยังฐาน

“โจ้ นายคิดจะทำอะไร!” เต้พยายามห้ามการกระทำของอีกฝ่าย

โจ้เมินการปรามของเต้ เขาสั่งให้ตัวละครเดินย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นเลนอีกครั้ง จากนั้นรอเวลาที่ครีปเดินออกมา และสั่งการให้ฮีโร่ไปยืนบังหน้ากลุ่มครีปเอาไว้ เต้จึงเข้าใจจุดประสงค์ของเขา แต่เต้ก็คิดว่าการบล็อกครีปควรทำแค่ตอนเริ่มเกม ยังไม่เคยเห็นใครบล็อกครีปหลังจากเริ่มเกมมาแล้ว

เต้มองว่าการเดินย้อนกลับไปเพียงเพื่อบล็อกครีปเป็นเรื่องเสียเวลา เพราะจะทำให้เสียค่า EXP จากครีปที่ออกมาแล้ว

แต่เมื่อเห็นโจ้สั่งให้ตัวละครเดินหมุนไปหมุนมาอยู่ข้างหน้ากลุ่มครีปด้วยความชำนาญจึงทำให้เขารู้สึกประหลาดใจที่เพื่อนของเขาเข้าใจวิธีการบล็อกครีปด้วยการฟังเพียงแค่ครั้งเดียว

เต้พูดปรามโจ้อีกครั้ง “มันสายไปแล้วโจ้ นายรีบกลับไปเอาเลเวลดีกว่า”

การกระทำของโจ้นั้นดูไม่ฉลาดเอาซะเลยในมุมมองของเต้ ผิดกับกิ่งและกาย กิ่งลูบผมของเธอซึ่งเป็นนิสัยเฉพาะตัวเวลากำลังลุ้นกับอะไรสักอย่าง ส่วนกายก็ตั้งใจดูการกระทำของโจ้ด้วยสีหน้าจริงจัง…

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด