ตอนที่ 5 เสียงเพลงปลุกใจ
คำพูดของเต้ทำให้โจ้สงบลงทันที เมื่อพิจารณาแล้วว่าสิ่งที่เต้พูดมาสมเหตุสมผล เขาก็ไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ดื้อด้านอีกต่อไป
โจ้ลุกขึ้นเตรียมตัวขอยอมแพ้ “คิดๆ ดูแล้วฉันคงยังไม่พร้อมดวล...” ขณะพูดสายตาโจ้ได้เหลือบไปเห็นกายกำลังส่ายหัวและส่งสายตาดูถูกมายังเขา
จากการแสดงออกของกายได้สร้างความไม่พอใจและก่อเกิดเป็นแรงฮึดให้โจ้
เขานั่งลงที่หน้าจอคอมพิวเตอร์อีกครั้งและเอ่ยว่า “เต้ นายบอกฉันหน่อยว่าต้องทำยังไง?” โจ้พูดด้วยใบหน้าเอาจริงเอาจัง “กฎการ 1-1 มีอะไรบ้าง?”
เต้มองเขาด้วยความงุนงงที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็คิดจะสู้ต่อ “อะไรนะ...นี่นายเอาจริงเหรอโจ้?”
“บอกกฎฉันมาเถอะ ฉันจะสู้ให้สุดความสามารถ” โจ้พูดอย่างมุ่งมั่น
เต้จึงทำได้เพียงถอนหายใจและให้คำตอบแก่อีกฝ่าย “กฎการ 1-1 ไม่เหมือนการเล่นเป็นทีม นายไม่จำเป็นต้องทำลายฐานของอีกฝ่าย...”
เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ เต้ได้หยุดชะงักเนื่องจากเขาไม่เคยดวลตัวต่อตัวกับใครเลย ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่ากฎการดวลที่แน่ชัดคืออะไรและวัดผลแพ้ชนะกันอย่างไร
“ถ้างั้นจะวัดผลแพ้ชนะกันที่อะไรล่ะ?” โจ้เร่งถามด้วยความใจร้อน
“เอ่อ...ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน” เต้พูดด้วยความลังเล เขาอายที่ต้องยอมรับว่าตัวเองก็รู้เรื่องพวกนี้ไม่มากนัก
แต่ก่อนที่โจ้จะรู้วิธีการวัดผลแพ้ชนะ กิ่งได้จัดการสร้างห้องเรียบร้อยแล้ว
“นายพร้อมหรือยัง ฉันสร้างห้องเสร็จแล้ว” กิ่งเอ่ยถาม
“ฉัน...ฉันพร้อมเสมอ” โจ้พยายามพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“ที่จริงเรายังไม่ต้องดวลกันตอนนี้ก็ได้นะ นายไปให้เต้สอนสักสองสามอาทิตย์ แล้วเราค่อยมาดวลกันใหม่” กิ่งเอ่ยปากแนะนำเมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่าย
“ไม่ต้อง มาดวลกันตอนนี้เลย!” โจ้ตอบกลับทันควัน
“แล้วนายรู้กฎการ 1-1 แล้วเหรอ?” กิ่งถามเขาอีกครั้ง
“รู้สิ...รู้ชัดแจ่มแจ้งเลยล่ะ มาเริ่มกันเลยเถอะ” โจ้ยังคงปากแข็งต่อไป
กิ่งยักไหล่เล็กน้อยพลางนึกในใจ ‘หมอนี่ช่างดื้อรั้นจริงๆ’ ท่าทีที่ดูหยิ่งผยองของโจ้ทำให้เธอเองก็เริ่มรู้สึกเดือดขึ้นมาบ้างแล้ว ดังนั้นเธอจึงอยากให้บทเรียนแก่อีกฝ่ายเสียหน่อย
“การดวล 1-1 เราจะมาเจอกันที่เลนกลาง โดยหากใครสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ครบสามตัวหรือทำลายป้อมได้สองป้อมก่อนจะนับว่าเป็นผู้ชนะ” กิ่งอธิบายให้โจ้ฟัง
“ใช่ๆ สังหารสามตัวหรือทำลายสองป้อม” เต้รีบตอบ ในตอนที่เขาเพิ่งเล่นเกมนี้ มักจะได้ยินคนพูดคำว่า ‘สามตัว สองป้อม’ แต่เขาไม่เคยรู้ความหมายมาก่อนจนกระทั่งมาเข้าใจเมื่อได้ฟังกิ่งอธิบาย
“นี่เป็นกฎที่บังคับให้ต้องสู้ นายจะเอาแต่หลบอยู่ในป้อมโดยไม่ออกมาสู้ก็ได้ แต่สุดท้ายกิ่งจะทำลายป้อมและมอบความพ่ายแพ้ให้กับนาย” กายที่เงียบมาพักใหญ่เอ่ยขึ้น
แม้คำพูดของเขาจะฟังดูเหมือนเป็นการแนะนำ แต่ความจริงเขาแค่ต้องการบีบโจ้ออกไปสู้ เพื่อให้กิ่งจบเกมให้เร็วที่สุด
“ฟังดูเป็นความคิดที่ดีนะโจ้ นายอยู่แต่ในป้อมไม่ต้องออกไป อย่างน้อยก็ทำให้นายไม่ต้องเสียหน้า…” เต้พูดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและรีบยกมือปิดปากทันที
โจ้ไม่ตอบโต้เพราะเขากำลังทบทวนคำพูดของกายเงียบๆ ถ้าหากหลบอยู่แต่ในป้อมถึงแม้ว่าจะไม่ตาย สุดท้ายก็ยังพ่ายแพ้อยู่ดี แต่การจะสังหารอีกฝ่ายได้ถึงสามครั้งก็ดูเป็นเรื่องยากเกินไป...
‘เดี๋ยวก่อนนะ...แล้วถ้าเป็นการทำลายป้อมล่ะ?’ จู่ๆ แววตาโจ้ก็สว่างขึ้น
“ถ้าเธอไม่ว่าอะไร ขอฉันปรึกษากับเต้ก่อนได้ไหม?” โจ้หันไปถามกิ่ง
“ตามสบายเลย แต่นายที่ยังไม่รู้แม้แต่วิธีการเล่นขั้นพื้นฐาน ฉันว่าให้เต้สอนนายเล่นกับบอทก่อนดีกว่าไหม?” กิ่งพูดพลางเม้มริมฝีปากอมยิ้ม
กายส่ายหัว เขาไม่แสดงความอดทนใดๆ อีกต่อไปเพราะการที่โจ้มาแย่งเขาใช้คอมพิวเตอร์ นั่นทำให้เขาเสียเวลาฝึกซ้อม
โจ้ลุกขึ้นยืนและดึงเต้ออกมาด้านนอกห้องพัก จากนั้นเอ่ยถามกับเต้ว่า “ฉันขอถามคำถามกับนายสักสองสามข้อ โดยที่นายต้องตอบฉันมาเพราะการแพ้ชนะของฉันขึ้นอยู่กับคำถามเหล่านี้”
เต้สับสนเพราะไม่รู้ว่าโจ้ต้องการถามอะไร แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากพยักหน้าแบบไม่เต็มใจนัก
“เกม HON มีฮีโร่เยอะใช่ไหม?” โจ้เร่งถามอย่างตื่นเต้น
เต้ทำเพียงพยักหน้าแทนคำตอบ
“นายช่วยแนะนำฮีโร่ที่เก่งในการทำลายป้อมหน่อยสิ” โจ้พูดน้ำเสียงจริงจัง
“ฮีโร่ที่ทำลายป้อมเก่งเหรอ? นายหมายถึงว่ามันเก่งในการดันป้อมใช่ไหม?” เต้ถามกลับ
“ใช่ๆ แบบนั้นแหละ ถ้าฉันสามารถทำลายป้อมได้สองป้อม ฉันก็จะชนะ แต่ตอนที่ฉันดูนายเล่นกับบอท ฮีโร่พวกนั้นใช้เวลานานเกินไปที่จะทำลายป้อมได้ มันมีตัวไหนที่ทำลายป้อมได้ด้วยการโจมตีแค่ครั้งสองครั้งบ้างไหม?”
เต้เข้าใจว่าโจ้กำลังจะสื่อถึงอะไร เขาจึงเปลี่ยนจากการพยักหน้าเป็นส่ายหัวทันที
“เกมนี้มันไม่ง่ายอย่างที่นายคิดหรอกนะ อย่างแรกเลยก็คือมีฮีโร่ของอีกฝ่ายขวางทางอยู่ ถ้าหากจะตีป้อม นายต้องฆ่าฮีโร่ของอีกฝ่ายให้ได้ก่อน และอย่างที่สองช่วงต้นเกมป้อมจะตีแรงมาก ดังนั้นต่อให้นายจะเล่นตัวดันป้อมแต่ก็รับดาเมจป้อมไม่ไหวหรอก”
“แล้วมีฮีโร่ตัวไหนที่สามารถตีได้ไกลมากๆ จนอีกฝ่ายตีฉันไม่ถึงบ้างไหม?” โจ้นึกถึงเกมยิงปืนชื่อ PB ที่สามารถลอบสังหารคนอื่นได้จากระยะไกล
“ฮีโร่แบบนั้นก็มีอยู่หรอก แต่ว่า...” เต้รู้สึกลำบากใจที่จะตอบ
“แต่อะไรล่ะ นายบอกฉันมาสิว่าเป็นตัวไหน ฉันจะได้เล่น...” โจ้ถามด้วยท่าทางดีใจ
“แต่ว่าฮีโร่ตัวนี้ไม่มีสกิลไว้หนีแถมยังเปราะบางอีก นายจะถูกฆ่าด้วยการโจมตีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น” เต้ตอบช้าๆ
“แต่ฉันก็สามารถยิงป้อมของอีกฝ่ายโดยที่ยังอยู่ในป้อมของตัวเองได้ใช่ไหม?” โจ้ยิ้มร่าออกมา
“ฝันไปเถอะ ระยะยิงไกลสุดมากกว่าระยะยิงของป้อมนิดเดียวเท่านั้นแหละ” เต้พูดดับฝันอีกฝ่าย
“ไกลกว่าแค่ไหนเหรอ?” โจ้ถามด้วยสายตาที่ยังคงคาดหวัง
“ประมาณร้อยสองร้อยหน่วยได้ล่ะมั้ง” เต้ตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
“แล้วไอ้ร้อยสองร้อยหน่วยนี่มันไกลแค่ไหน? นายช่วยอธิบายให้มันชัดเจนหน่อย” โจ้เริ่มถามด้วยความหัวเสียเล็กน้อย
“มันใกล้มากๆ เพราะระยะป้อมยิงอยู่ที่เจ็ดร้อยหน่วย” เต้ตอบ
โจ้ยังคงไม่เข้าใจและมันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด “ช่างมันเถอะ งั้นก็ฆ่าอีกฝ่ายให้ได้ก็พอ...ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะสู้เธอไม่ได้”
“ถ้างั้น...นายบอกมาก็พอว่าฮีโร่ตัวไหนพลังโจมตีเยอะที่สุด เดี๋ยวฉันจะเล่นตัวนั้นนั่นแหละ!” สิ้นเสียงโจ้จัดการจูงมือเต้กลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง
เต้ที่ยังไม่ทันได้พูดอะไรถูกจัดแจงให้กลับมานั่งที่เก้าอี้ จากนั้นโจ้หันมาถามเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เป็นไง ฉันดูเอาจริงหรือยัง?”
แต่ก่อนที่เต้จะทันได้เอ่ยปากตอบ เสียงของกิ่งก็ดังขึ้น
“นายพร้อมแล้วใช่ไหม? กดเข้าห้องมาได้เลย หาห้องที่ชื่อว่า 1-1” กิ่งบอกกับโจ้
“โอเค...รอฉันสักครู่” โจ้ตอบรับอีกฝ่ายและหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบที่หู
จากนั้นเสียงเครื่องดนตรีทองเหลืองบรรเลงร่วมกับกลองก่อเกิดเป็นเสียงเร้าอารมณ์ดังเข้ามาในหูของโจ้
“โอโห ดนตรีเกมนี้...สร้างความฮึกเหิมดีจังแฮะ” โจ้พูดและสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นจับเมาส์คลิกเข้าห้องตามคำแนะนำของเต้
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกดเข้าร่วมห้องมาแล้ว กิ่งจึงเอ่ยถามว่า “ถ้างั้นฉันกดเริ่มเกมล่ะนะ”
โจ้หันมองเพื่อนที่อยู่ด้านข้างและเห็นว่าเต้พยักหน้าให้ ดังนั้นโจ้จึงหันกลับไปตอบเธอว่า “โอเค มาเริ่มดวลกัน!”
และครู่ต่อมาเขาก็ได้ยินเสียงสัญญาณนับถอยหลังนำพาเข้าสู่โลกที่เกิดมหากาพย์สงครามระหว่าง Legion กับ Hellbourne!