ตอนที่แล้วตอนที่ 1 ทำลายสถิติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 3 ชายที่ถูกเล่าลือ...  

ตอนที่ 2 การปะทะกันของสองโรงเรียน


เมื่อหันไปมองที่มาของเสียง โจ้พบเข้ากับเด็กสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง ใบหน้าอ่อนหวานดวงตากลมโตน่ารักราวกับตัวละครในการ์ตูน แก้มสีชมพูระเรื่อเหมือนสีของกลีบดอกกุหลาบ ผมยาวประบ่าถูกหวีจัดแต่งทรงไว้อย่างเป็นระเบียบ ความสวยของเธอทำให้เขาเสียสมาธิไปชั่วขณะ

ขณะที่โจ้กำลังยืนอึ้งอยู่นั้น ด้านกิ่งก็กำลังมองดูเขาเพื่อพินิจวิเคราะห์อยู่ในใจ

‘นี่จะใช่กายคนที่เขาลือกันไหมนะ? แต่ดูจากรีเฟล็กซ์เมื่อครู่ก็มีโอกาสเป็นเขาจริงๆ’

“เฮ้โจ้ นายได้ยินที่เธอถามหรือเปล่า?” เต้เอามือสะกิดไหล่ของโจ้เมื่อเห็นเขานิ่งเงียบไป

โจ้สะดุ้งตื่นจากภวังค์และนึกทบทวนคำถามของอีกฝ่าย จากนั้นส่ายหน้าของตน “ฉันไม่ใช่คนที่เธอถามหาหรอก...เธอเป็นเจ้าของสถิติของเครื่องเกมนี้ใช่ไหม? ขอโทษนะที่ฉันทำลายมันไปซะแล้ว”

กิ่งยิ้มให้เขา “ช่างมันเถอะ ฉันไม่สนใจสถิติพวกนี้หรอก...สรุปนายไม่ใช่กายสินะ?”

“อืม...ไม่ใช่หรอก” โจ้ยิ้มตอบเธอเช่นกัน

“ว่าแต่พวกนายเป็นนักเรียนใหม่ของโรงเรียนศรีสตรีหรือเปล่า?” กิ่งเอ่ยถามแก่คนทั้งสอง

คำถามดังกล่าวสร้างเสียงหัวเราะแก่ผู้คนรอบๆ  เพราะบรรดานักเรียนของโรงเรียนศรีสตรีล้วนแต่เป็นเด็กผู้หญิง นั่นจึงไม่แปลกที่ทำให้คำถามของเธอเป็นแค่เรื่องตลก...

ทว่าโจ้ได้ตอบกลับเธอด้วยใบหน้าที่เขินอาย “ช...ใช่ ฉันเป็นนักเรียนใหม่ของโรงเรียนศรีสตรี”

คนทั้งร้านเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น!

“เห้ย! หมอนี่มาจากโรงเรียนศรีสตรีว่ะ ฮ่าๆๆ!”

“ไปเรียนโรงเรียนที่มีแต่ผู้หญิง คงจะไม่ใช่พวกตุ้งติ้งหรอกมั้ง? ฮ่าๆๆ!”

เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วทำให้โจ้เม้มริมฝีปาก เขาเองก็ไม่มีความสุขกับการต้องมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้เท่าไรนัก

โจ้ทำได้เพียงตัวยืนแข็งทื่อท่ามกลางเสียงเยาะเย้ย ‘ตลกอะไรกันนักหนา ไอ้พวกเวรเอ๊ย!’

ในช่วงที่ทุกคนกำลังให้ความสนใจกับโจ้ ลุงที่แต่งตัวมอซอก็เดินออกจากร้านไปแบบเงียบๆ

ทันใดนั้นเองเต้ตะโกนเสียงดังขึ้นมา “หัวเราะอะไรกัน มีอะไรตลกนักเหรอ? เป็นนักเรียนโรงเรียนศรีสตรีแล้วมันทำไม?”

เขามองไปที่ผู้คนรอบตัวและพูดต่อ “สถิติเครื่องเกมนี้ก็เป็นของโรงเรียนศรีสตรี แถมก่อนหน้านี้ยังทำไว้โดยผู้หญิง โรงเรียนของพวกนายมีผู้ชายตั้งเยอะแต่ก็ยังไม่มีปัญญาทำได้เลย... กระจอกอย่างนี้ กล้าดียังไงมาหัวเราะเยาะคนอื่น?”

คนทั้งร้านเกมเงียบลงทันที ทุกสายตาต่างมองไปยังเด็กหนุ่มร่างอวบที่ตะโกนเสียงดัง ใบหน้าอวบอิ่มและดวงตาเล็กๆ กำลังเบิกกว้างด้วยความโกรธ นั่นทำให้เขาดูตลกมาก ทว่าในเวลานี้กลับไม่มีใครหัวเราะออกมาเลย

“นายพูดถูกที่สุดเลยเพื่อน!” โจ้ยิ้มกว้างและกอดคอของเต้ก่อนจะจงใจพูดเสียงดังยิ่งขึ้น

“ไม่ใช่แค่เกมนี้เท่านั้นนะ แต่เกมไหนที่ต้องใช้รีเฟล็กซ์มือฉันจะไปทำสถิติไว้ให้หมดเลย! ถ้าเด็กจากโรงเรียนพวกนายทำลายสถิติของฉันได้ ฉันจะยอมแก้ผ้าวิ่งหน้าประตูโรงเรียนพวกนายเลย! มีใครกล้าเดิมพันกับฉันไหม?”

โจ้มองไปยังกลุ่มคนรอบตัวและกล่าวต่อ “ถ้าไม่มีใครกล้าก็หุบปากไปซะ!”

สายตาหลายสิบคู่พากันจ้องเขม็งมายังคนทั้งสอง ซึ่งหากทำร้ายกันได้ด้วยสายตา โจ้กับเต้คงจะน่วมไปทั้งตัวแล้วในเวลานี้

จังหวะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังเขม่นใส่กันอย่างไม่ลดละ เจ้าของร้านได้แหวกกลุ่มฝูงชนเข้ามาห้ามปราม “โอ๊ย พอๆ หยุดทั้งคู่เลย ถ้าพวกนายไม่เล่นเกมก็ออกไปจากร้านฉัน แยกย้ายกันไปตามทางของตัวเอง!”

เมื่อถูกเจ้าของร้านไล่ กลุ่มฝูงชนจึงไม่มีทางเลือกและเริ่มแยกย้ายกันออกไป โดยมีบางคนชูนิ้วกลางมาทางเด็กทั้งสอง

เต้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาเอามือกุมขาที่กำลังสั่นอย่างหนัก...

“นายโอเคหรือเปล่าเต้?” โจ้เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

“ฉันกลัวโดนคนพวกนั้นต่อยแทบตาย” เต้ถอนหายใจและพูดต่อ “แต่ยังไงฉันก็ยอมให้คนพวกนั้นมาดูถูกเราไม่ได้”

“ใจนายได้มากเลยเพื่อน!” โจ้ยื่นนิ้วโป้งให้อีกฝ่าย เขาประทับใจกับการกระทำที่กล้าหาญของเต้จากใจจริง

“ขอโทษนะที่ทำให้พวกนายโดนหัวเราะเยาะ เป็นความผิดของฉันเอง” กิ่งเอ่ยปากขอโทษแก่คนทั้งสอง

“ไม่ใช่ความผิดเธอเลย” โจ้โบกไม้โบกมืออย่างสบายๆ “ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่ใช่กายจริงๆ นะ” เขาบอกพลางยิ้มอย่างอารมณ์ดี

กิ่งเม้มริมฝีปากอมยิ้ม “ฉันรู้...กายคนที่เขาลือกันไม่ได้ขี้คุยอย่างนายหรอก”

‘คนที่เขาลือกัน’ ประโยคนี้สะกิดต่อมความอยากรู้อยากเห็นของโจ้ทันที ทว่าเมื่อเขาจะถามคลายข้อสงสัย

“นายได้เล่น HON หรือเปล่า?” กิ่งเอ่ยถามก่อนที่เขาจะอ้าปากพูด

“ฉันเล่นๆ ฉันเป็นเซียนเกมนี้เลยนะ” เต้พูดประโยคเดิมอีกครั้ง

“นายก็เล่นด้วยเหรอ? ถ้างั้นต้องขอดูฝีมือนายสักเกม” กิ่งหันมาพูดกับเต้ด้วยความแปลกใจเล็กน้อย

“ตอนนี้ฉันกำลังหาสมาชิกทีมคนใหม่อยู่ ถ้านายเล่น HON ฉันอยากจะชวนนายมาร่วมทีม” กิ่งจ้องมองโจ้อย่างคาดหวัง

โจ้ทำได้เพียงส่ายหน้าเบาๆ “ขอโทษด้วยจริงๆ ฉันไม่เคยเล่น HON เลย”

“นายไม่ได้เล่น HON สินะ...” กิ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่ผิดหวัง “พอดีฉันเห็นนายมีรีเฟล็กซ์ไวมาก ก็เลยเดาเอาเองว่านายเป็นนักแข่งเกม”

สีหน้าอันเศร้าสร้อยของเธอสร้างความรู้สึกผิดแก่โจ้ ทำให้บทสนทนาของคนทั้งสองหยุดกลางคันและเกิดบรรยากาศเงียบงันขึ้นมาชั่วขณะ

ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งทำลายความเงียบลง

“อ้าว เจ๊กิ่งนี่นา ลมอะไรหอบเธอมาที่นี่?”

เสียงนี้ทำโจ้ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาเหลือบไปมองกิ่งและเห็นว่าเธอเองก็กำลังขมวดคิ้วไม่ต่างจากเขา

กิ่งหันกลับไปตอบเจ้าของเสียงด้วยใบหน้าเรียบเฉย “แล้วทำไมฉันจะมาที่นี่ไม่ได้?”

เด็กชายใบหน้าตกกระเดินเข้ามาจากหน้าร้าน รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาดูไม่น่าคบหาเอาเสียเลย “เจ๊กิ่งคงไม่ลืมหรอกใช่ไหมว่าสัญญาอะไรไว้ตอนที่แข่งแพ้ทีมฉัน”

“ฉันตกลงไว้ว่าจะไม่มาเล่นเกมที่นี่อีก แล้วตอนนี้ฉันได้เล่นเกมหรือเปล่าล่ะ?” กิ่งถามอีกฝ่ายอย่างประชดประชัน

“การที่นายคอยตามจับผิดฉันตลอดเวลาแบบนี้ ก็เพราะต้องการเอาคืนที่ถูกฉันทำลายสถิติได้เมื่อครึ่งปีก่อนใช่ไหมเบส?” กิ่งถามด้วยน้ำเสียงยั่วโมโห

โจ้เห็นเธอเดือดดาลเป็นครั้งแรกตั้งแต่ได้พบกัน…

กิ่งยังคงพูดต่อไปไม่หยุด “โรงเรียนวรวิทย์ของนายมีผู้ชายตั้งหลายพันคน ยังไม่มีปัญญามาทำลายสถิติผู้หญิงอย่างฉันได้เลย แบบนี้ยังกล้ามาสู้หน้าฉันอีกเหรอ?”

คำพูดของเธอทำให้เบสอับอายจนหน้าแดง

“แล้วยังไงล่ะ สถิติพวกนี้ไม่ช่วยให้ทีมเธอเล่น HON เก่งขึ้นหรอกนะ ยังไงทีมเธอก็แพ้ทีมฉันอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ!” เบสพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

“นายกล้า 1-1 กับฉันไหมล่ะ” กิ่งเอ่ยปากท้าทาย

‘อะไรคือ 1-1?’ โจ้สงสัยเกี่ยวกับคำศัพท์ใหม่ที่เพิ่งเคยได้ยิน แต่รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ควรถาม

เบสหัวเราะในลำคอและพูดตอบกลับ “HON ต้องเล่นเป็นทีมสิเจ๊กิ่ง เหมือนกับเมสซี่ที่ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน เขาก็ยังต้องอาศัยเพื่อนร่วมทีมในการคว้าแชมป์โลก ดังนั้นต่อให้เธอเก่งแต่ถ้าคนในทีมฝีมือกระจอก ทีมของเธอก็ไม่มีปัญญาชนะใครได้หรอก!”

“ฮึๆ แล้วเจอกันตอนแข่งครั้งหน้านะเจ๊กิ่ง” พูดจบเขาก็เดินยิ้มเยาะออกจากร้านด้วยความสะใจ

เมื่อเห็นอีกฝ่ายออกไปแล้ว โจ้จึงเอ่ยถามขึ้น “คนที่ผมยุ่งเหมือนรังนกคือใครเหรอ? กิ่งยิ้มกับคำถามของเขาและตอบว่า”เบสเป็นกัปตันทีม HON ของโรงเรียนวรวิทย์ เขาเพิ่งพาทีมเข้ารอบแปดทีมสุดท้ายในการแข่งระดับมัธยมสองครั้งติดต่อกัน ถึงฉันจะไม่ชอบหน้าเขาเท่าไร แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทีมของเขาเก่งกว่าจริงๆ”

“ฟังดูแล้วทีมของหมอนั่นก็เก่งอยู่นะ” โจ้พึมพำ “แล้วเกมนี้มันเล่นยากไหม? ฉันต้องหัดนานแค่ไหนกว่าจะเล่นเป็น”

“เกมนี้พึ่งพาแต่รีเฟล็กซ์ของนายไม่ได้หรอกนะ...แต่เอาเถอะ ยังไงนายก็เป็นคนทำสถิติใหม่ตบหน้าพวกโรงเรียนวรวิทย์ และฉันคิดว่าสถิตินี้คงอยู่ไปอีกนานจนเราเรียนจบ”

“เรื่องแค่นี้เอามาข่มกันได้ด้วยเหรอ?” เต้ถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

“แน่นอนสิ โรงเรียนศรีสตรีกับโรงเรียนวรวิทย์อยู่ใกล้กัน ดังนั้นเราต้องแข่งกันในทุกๆ เรื่องไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่” กิ่งถอนหายใจ “แต่น่าเสียดายที่นักเรียนของโรงเรียนศรีสตรีส่วนใหญ่มีแต่ผู้หญิง ทำให้เสียเปรียบอีกฝ่ายอยู่เสมอ”

หลังจากนั้นเธอพูดด้วยน้ำเสียงเข้มแข็งขึ้น “จนกระทั่งฉันได้ข่าวว่าปีนี้ กายคนที่เขาลือกันใน HON มาเรียนที่โรงเรียนเรา ถ้าได้เขามาร่วมทีมฉันคิดว่าคงทำให้ทีมเราเก่งขึ้นมากๆ เลยล่ะ”

นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่โจ้ได้ยินชื่อของกาย มันยิ่งกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นในตัวเขา

“นายสองคนพักอยู่ห้องเดียวกับเขาใช่ไหม?” กิ่งเอ่ยถาม

เมื่อเห็นสีหน้างุนงงของคนทั้งสอง กิ่งจึงอธิบายให้พวกเขาฟัง “พอดีตอนที่ฉันไปหอนักเรียนใหม่เห็นชื่อพวกนายอยู่ห้องเดียวกับกาย แต่ก็ไม่เจอใครเลยที่ห้อง ฉันจึงลองมาดูที่นี่”

“อืม...ไม่รู้สิ ตอนที่ฉันมารายงานตัวก็เจอโจ้คนเดียวนะ” เต้ตอบ

“ถ้างั้นเราลองกลับไปดูไหมล่ะ...บางทีกายอาจจะกลับมาแล้วก็ได้” โจ้ยักไหล่แล้วพูด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด