ตอนที่ 17 ลอบโจมตี!
ตอนที่ 17 ลอบโจมตี!
“ผู้อาวุโสสอง โปรดรอสักครู่” ฉีเหิงไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาจึงเลือกที่จะก้าวออกไปขวางทางของผู้อาวุโสสอง
“ผู้อาวุโสฉี เจ้าก็น่าจะรู้ดีกว่าด้วยความแข็งแกร่งของข้าในตอนนี้ ย่อมไม่สามารถทำตามที่เจ้าพูดได้สำเร็จอย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสสองถอนหายใจเบาๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
“เท่าที่ข้ารู้ มีสำนักดาราอยู่ห่างจากที่นี่ไปหลายพันลี้ เจ้าสำนักของพวกเขา อี้ซิง ครั้งหนึ่งได้รับสมบัติฟ้าดินที่ถูกเรียกว่า ดอกบัวหยางซิน ซึ่งมีสรรพคุณในการให้ความอบอุ่น บำรุงร่างกาย และฟื้นฟูพลังชีวิต” ฉีเหิงกล่าว หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดเรื่องนี้กับผู้อาวุโสสอง
"สำนักดารา? เมื่อเปรียบเทียบกับกองกำลังอื่นๆ กองกำลังนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่มันไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลลู่สามารถรับมือได้!" ผู้อาวุโสสองพูดขึ้นด้วยความจนใจ
“ข้าค่อนข้างคุ้นเคยกับความแข็งแกร่งของสำนักดารา ในหมู่พวกเขามีผู้เชี่ยวชาญหลอมวิญญาณเพียงไม่กี่คน ไม่ใช่ว่าเราจะไม่มีื่งชนะเลยสักทีเดียว” ฉีเหิงกล่าวขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจนัก เขาพูดยังกับว่าผู้เชี่ยวชาญหลอมวิญญาณนั้นอ่อแอ ไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงเช่นกัน
มีเก้าขอบเขตสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ ซึ่งแบ่งออกเป็นกลั่นพลังปราณ ก่อตั้งรากฐาน แก่นทองคำ วิญญาณแรกเริ่ม หลอมวิญญาณ ศักดิ์สิทธิ์ เทียมฟ้า หลุดพ้น และมหายาน
ว่ากันว่าเหนือขอบเขตทั้งเก้านี้ มีผู้ฝึกยุทธ์ที่ทรงพลังยิ่งกว่านั้นอยู่ แต่มีอยู่ในตำนานเท่านั้น
“หากอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญหลอมวิญญาณ ด้วยวิชาดาบของนายน้อย และความแข็งแกร่งของลู่เหยาก็มีความเป็นไปได้ที่จะมีชัยเหนือว่า” ดวงตาของผู้อาวุโสสองสว่างขึ้นเล็กน้อยแล้วเขาก็พูดขึ้น
“อี้ซิง เจ้าสำนักดาราคนปัจจุบันเป็นผู้เชี่ยวชาญหลอมวิญญาณขั้นสูงสุด นอกจากนี้ ว่ากันว่ามีบรรพบุรุษผู้หนึ่งซึ่งอยู่ในความสันโดษมาเป็นเวลาหลายปี และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญหลอมวิญญาณอีกคนหนึ่ง แม้ว่าสำนักดาราจะมีผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆซ่อนอยู่ แต่ก็คงไม่แข็งแกร่งไปกว่านี้มากนัก” หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง ฉีเหิงก็พูดกับผู้อาวุโสสอง
“ข้าจะไปหารือเรื่องนี้กับนายน้อย สำนักดาราตั้งอยู่ที่นั่นมาหลายปีแล้ว พวกเขาคงจะร่ำรวยมาก!” ผู้อาวุโสสองรู้สึกตื่นเต้นมาก และเขาพูดขึ้นอย่างเร่งรีบ
อย่างไรก็ตาม สำนักดารามีความแข็งแกร่งเพียงเท่านี้จริงๆ หรือ?
ชายชุดดำที่ปรากฏตัวในศาลาซิงหยู่ก่อนหน้านี้ก็เป็นผู้เชี่ยวชาญหลอมวิญญาณขั้นต้นแล้ว และผู้อาวุโสเจ็ดที่กำลังจะมาก็แข็งแกร่งยิ่งกว่านั้นเสียอีก!
ความแข็งแกร่งของสำนักดาราที่ถูกเปิดเผยออกมาอย่างจงใจโดยอี้ซิงนั้นเป็นเพียงส่วนเล็กของภูเขาน้ำแข็ง
และเหตุผลที่เขาซ่อนความแข็งแกร่งส่วนใหญ่เอาไว้ก็เป็นเพราะตระกูลลู่!
ในขณะนี้ ตระกูลลู่ไม่รู้ตัวเลย และไม่รู้ว่าพวกเขาจะถูกยักษ์ใหญ่อย่างสำนักดาราจับจ้องอยู่
ผู้อาวุโสสองอดใจรอไม่ไหว รีบเร่งไปหาลู่ซวน และหารือกับอีกฝ่ายเกี่ยวกับแผนการทำลายสำนักดารา
“นายน้อย ด้วยความแข็งแกร่งของเราในตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องซ่อนตัวอยู่ที่นี่ต่อไป และเราสามารถใช้สำนักดาราเป็นหินรองเท้าเพื่อฟื้นฟูศักดิ์ศรี และความยิ่งใหญ่ของสำนักสวินเต๋ากลับมาได้!” ดวงตาของผู้อาวุโสสองลุกเป็นไฟ และเขาแทบอดทนรอไม่ไหว
"นี่..." ลู่ซวนยังเด็ก แต่เขาก็มีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ เขาต้องการนำตระกูลลู่ให้กลับมารุ่งโรจน์อีกครั้ง และให้คนรุ่นต่อๆ ไปจดจำชื่อของเขาเอาไว้
“นายน้อยนี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก! เราต้องคว้ามันเอาไว้ สำนักดาราคงคิดไม่ถึงว่าตระกูลเราจะเปิดการโจมตีใส่พวกเขาก่อน ตราบใดที่เราจบการต่อสู้นี้ได้ในคราวเดียว เราก็จะได้รับสมบัติ และทรัพยากรมากมาย!” ผู้อาวุโสสองพยายามโน้มน้าวใจลู่ซวนให้ลงมือโดยเร็วที่สุด ทำให้เห็นว่าเรื่องนี้เร่งเด่นมากแค่ไหน
“แต่ตระกูลเราไม่มีเหตุผลที่ดีพอในการโจมตีสำนีกดารา ถ้าทำเช่นนั้นเราก็ไม่ต่างอะไรกับสำนักมาร” ลู่ซวนยังคงลังเลเล็กน้อย กลัวว่าตระกูลลู่จะถูกทำลายด้วยน้ำมือของเขาเอง
“จากเมื่อไม่กี่วันก่อนที่เราได้ทำลายศาลาซิงหยู่ไป ความบาดหมางก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว ศาลาซิงหยู่ถือเป็นกองกำลังที่ได้รับการสนับสนุนอย่างลับๆ จากสำนักดารา เราสามารถลงมือด้วยข้ออ้างนี้ได้!” หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง ผู้อาวุโสสองก็เสนอความคิด
“ถ้าหากเราทำเช่นนั้น มันจะดีเหรอ?” หน้าของลู่ซวนยังไม่หนาพอ เขาจึงลังเลใจ
“ผู้ที่ทำการใหญ่ๆ จะไม่ยึดติดกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ตราบใดที่เราทำลายสำนักดาราลงได้ ใครจะกล้านินทาเราลับหลังล่ะ ขอแค่เราเป็นผู้ชนะก็จะไม่มีปัญหาอะไร!” ผู้อาวุโสสองถอนหายใจเบา ๆ ผิดหวังเล็กน้อยกับลู่ซวน
"งั้นก็เอาตามนี้! แต่เราจะลอบโจมตีโดยไม่ให้พวกเขารู้ตัว และต้องพยายามจบการต่อสู้โดยเร็วที่สุด เมื่อไม่มีพยานก็จะไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นทำ!" ลู่ซวนตบโต๊ะ แล้วพูดขึ้นมาตรงๆ
“นายน้อย ท่านตัดสินใจได้ถูกต้องแล้ว!” ผู้อาวุโสสองรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก และเขาก็ภาคภูมิใจ
ต่อมา ลู่ซวนได้เรียกผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลลู่ และหารือกับพวกเขาเกี่ยวกับการลอบโจมตีสำนักดารา
ด้วยแรงผลักดันของลู่ซวน และผู้อาวุโสสอง แม้ว่าบางคนจะคัดค้าน แต่คนส่วนใหญ่ก็ยังเลือกที่จะสนับสนุน
ครอบครัวลู่ต้องคว้าโอกาสนี้เอาไว้ หากพวกเขาต้องการผงาดขึ้นอีกครั้ง และสำนักดาราถือเป็นความท้าทายที่ดี!
อี้ซิงคงคาดไม่ถึงว่าตระกูลลู่ซึ่งเขามองว่าเป็นรางวัลที่อยู่ในอุ้งมือมาโดยตลอดนั้นจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป และแม้กระทั่งวางแผนที่จะลอบโจมตีเขาด้วยซ้ำ
ดังนั้น หลังจากพักผ่อนเพียงสองวัน ทุกคนก็ใช้ประโยชน์จากเงามืดเพื่อรวบรวมกำลังคนอย่างลับๆ และเตรียมพร้อมที่จะโจมตีสำนักดารา!
มีผู้อาวุโสหลายคนที่เข้าร่วมศึกครั้งนี้ รวมถึงผู้นำตระกูลลู่ ลู่ซวน ศิษย์หญิงคนโต ลู่เหยา และศิษย์ระดับแก่นทองคำอีก 10 คน พวกเขาออกเดินทางพร้อมกัน และมุ่งหน้าตรงไปยังที่ตั้งของสำนักดารา
หลังจากมาถึงขอบเขตแก่นทองคำ ผู้ฝึกยุทธ์จะสามารถบินไปในอากาศได้ ดังนั้นทุกคนจึงเดินทางได้อย่างรวดเร็วมาก เมื่อถึงเที่ยงคืน พวกเขามาถึงจุดหมายแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสเจ็ดของสำนักดาราก็เลือกที่จะลงมือในเวลานี้เช่นกัน เขาซ่อนตัวอยู่รอบๆ ตระกูลลู่ โดยวางแผนที่จะหาเวลาที่เหมาะสมในการลงมือมานานแล้ว
ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นว่าสมาชิกตระกูลลู่ส่วนใหญ่ออกเดินทางจากไป เขาก็ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป และรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องลงมือ!
“แปลก คนเหล่านี้ออกไปทำอะไรกันกลางดึก? พวกเขาจะออกไปกินของว่างหรือยังไงกัน? แต่นั่นก็ไม่สำคัญ ตราบใดที่ข้าสามารถทำภารกิจที่เจ้าสำนักมอบให้ได้สำเร็จนั้นก็มากพอแล้ว” ผู้อาวุโสเจ็ดพึมพำกับตัวเอง และเดินเข้าไปหาตระกูลลู่ทีละก้าว
เขาระมัดระวังตัวเองอย่างยิ่ง เขารู้ดีว่าภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าสำนักนั้นย่อมจะไม่ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเคยมีผู้เชี่ยวชาญหลอมวิญญาณเสียชีวิตลงที่นี่ สิ่งนี้ทำให้เขาระมัดระวังมากขึ้น และไม่กล้าที่จะดูถูกดูแคลนตระกูลเล็กๆ นี้
ผู้อาวุโสเจ็ดแอบเข้ามาในตระกูลลู่ได้อย่างง่ายดาย นั้นทำให้เขาผ่อนคลายลงมาก และรู้สึกดูถูกในใจเล็กน้อย
“ไม่มีค่ายกลป้องกันเลยเหรอ? ดูเหมือนตระกูลลู่จะไม่ได้แข็งแกร่งอะไรนัก” หลังจากที่ผู้อาวุโสเจ็ดเข้ามาในอาณาเขตของตระกูลลู่ กลิ่นอายที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขารู้สึกได้เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้นเท่านั้น สำหรับเขาอีกฝ่ายไม่ต่างจากมด และถูกเขาเพิกเฉยโดนสิ้นเชิง
แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ผู้อาวุโสเจ็ดไม่ได้รู้เลยว่ากระจกหมิงซินในห้องโถงบรรพบุรุษของตระกูลลู่กำลังเปล่งแสงจางๆ และออร่าของมันก็ปกคลุมไปทั่วตระกูล
ผู้อาวุโสเจ็ดก้าวไปข้างหน้าอย่างเงียบ เขาซ่อนตัวอยู่ข้างนอกมาหลายวันแล้ว และได้รู้เกี่ยวกับสถานการณ์บางอย่างแล้ว เขาจึงรู้ว่าตระกูลลู่ดูเหมือนจะมีห้องลับที่ซ่อนอยู่หลายแห่ง และระบุถึงสถานที่เหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว
“ที่นี่มีคนที่คอยปกป้องมันเป็นพิเศษ นี่ควรเป็นรากฐานสำคัญของตระกูลลู่ แต่...นั้นดูเหมือนจะเป็นเพียงคนธรรมดา ตระกูลลู่ไม่มีใครแล้วหรือยังไงกัน” ผู้อาวุโสเจ็ดพึมพำด้วยความดูถูก และเดินเข้าไปหาฉีเหิงที่อยู่ในห้องลับ