ตอนที่แล้วตอนที่ 122 จำเป็นขนาดนี้ไหม?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 124 ซู หนิงซวง เธอต้องรุกเข้าไปก่อน!

ตอนที่ 123 มีปัญหาอะไรไหม?


มีรถหรูจอดอยู่หน้าคฤหาสน์ของ เย่เฉิน หลายคัน คันแรกเป็น Bentley Mulsanne ตามมาด้วย Audi สีดำสองคัน

คนที่ลงจากรถ Bentley Mulsanne มาเป็นพ่อลูกกัน

คนพ่ออายุประมาณห้าสิบปี จมูกเหยี่ยว รูปร่างผอมเพรียว แม้จะสวมเสื้อผ้าหรูหราแต่ก็ให้ความรู้สึกเหมือนลิงสวมมงกุฎ(1)

ส่วนลูกชายอายุประมาณยี่สิบห้า หรือยี่สิบหก แต่งตัวฉูดฉาดเหมือนลูกผู้ดีใช้ชีวิตเสเพล

เมื่อพ่อ และลูกชายลงจากรถ บอดี้การ์ดชุดดำเจ็ดแปดคนรีบออกมาจากรถ Audi ที่อยู่ข้างหลัง

ก่อนบอดี้การ์ดชุดดำจะยืนเรียงแถวอย่างมีระเบียบด้านหลังของพ่อลูกคู่นี้ด้วยความนอบน้อมยิ่ง

“พ่อ ที่นี่น่าจะเป็นบ้านของ เย่เฉิน”

ลูกชายพูดอย่างมั่นใจ พร้อมชี้ไปที่คฤหาสน์ตรงหน้า

“อืม”

คนพ่อพยักหน้า ทำหน้าตาเหมือนคนที่ไม่มาอย่างเป็นมิตร

“ไป เราไปดูกันว่า เย่เฉิน ..คนนี้ เป็นใครกันแน่”

หลังจากพูดจบ คนพ่อก็เดินนำไปยังคฤหาสน์ของ เย่เฉิน ลูกชาย และบอดี้การ์ดชุดดำตามหลังมาอย่างใกล้ชิด

ปิ๊งปิ๊งปิ๊ง~ ป่อง~

เมื่อมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ของ เย่เฉิน ลูกชายของเขาก้าวเดินขึ้นไปกดกริ่งหน้าประตูอย่างหยาบคาย

ไม่นานนัก ประตูก็ถูกเปิดออกโดยชายหนุ่มหล่อคนหนึ่ง

ซึ่งก็คือ เย่เฉิน ที่ตอนนี้อยู่ที่บ้าน

หลังจากเห็น ลูกชายคนนั้นก็มอง เย่เฉิน ตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไร้มารยาทยิ่ง

คนพ่อเองก็ดูระมัดระวังมากขึ้น เขาเหลือบมอง เย่เฉิน แวบหนึ่งแล้วกล่าวแนะนำตัวเองว่า :

“ฉันชื่น ฉี เฟยจาง มาที่นี่เพื่อมาเยี่ยม คุณเย่, เย่เฉิน”

เมื่อไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของ เย่เฉิน ฉี เฟยจาง จึงไม่หยาบคายเหมือนกับลูกชาย

แต่ยังคงแนะนำตัวเองอย่างสุภาพ ถึงแม้ท่าทีของเขาจะยังคงวางตัวอยู่เล็กน้อยก็ตาม

“นี่คือลูกชายของฉัน ฉีเหวิน”

เมื่อได้ยินชื่อนี้ เย่เฉิน นิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง

ฉีเหวิน?

เขาคล้ายๆ กับเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหนมาก่อน แต่จำไม่ได้แล้ว

หลังจากคนพ่อแนะนำตัวเองเสร็จ ฉีเหวิน เพียงแค่พยักหน้าให้ เย่เฉิน โดยไม่มีท่าทีจะทักทายแต่อย่างใด

“ไม่ทราบว่า คุณเย่ พอจะให้พวกเราเข้าไปในบ้านหน่อยได้ไหม?”

ฉี เฟยจาง เอ่ยถาม

เย่เฉิน จึงอนุญาตให้ทั้งสองคนเข้าไป

“พวกคุณรออยู่ที่นี่ ถ้ามีอะไร ฉันจะเรียกเอง”

ก่อนเข้าบ้านของ เย่เฉิน ฉีเหวิน หันกลับไปบอกกับบอดี้การ์ดของตระกูลฉี

หลังจากพูดเสร็จ ฉีเหวิน ก็เดินเข้าไปในบ้านของ เย่เฉิน

เมื่อเข้าไปแล้ว ฉีเหวิน ก็เริ่มวิจารณ์บ้านของ เย่เฉิน อย่างหนัก เหมือนกับว่าเป็นบ้านของตัวเอง ดูแคลนทุกสิ่งอย่าง

“คุณสองคนมาหาผมมีธุระอะไรหรือ?”

เย่เฉิน ถามหลังจากนั่งลง

“ที่เรามาเพราะเรื่องของอาคารเทียนเหิง”

ฉี เฟยจาง พูดตรงๆ ไม่คิดจะอ้อมค้อม

อาคารเทียนเหิง?

เมื่อเร็วๆ นี้อาคารเทียนเหิงพัฒนาไปได้ดี อย่างราบรื่นมาก และ.. ไม่มีปัญหาอะไร

หรือว่าเกิดอะไรขึ้นกับอาคารเทียนเหิง?

“คุณเย่ คือเจ้าของคนใหม่ของอาคารเทียนเหิงใช่ไหม?”

ฉี เฟยจาง ถามต่อ

“ใช่”

เย่เฉิน พยักหน้า แต่เขายังไม่เข้าใจเจตนาของสองพ่อลูกคู่นี้

เมื่อเห็น เย่เฉิน ไม่เข้าใจ ฉีเหวิน ก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น :

“เพราะเรื่องบริษัทของตระกูลเฉิน”

“เดิมทีชั้นที่สิบสอง และสิบสามของอาคารเทียนเหิงเป็นของเรา แต่ คุณเย่ ซื้ออาคารเทียนเหิง แล้วปล่อยให้กับ ตระกูลเฉิน เช่าทั้งสองชั้นนี้ไป”

ฉีเหวิน อธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน

ในตอนแรก ตระกูลฉี และตระกูลเฉิน ต่างก็ตั้งใจจะเช่าสองชั้นที่ว่างของอาคารเทียนเหิงนี้

แต่ ตระกูลฉี รู้จักกับเจ้าของคนเก่าของอาคารเทียนเหิง ชั้นทั้งสองชั้นนี้จึงเกือบจะถูกกำหนดให้เป็นของ ตระกูลฉี ตระกูลฉี ถึงขั้นเตรียมจะจัดงานเปิดตัวบริษัทใหม่

แต่เหตุการณ์ต่างๆ กลับเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

เย่เฉิน เข้าซื้ออาคารเทียนเหิง

ทำให้แผนการของ ตระกูลฉี ทั้งหมดเปลี่ยนไป

ยังไม่ทันที่ ตระกูลฉี จะมีเวลาตอบสนอง เย่เฉิน ก็ปล่อยเช่าชั้นที่สิบสอง และสิบสามให้กับ ตระกูลเฉิน

สิ่งนี้.. นี่ทำให้ ตระกูลฉี ไม่พอใจอย่างมาก

ในเจียงโจว ตระกูลฉี และตระกูลเฉิน มีสถานะ และอิทธิพลเท่าเทียมกัน

แต่เพราะเรื่องนี้ ทำให้ ตระกูลฉี พ่ายแพ้ให้กับ ตระกูลเฉิน ทำให้พ่อลูกตระกูลฉีรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก

ช่วงก่อนหน้าพ่อลูกตระกูลฉีมีธุระอยู่ที่ต่างเมือง ตอนนี้พวกเขาเพิ่งกลับมาก็รีบมาพบ เย่เฉิน ในทันที

เรื่องนี้ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้

ตระกูลเฉิน จะมาข่ม ตระกูลฉี ของพวกเขาได้อย่างไร?

ยิ่งคิดเรื่องนี้ ยิ่งไม่สามารถปล่อยวางได้!

หลังจากได้ยินสิ่งที่ ฉีเหวิน พูด เย่เฉิน ก็จำได้แล้วเช่นกัน

เมื่อครั้งที่อยู่บ้านตระกูลเฉิน เขาเหมือนเคยได้ยินชื่อ ฉีเหวิน จาก เฉิน หงปั๋ว

“ใช่.. มีเรื่องนี้จริงๆ”

เย่เฉิน พยักหน้า

อาคารเทียนเหิง..เป็นของเขา และเขาเองก็มีสิทธิ์ตัดสินใจว่าจะให้ใครเช่าทั้งสองชั้นที่ว่ามา

“มีปัญหาอะไรไหม?”

เย่เฉิน ถามกลับอย่างสงบ

เมื่อเห็น เย่เฉิน ยังมีท่าทีสบายๆ อยู่ ฉีเหวิน ก็แทบระเบิดออกมา

“มีปัญหาอะไรไหม?!”

ฉีเหวิน ถาม เย่เฉิน อย่างเยาะเย้ยทันที

เนื่องจากโดน เฉิน หงปั๋ว แย่งชิงทั้งสองชั้นนี้ไป ฉีเหวิน จึงรู้สึกโกรธอย่างมากมาตลอด

ยิ่งไปกว่านั้น ในแวดวงของพวกเขา เรื่องนี้ได้แพร่กระจายออกไปแล้วทำให้ ฉีเหวิน รู้สึกเสียหน้ามาก

นี่มันไม่ใช่การบอกว่าเขา..สู้ เฉิน หงปั๋ว ไม่ได้หรอกหรือ?

น่าอับอายมาก..

“เสี่ยวเหวิน”

เมื่อเห็นลูกชายมีท่าทีแข็งกร้าว ฉี เฟยจาง ก็หันมาตำหนิเล็กน้อย

“คุณเย่ ฉันหวังว่าคุณจะให้คำอธิบายแก่เรา”

ฉี เฟยจาง หันไปมองที่ เย่เฉิน

“คำอธิบาย.. คำอธิบายอะไร?”

“ผมให้เช่าอาคารของตัวเองต้องให้คำอธิบายผู้อื่นด้วยหรือ?”

เย่เฉิน ถามกลับ

ทำไมเขาต้องให้คำอธิบายแก่ทั้งคนสองคนนี้ที่ไม่เคยพบมาก่อนด้วย?

“คุณ......”

ฉีเหวิน โมโหมาก และลุกขึ้นยืนทันที

“คุณเย่ นี่มันไม่ดีเลย”

ฉี เฟยจาง เอนตัวพิงหลังบนโซฟา ดูเหมือนเขาไม่มีเจตนาจะยอมแพ้ง่ายๆ

“หาก คุณเย่ ไม่ให้คำอธิบายแก่เรา เราก็จะไม่ยอมจากไปโดยง่ายๆ”

เรื่องนี้มีผลกระทบมาก

หากไม่มีคำอธิบาย บางทีอาจมีคนคิดว่า ตระกูลฉี สู้ ตระกูลเฉิน ไม่ได้

หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป ตระกูลฉี จะอยู่ในเจียงโจวได้ต่อไปอย่างไร?

หลังจากพูดเสร็จ ฉีเหวิน ก็หันไปตะโกนว่า :

“เข้ามา”

เนื่องจากประตูคฤหาสน์ของ เย่เฉิน ไม่ได้ปิด ในพริบตาต่อมา บอดี้การ์ดในชุดดำของ ตระกูลฉี ก็พุ่งเข้ามา

บอดี้การ์ดเหล่านี้ยืนอยู่ข้างหลัง ฉีเหวิน และมองไปที่ เย่เฉิน

พ่อ และลูกชาย ตระกูลฉี คู่นี้ไม่ได้มาดีแน่นอน

“เอาแบบนี้เถอะ คุณเย่ ฉันจะยอมถอยหนึ่งก้าว”

ฉี เฟยจาง บอกความต้องการของเขา

“ตราบใดที่คุณให้ ตระกูลฉี ..ของเรา เช่าสี่ชั้นในอาคารเทียนเหิง”

“เราจะจ่ายค่าเช่าตามปกติ แบบนี้จะดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย”

ตระกูลเฉิน เช่าสองชั้นในอาคารเทียนเหิง เพื่อกู้หน้า และข่ม ตระกูลเฉิน ด้วย..

ตระกูลฉี ของพวกเขาจึงต้องการจะเช่าสี่ชั้นในอาคารเทียนเหิง!

“ตราบใดที่คุณให้เช่าสี่ชั้น เรื่องนี้ก็จะจบ แต่ถ้าไม่......”

ฉี เฟยจาง กล่าวในที่สุด

บรรยากาศในคฤหาสน์ตึงเครียดขึ้น และเต็มไปด้วยกลิ่นควันปืนที่คละคลุ้งไปทั่ว!

ตอนนี้ ฉี เฟยจาง ไม่อดทนอีกต่อไปแล้ว หาก เย่เฉิน ยังไม่ตอบตกลง เขาไม่ปฏิเสธที่จะใช้วิธีอื่นแก้ปัญหานี้

เขาคิดว่าตัวเองสุภาพมากแล้ว คุยดีๆ ก่อนใช้กำลัง..

ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับ เย่เฉิน แล้ว…

(1)[ลิงสวมมงกุฎ(沐猴而冠)] - แสร้งทำเป็นว่าเป็นผู้ใหญ่ หรือคนใหญ่ มีเพียงรูปลักษณ์ หรือสถานะ แต่ไม่มีความสามารถที่แท้จริง นอกจากนี้ยังสามารถบรรยายถึงคนเลวที่แสร้งทำเป็นคนดีได้อีกด้วย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด