ตอนที่ 10 คู่กัด
เมื่อเห็นตัวละครของกิ่งล้มลงบนหน้าจอ โจ้แสดงความสะใจด้วยการทุบโต๊ะและลุกขึ้นชกมือกลางอากาศ!
ตอนแรกเขาต้องการหนีอีกฝ่ายเท่านั้น แต่เมื่อได้ยินเสียงเชียร์ของเต้จึงเปลี่ยนใจและคิดจะตอบโต้บ้าง โดยที่ขณะนั้นตัวละครของเขาอยู่ห่างจากป้อมไม่ไกลเท่าไร โจ้จึงเกิดไอเดียให้อีกฝ่ายเข้ามาในป้อมเพื่อสร้างความได้เปรียบ
ในจังหวะที่ตัวละครทั้งสองสู้กันอย่างดุเดือดจนไม่รู้ชัดว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะ หน้าต่างสกิลสองของโจ้ก็คูลดาวน์เสร็จพอดี
โจ้ไม่รอช้าที่จะกดใช้งานและวินาทีต่อมา Devourer ก็ล้มลง
กิ่งนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยกับโจ้ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “นายเล่นได้ดีมาก ฉันแพ้นายแล้วโจ้”
คำชมของกิ่งทำให้โจ้รู้สึกเขินเล็กน้อย เขาเกาหัวแล้วตอบกลับว่า “ถ้าเธอไม่ออมมือให้ฉัน ฉันคงสู้เธอไม่ได้หรอก”
“แต่สำหรับการเล่นครั้งแรก นี่ถือว่าเก่งมากแล้ว” กิ่งยิ้มแล้วเอ่ยถามต่อ “ฉันคิดว่านายเป็นคนมีพรสวรรค์นะ นายสนใจจะเข้าทีมโรงเรียนเราไหม?”
โจ้นิ่งไปครู่หนึ่งและส่ายหัว “ฉันไม่สนใจการแข่งเกมหรอก…”
“นายน่าจะลองดูนะโจ้ เล่นครั้งแรกยังทำได้ขนาดนี้ ถ้าได้ฝึกฝนต่อไปเรื่อยๆ นายต้องเก่งขึ้นมากแน่ๆ” เต้พยายามพูดโน้มน้าวให้เขาเปลี่ยนใจ
“คือว่ายังไงดีล่ะ...” โจ้ไม่รู้ว่าจะพูดสิ่งที่คิดออกไปอย่างไรดี เขาสงสัยเหลือเกินว่าทำไมคนทั้งสามถึงให้ความสำคัญกับการแข่งเกมมาก ทั้งๆ ที่สำหรับเขาแล้วเกมมีไว้เล่นเพื่อผ่อนคลายเท่านั้น
“ต่อให้ฉันจะพัฒนาฝีมือจนช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จ แล้วมันมีความหมายอะไร? ฉันคิดว่ายังมีเรื่องสนุกรอให้ทำอีกตั้งเยอะแยะ ไม่อยากมาเสียเวลาให้กับเรื่องไร้สาระแบบนี้”
เต้อึ้งเมื่อได้ฟังเหตุผลของโจ้ เพราะเขาเชื่อว่าโจ้จะกลายเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจหากได้ฝึกฝนต่อไป แต่คาดไม่ถึงว่ามันจะเป็นแค่เรื่องไร้สาระในสายตาของโจ้
กิ่งเองก็รู้สึกเดือดดาลกับคำพูดดังกล่าว เธอพูดเสียงแข็งกับเขาทันที “นายเคยมีเป้าหมายในชีวิตหรือเปล่า? เป้าหมายที่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทำมันให้สำเร็จ เป้าหมายของฉันคือการพาทีมโรงเรียนคว้าชัยชนะสักครั้ง ต่อให้ตลอดสามปีที่ฉันเรียนอยู่ที่นี่จะพบแต่ความล้มเหลว ความผิดหวัง ความท้อแท้ แต่ฉันไม่เสียใจหากได้ลองตั้งใจทำให้ดีที่สุดแล้ว! เพราะงั้นนายไม่มีสิทธิ์มาดูถูกความฝันคนอื่นว่าเป็นแค่เรื่องไร้สาระ!”
เสียงของเธอดังไปทั่วทั้งห้องพัก สร้างความตกตะลึงให้โจ้ และตอนนั้นเองที่กายได้เอ่ยขึ้นว่า “อันที่จริง การมีนายอยู่ในทีมก็ไม่ได้แปลว่าจะทำให้ทีมเราเก่งขึ้นสักหน่อย”
โจ้หันมาจ้องกายด้วยใบหน้าบึ้งตึง กายพูดต่ออีกว่า “ถึงนายจะมีรีเฟล็กซ์ไวและไหวพริบดี แต่แค่นั้นยังไม่พอสำหรับเกม HON หรอกนะ”
“อ๋อเหรอ?” โจ้พูดด้วยเสียงกวนประสาท “งั้นเราลองมา 1-1 กันสักรอบไหม? ฉันอยากรู้เหมือนกันว่านายจะเก่งสักแค่ไหน!”
“ขอโทษด้วย ฉันไม่ดวลกับพวกมือใหม่” กายตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“นายปอดแหกใช่ไหมล่ะ?” โจ้พูดเสียงดังขึ้น
“ทำไมฉันรู้สึกคุ้นๆ กับบทสนทนานี้จัง?” เต้บอกพลางมองคนทั้งสอง
กิ่งกุมหัวของเธอแล้วพูดอย่างเหนื่อยใจ “นายสองคนเป็นศัตรูกันมาแต่ชาติก่อนหรือเปล่า? ทำไมถึงได้ทะเลาะกันไม่หยุดตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน พวกนายยังต้องอยู่ห้องเดียวกันไปอีกนาน เพราะงั้นเลิกทะเลาะกันสักทีเถอะ ถือว่าฉันขอร้อง”
โจ้ที่หน้าบูดบึ้งพูดตอบรับ “ฉันไม่ยุ่งกับเขาก็ได้” ถึงกายจะสูงกว่าเขาเล็กน้อย แต่โจ้ผ่านการชกต่อยตั้งแต่เด็ก ดังนั้นคนที่ดูหน่อมแน้มเช่นกายคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา
“ถ้าทนเขาไม่ไหว เดี๋ยวฉันจะไปเช่าหอข้างนอก” กายพูดอย่างใจเย็น
ท่าทีที่ไม่ยอมลดราวาศอกของคนทั้งสองทำให้กิ่งถึงกับส่ายหัวและลองเปลี่ยนวิธีเจรจาอีกครั้ง
“เอาอย่างงี้ อาทิตย์หน้าฉันจะจัดทัวนาเมนต์ ‘น้องใหม่ Cup’ ที่มีแต่เด็กใหม่เท่านั้นลงแข่งได้...พวกนายสองคนมาลงแข่งรายการนี้ ตกลงไหม?” กิ่งหันไปถามคนทั้งคู่
“ลองดูก็ไม่เสียหาย อย่างน้อยอาจได้เจอคนที่พอมีฝีมือแล้วดึงเข้าทีม” กายตอบสบายๆ
“เอาอย่างนั้นก็ได้ เดี๋ยวจะแสดงให้เห็นเองว่าไม่มีเกมไหนที่ยากเกินไปสำหรับคนอย่างฉัน!” โจ้จงใจพูดเสียงดัง
กายเหลือบมองเขาด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่างี่เง่า...
เต้สนับสนุนเขาเต็มที่ “จัดไปเลยโจ้ ฉันจะฝึกให้นายเอง รับประกันเลยว่านายต้องกลายเป็นผู้เล่น 1-1 ที่เก่งกาจ!”
“ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวังเด็ดขาด” โจ้พูดด้วยความมั่นใจ
หลังจากโจ้ตกลงเข้าร่วมการแข่งขัน ‘น้องใหม่ Cup’ กิ่งได้กล่าวอำลาเด็กชายทั้งสามและเดินออกจากห้องพักไป
การได้กายผู้เล่นยอดฝีมือมาร่วมทีมและการได้พบกับผู้เล่นที่อาจมีพรสวรรค์ ทำให้ภาพการผ่านเข้ารอบระดับลึกๆ ที่เคยเลือนรางมาโดยตลอด บัดนี้ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นในใจของเธอ
ความรู้สึกของการผลักดันทีมโรงเรียนไปถึงจุดสูงสุดภายใต้ชื่อกัปตันทีมของเธอจะหอมหวานสักแค่ไหนกันนะ เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้ก็ทำให้เธอยิ้มแย้มตลอดทางเดินกลับหอพักตัวเอง...
หลังจากที่กิ่งกลับไปแล้วบรรยากาศในห้องได้กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง ทั้งโจ้และกายต่างเมินการมีตัวตนอยู่ของอีกฝ่าย
เมื่อเห็นว่าคนทั้งสองไม่ยอมคุยกัน เต้ที่ไม่อยากให้บรรยากาศในห้องอึมครึมจึงเอ่ยปากว่า “เอ่อ กาย...ฉันขอถามหน่อยสิว่านายใช้คีย์บอร์ดกับเมาส์ยี่ห้ออะไร ฉันเล่นแล้วกดง่ายมากๆ เลย”
กายตอบแค่ห้วนๆ ว่า “คีย์บอร์ดของ Cherry เมาส์ของ Razer”
“โอ้โห...ของแพงเลยนะนั่น สองอย่างนี้ราคารวมกันหลายพันเลย” เต้ตรวจสอบราคาบนอินเทอร์เน็ตและเดาะลิ้นสองสามครั้ง
การชวนคุยของเต้จึงทำให้บรรยากาศในห้องดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย กายกลับไปเล่น HON ที่คอมพิวเตอร์ ส่วนเต้ดึงโจ้มานั่งที่หน้าโน๊ตบุ๊คของตน
“ถ้านายจะไปแข่งกับคนอื่น ฉันว่านายต้องฝึกฝนหนักสักหน่อยนะเพื่อน” เต้ส่งยิ้มให้อีกฝ่าย
โจ้พยักหน้าเห็นด้วย เพราะการที่เขาชนะกิ่งได้ก็เพราะว่าเธออ่อนข้อให้เขา
แต่สำหรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอาทิตย์หน้า มันไม่มีการออมมือเช่นนั้นอีกแล้ว ดังนั้นหากเขาฝึกฝนไม่ดีพอ อาจพ่ายแพ้ให้กายแบบไร้ทางตอบโต้และนั่นคงเป็นความพ่ายแพ้ที่น่าอับอาย
“ปกติฉันไม่เล่น 1-1 เลยไม่มีอะไรสอนนาย แต่ถึงอย่างนั้นนายควรได้รู้จักกับสกิลของฮีโร่ของอีกฝ่ายให้ดีก่อน เหมือนสำนวนที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” เต้สวมวิญญาณกุนซืออีกครั้ง
จากนั้นเต้กดเข้าเว็บไซต์หนึ่งที่ข้างในเต็มไปด้วยหน้าตาฮีโร่จนทำให้โจ้เวียนหัว
“HON มีฮีโร่ทั้งหมด 139 ตัว แบ่งออกเป็นสามสายได้แก่ Strength (STR) สายนี้พลังชีวิตสูงเหมาะเป็นตัวแท็งค์ Intelligence (INT) สายนี้จะเก่งเรื่องการใช้สกิลเหมาะเป็นตัวดาเมจเวทย์หรือซัพพอร์ต และสุดท้าย Agility (AGI) สายนี้จะเด่นในเรื่องความพลิ้วไหวและโจมตีได้รวดเร็วเหมาะเป็นตัวทำดาเมจหลัก” เต้อธิบายให้โจ้ฟังช้าๆ
จากนั้นเขาคลิกบนเว็บไซต์ต่อไป “ส่วนพวกนี้คือไอเทมที่นายต้องเรียนรู้และออกให้เหมาะสมกับฮีโร่ที่นายเล่น...”
ไอคอนไอเทมละลานตามากกว่าหนึ่งร้อยชิ้นปรากฏขึ้นเต็มหน้าจอสร้างความมึนงงแก่โจ้
“โอ๊ย ข้อมูลเยอะขนาดนี้ฉันต้องจำอีกกี่ปีถึงจะจำได้หมดเนี่ย...”
ถึงแม้จะมีความรู้สึกอยากเอาชนะคู่กัดอยู่เต็มเปี่ยม แต่เมื่อได้เห็นข้อมูลของฮีโร่นับร้อยตัวและไอเทมอีกจำนวนมาก ต้องยอมรับเลยว่าทำให้โจ้เกิดความท้อแท้ได้ไม่น้อยเลยจริงๆ