ตอนที่ 1 ทำลายสถิติ
เมื่อโจ้เปิดประตูตรงหน้าออก โลกที่เขาได้พบนั้นทำให้เขารู้สึกมหัศจรรย์ใจ
เต้เด็กหนุ่มร่างอวบยืนยิ้มอยู่ข้างๆ และเอ่ยขึ้นว่า “เห็นไหม? ฉันบอกแล้วว่าแถวโรงเรียนเรามีร้านเกมอาร์เคตอยู่ เห็นนายบอกว่ารีเฟล็กซ์[1] มือไว ฉันอยากดูหน่อยว่าจะเร็วสักแค่ไหน”
“ฮึ นายคิดว่าฉันโม้ล่ะสิ งั้นเดี๋ยวฉันจะแสดงให้นายได้เห็นเต็มสองตา” โจ้ใช้มือเสยผมพลางยิ้มด้วยรอยยิ้มมั่นอกมั่นใจ เขาตื่นเต้นที่จะได้แสดงฝีมือให้เพื่อนใหม่ได้เห็นจนตัวสั่น
โจ้เอ่ยถามกับเจ้าของร้าน “ลุงครับ ที่นี่มีเครื่องเกมที่ใช้ทักษะความไวมือบ้างไหมครับ?”
ชายวัยกลางคนกำลังเล่นเกมบนคอมพิวเตอร์ตรงแคชเชียร์เงยหน้าขึ้นมามอง จากนั้นชี้ไปที่เครื่องเกมตรงมุมห้อง
“งั้นก็ต้องเป็นเกมตีตัวตุ่นนั่นแหละ...สถิติสูงสุดของเครื่องเกมนั้นทำไว้โดยนักเรียนของโรงเรียนศรีสตรี ถ้าพวกนายทำลายสถิตินั่นได้ ฉันจะให้เล่นเกมที่นี่แบบฟรีๆ ไปเลยหนึ่งอาทิตย์!”
“ฮะ มีโปรโมชั่นแบบนี้ด้วยเหรอ?” เต้หูผึ่งทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของเจ้าของร้าน เขารีบทำการซื้อเหรียญเกมและตรงเข้าไปเล่นเครื่องเกมด้วยความตื่นเต้น
โดยระหว่างที่เขากำลังเล่นอยู่นั้น สายตาของโจ้ก็เหลือบไปมองหน้าจอแสดงผลที่อยู่ด้านบนเครื่องเกม บนหน้าจอแสดงคะแนนสูงสุดไว้ที่ 670 แต้ม
‘เป็นคะแนนที่สูงมากเลยนะ’ โจ้คิดในใจ
เกมตีตัวตุ่นของที่นี่ต้องใช้มือทุบแทนการใช้ค้อนตี บรรดาพวกหนูแฮมสเตอร์โผล่ออกจากหลุมอย่างรวดเร็วแถมยังมีขนาดเล็กพอๆ กับปุ่มกดของคีย์บอร์ดเท่านั้น หากต้องการทำคะแนนที่สูงจำเป็นต้องมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วเป็นพิเศษ
โดยจะมีทั้งหมดสิบด่าน ในแต่ละด่านมีหนึ่งร้อยแต้ม ความยากจะมากขึ้นเรื่อยๆ ตามด่านที่สูงขึ้น ดังนั้นหากต้องการทำได้มากกว่า 670 แต้มจำเป็นต้องเล่นไปถึงด่านที่เจ็ด ซึ่งความยากของด่านนี้แทบจะเทียบกับผู้เล่นมืออาชีพได้เลย
ขณะโจ้กำลังวิเคราะห์สถิติอยู่นั้น ลุงคนหนึ่งผมเผ้าดูกระเซอะกระเซิง ใบหน้าแดงก่ำเหมือนคนขี้เมาได้มายืนอยู่ด้านข้างเขาและหยิบขวดโลหะที่มีเหล้าอยู่ภายในออกมาจิบ
เต้ส่งเสียงโวยวายครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อเล่นมาถึงด่านที่สาม พวกหนูแฮมสเตอร์โผล่ขึ้นจากหลุมยี่สิบหกหลุมราวกับสายฝนที่ไม่มีที่สิ้นสุด นั่นทำให้เขาตาลายจนกดผิดกดถูกอยู่หลายครั้ง
และหลังจากโวยวายอยู่นาน เต้ลุกออกจากที่นั่งด้วยความหงุดหงิด เขาทำคะแนนไป 263 แต้ม ซึ่งถือเป็นคะแนนเฉลี่ยที่คนส่วนใหญ่ทำได้
“ถึงตานายแล้ว” เต้บอกกับโจ้อย่างเซ็งๆ
เขาตอบรับด้วยการหยิบเหรียญเกมในมือเต้ใส่ลงไปในช่องหยอดเหรียญทันที
“เฮ้ย นั่นมันของฉันนะ...” เต้พยายามห้ามอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ทันการณ์ ตอนนี้โจ้ได้กดเริ่มเกมแล้ว
ด่านแรกนั้นค่อนข้างง่าย โจ้ใช้มือตบหนูแฮมสเตอร์ที่ออกมาทีละตัวขณะพูดคุยกับเต้อย่างสบายใจ “ขากลับนายอยากแวะซื้ออะไรหรือเปล่า? ฉันกลัวเดี๋ยวนายจะหิวอีก”
“นี่หลอกด่าฉันเหรอ? ฉันไม่ใช่คนกินเยอะสักหน่อย” เต้ทำหน้าไม่พอใจ จากนั้นเขาพบว่าโจ้ผ่านด่านแรกโดยที่ใช้เวลาเพียงไม่นาน
เต้ก้มดูนาฬิกาข้อมือทันที ทำให้รู้ว่าโจ้ใช้เวลาเพียงหนึ่งนาทีกว่าสำหรับการผ่านด่านแรก ในขณะที่เขาต้องใช้เวลาถึงเกือบสามนาทีเพื่อผ่านด่านแรก
หมายความว่าโจ้ใช้เวลาน้อยกว่าเขาถึงครึ่งหนึ่ง...
“เชี่xไรวะเนี่ย” เต้เผลออุทานออกมาจนดึงดูดความสนใจจากผู้คนรอบๆ รวมไปถึงลุงที่ยืนอยู่ด้านข้างพวกเขา ลุงคนนั้นหยุดดื่มแล้วหันมาสนใจการเล่นของโจ้
และหนึ่งนาทีต่อมา โจ้สามารถผ่านด่านสองไปได้อย่างง่ายดาย เต้เอ่ยถามทันที “โอ้โห ทำไมนายถึงใช้มือได้เร็วขนาดนี้?”
“เพราะว่าฉันเล่นเกมนี้ตั้งแต่เด็กน่ะสิ ตอนนั้นพ่อบอกว่าถ้าผ่านด่านเจ็ดได้ เขาจะยอมซื้อคอมพิวเตอร์ให้ ฉันดีใจมากจนเอาแต่ฝึกฝนทุกวันหลังเลิกเรียน จนในที่สุดก็เล่นผ่านด่านเจ็ดได้จริงๆ ทว่าพ่อกลับบอกว่าฉันยังเด็กเกินไปที่จะใช้ มันกลายเป็นความจำแย่ๆ วัยเด็กของฉันไปเลย” โจ้เล่าความทรงจำอันขมขื่นให้ฟัง
“แล้วตอนนั้นนายอายุเท่าไรเหรอ?” เต้ถามอย่างสงสัย
โจ้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบกลับ “ประมาณเจ็ดขวบได้มั้ง...”
“แล้วเด็กเจ็ดขวบจะเอาคอมพิวเตอร์ไปทำไมกัน? ถ้าฉันเป็นพ่อนาย ฉันก็คงไม่ซื้อให้เหมือนกันนั่นแหละ” เต้ขมวดคิ้วขณะพูด
“นี่นายเข้าข้างพ่อฉันเหรอไอ้เต้!”
โจ้พยายามพูดตอบโต้กับเต้จนเขากดพลาด เขาสะดุ้งและหันกลับมาตั้งใจเล่นอีกครั้ง จากนั้นไม่นานเมื่อกดพลาดจนครบสามครั้ง คะแนนได้หยุดอยู่ที่ 634 แต้ม...
“บ้าเอ๊ย ถ้านายไม่กวนฉันนะ ป่านนี้คงทำลายสถิติได้แล้ว”
ฝูงชนที่มุงดูอยู่ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง ท่าทีแสดงความหงุดหงิดของโจ้ทำให้ลุงที่ยืนอยู่ข้างๆ พวกเขายิ้มมุมปาก
เต้เองก็รู้สึกผิดกับการไปรบกวนโจ้ เพราะตอนแรกเขาไม่เชื่อเลยว่าโจ้จะสามารถทำลายสถิติสูงขนาดนั้นได้ และด้วยความรู้สึกผิดนี้เอง เขาหยิบเหรียญเกมยื่นด้วยมือทั้งสองข้างไปทางโจ้ “นายช่วยรับเหรียญนี้แทนคำขอโทษด้วยนะ...”
“โอ้โห... นายนี่รู้จักการเอาตัวรอดดีนะ” โจ้ยิ้มให้กับการกระทำของอีกฝ่าย และหยิบเหรียญเกมในมือของเต้มาหยอดลงในช่องใส่เหรียญอีกครั้ง จากนั้นเริ่มเล่นด้วยสมาธิทั้งหมดของเขา
“เด็กคนนี้เก่งจังเนอะ ถึงจะทำคะแนนได้ไม่สูงเท่าพี่กิ่งก็เถอะ” เด็กผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างๆ พวกเขากระซิบคุยกัน
เต้หูดีจึงบังเอิญได้ยินเข้า เขาหันกลับไปถามทันที “คะแนนสูงสุดเป็นของรุ่นพี่พวกเธอเหรอ?”
เด็กสาวหนึ่งในนั้นพยักหน้า “ใช่แล้วล่ะ พี่กิ่งเป็นกัปตันทีม HON โรงเรียนเรา ฉันรู้มาว่าเธอเป็นถึงผู้เล่นระดับท็อปของเกม และยังเป็นที่รู้จักในเกมพอสมควรเลยด้วย! แต่ก็น่าเสียดายที่คนอื่นๆ ในทีมฝีมือยังห่างชั้นกับเธอเกินไป”
“คนที่เล่น HON ส่วนใหญ่มีแต่พวกผู้ชาย แต่โรงเรียนเราไม่ค่อยมีผู้ชายมาเรียน ทำให้ทีมมีแต่พวกที่เล่นพอเป็นเท่านั้นแหละ พี่กิ่งผิดหวังจากการพ่ายแพ้มานับไม่ถ้วนเลยล่ะ...” เด็กสาวอีกคนพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“หืม โรงเรียนเรามีทีม HON ด้วยเหรอเนี่ย? ถ้างั้นฉันขอเข้าทีมด้วยสิ ฉันเซียนเกมนี้เลยนะ” เต้พูดอย่างกระตือรือร้น
“หวังว่านายจะเก่งจริงไม่ได้ขี้โม้นะ” เด็กสาวทั้งสองปิดปากและหัวเราะคิกคัก
ขณะที่เต้พูดคุยกับเด็กสาวทั้งสองอย่างสนุกสนาน ทางด้านโจ้ก็กำลังจดจ่ออยู่กับการเล่นเกม ในรอบก่อนหน้าเขาทำคะแนนได้สูงมาก นั่นจึงทำให้เขารู้สึกมั่นใจว่าสามารถทำลายสถิติสูงสุดได้
โจ้นึกถึงคำพูดของเจ้าของร้านที่บอกว่าหากทำลายสถิติได้จะให้เล่นเกมที่นี่แบบฟรีๆ และตัวเขาก็เป็นคนชอบความท้าทายอยู่แล้ว
มือของโจ้สะบัดไปมาอย่างรวดเร็ว เมื่อหนูแฮมสเตอร์โผล่ขึ้นมาก็จะถูกเขากดลงไปทันที
คะแนนบนหน้าจอเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนจึงเริ่มมามุงดูและส่งเสียงเชียร์รอบๆ ตัวเขา โดยเฉพาะตอนที่มือของโจ้สะบัดด้วยความเร็วสูง ตบหนูแฮมสเตอร์ทั้งสิบเอ็ดตัวในเวลาเดียวกัน มันได้เรียกเสียงเชียร์จากผู้คนดังขึ้นทันที!
ในตอนนั้นเองเด็กสาวผมยาวประบ่าใบหน้าเรียบเฉยมายืนดูอย่างเงียบๆ ผู้มุงดูคนอื่นๆ เหมือนจะรู้จักเธอเป็นอย่างดี พวกเขาขยับหลีกทางให้เด็กสาวรูปร่างบอบบางเดินเข้าไปด้านใน
เมื่อเธอมายืนอยู่ด้านข้างของโจ้ เขาได้ผ่านมาถึงด่านที่หกและกำลังมุ่งหน้าสู่ด่านที่เจ็ด
โจ้ไม่ได้รับรู้ถึงผู้มาใหม่เลย ตอนนี้สมาธิทั้งหมดของเขากำลังจดจ่ออยู่กับการเล่นเกม เมื่อใดที่หนูแฮมสเตอร์โผล่ขึ้นมา เขาจะใช้นิ้วที่อยู่ใกล้ที่สุดกดมันแล้วถอนออกอย่างรวดเร็วเพื่อไม่ให้เสียเวลา
ตัวเลขบนหน้าจอพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องและทุกๆ การขยับของตัวเลข นั่นหมายถึงการเข้าใกล้ทำลายสถิติเข้าไปทุกๆ ก้าว 640 650 660...
เมื่อคะแนนถึง 670 ทุกคนแทบกลั้นหายใจเพราะคะแนนอยู่ห่างจากสถิติก่อนหน้าเพียง 6 แต้มเท่านั้น โดยที่ก่อนหน้านี้โจ้กดพลาดไปแล้วสองครั้ง หากกดพลาดอีกเพียงครั้งเดียว เกมจะจบลงทันที!
และพวกเขาไม่ต้องใช้เวลาลุ้นนาน เมื่อเสียงบนหน้าจอดังขึ้นอีกสองสามครั้ง หลายคนก็ตะโกนว่า “680!”
680! สถิติที่หยุดนิ่งมาเป็นเวลาหนึ่งปีถูกทำลายลงอีกครั้งแล้ว!
ทันใดนั้นเสียงเชียร์ก็เงียบลงอย่างรวดเร็ว เพราะคะแนนยังคงเพิ่มต่อไป 690! 695! 698!
700!
หมายความว่าโจ้มาถึงด่านที่แปดแล้ว!
นับเป็นครั้งแรกสำหรับเครื่องเกมนี้!
แต่หลังจากมาถึงด่านแปด ความยากได้สูงกว่าด่านเจ็ดไปอีกขั้น โจ้เริ่มจะสับสนกับการกดพวกหนูแฮมสเตอร์ จากนั้นเมื่อเสียงจบเกมดังขึ้น โจ้ถอนหายใจด้วยความเสียดาย คะแนนของเขาหยุดอยู่ที่ 723 แต้ม ทำลายสถิติก่อนหน้าเกือบ 50 แต้ม!
“สถิติได้ถูกทำลายแล้ว!” หลายคนส่งเสียงตะโกน เจ้าของร้านรีบเดินเบียดเสียดฝูงชนมาดูคะแนนที่หน้าจอแสดงผล เขายิ้มแล้วบอกกับโจ้ “ทำได้จริงด้วยแฮะ ถ้างั้นอาทิตย์หน้านายมาเล่นที่นี่ได้ฟรีเลยนะ!”
“ขอบคุณมากๆ เลยนะครับ!” โจ้ยกมือไหว้และกล่าวขอบคุณกับเจ้าของร้าน ทันใดนั้นมีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“สวัสดี ฉันชื่อกิ่ง เป็นกัปตันทีม HON ของโรงเรียนศรีสตรีและก็เป็นเจ้าของสถิติที่นายเพิ่งทำลายไปด้วย ขอโทษนะ นายใช่กายหรือเปล่า?
นี่เป็นครั้งแรกที่โจ้ได้ยินชื่อของ ‘กาย’ และก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับกิ่ง
[1] รีเฟล็กซ์(reflex) หมายถึง ปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย