บทที่ 36 ไม่ช้าก็เร็ว
บทที่ 36 ไม่ช้าก็เร็ว
เมื่อได้ยินคำพูดของ โซล เคลี่ ก็เอามือแตะคางและพูดขึ้นมา "ไม่มีประโยชน์ที่จะออกไปข้างนอก มันมีสงครามอยู่ทุกหนแห่ง มันเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศ หรือไม่ก็ สงครามระหว่างเผ่าพันธ์ แม้ว่าหอคอยพ่อมดจะค่อนข้างอันตรายและน่าสะพรึงกลัว แถมมันยังเป็นสถานที่ๆ ใครก็สามารถเรียนได้"
โซล อยากรู้เรื่องราวกับเกี่ยวกับโลกภายนอกมาก ตอนนี้เขาราวกับกบในกะลา "ด้านนอกวุ่นวายขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?"
แน่นนอน ในโลกเวทมนตร์ใบนี้อำนาจขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ ข้าเคยได้ยินมาว่ามีขุมกำลังพ่อมดกลุ่มหนึ่งถูกกวาดล้างออกไป กองกำลังของพวกเขาถูกแยกออกเป็นหลายส่วน ท่ามกลางชนเผ่าที่อยู่รอบๆ
โลกแห่งเวทมนตร์...
ข้าสงสัยว่าโลกเวทมนตร์ภายนอก นั้นเต็มไปด้วยความแปลกประหลาดและน่าหวาดกลัวเช่นเดียวกับในหอคอยพ่อมดแห่งนี้หรือไม่?
"เคลี่ เจ้ารู้ไหมว่าผู้คนภายนอกมองหอคอยพ่อมดแห่งนี้อย่างไร" โซลต้องการทราบเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของหอคอยพ่อมด
"ท่านเจ้าหอคอย เป็นพ่อมดระดับ 2 โดยทั่วไปแล้วอำนาจของพ่อมดระดับ 2 จะครอบคลุม ดินแดนและเมืองที่อยู่โดยรอบ"
"ในสายตาของคนธรรมดา สถานที่แห่งนี้คือแดนปิศาจ แต่ผู้มีอำนาจหลายคนรวมถึงเหล่าขุนนาง เชื่อว่านี่คือดินแดนที่ให้กำเนิดผู้กุมชะตากรรมโลก พวกเขาล้วนหวาดกลัวหอคอยพ่อมด แต่ในขณะเดียวกับพวกเขาก็ต้องพึ่งพาหอคอยพ่อมด"
"ท่านพ่อของข้าคือดยุค แห่งดินแดน เหม่ยเกา เขาได้เป็นดยุคเพราะท่านปู่ของข้าเป็นพ่อมดฝึกหัดระดับ 2 ดังนั้นผู้มีอำนาจจึงได้มอบดินแดน เหม่ยเกา ให้กับตระกูลข้าและท่านพ่อก็ได้รับสืบทอดมันมา"
ปรากฏว่า เคลี่ เป็นบุตรสาวของดยุค ไม่แปลกใจเลยที่นางจะมีคริสตัลเวทมนตร์จำนวนมากเมื่อนางเข้ามาในหอคอยพ่อมด
"ท่านพ่อของข้าเริ่มให้กำเนิดลูก ทั้งกลางวันและกลางคืนทันทีที่เขาได้รับตำแหน่งดยุค เมื่อเขาให้กำเนิดลูกมา เขาก็จะทดสอบว่าเด็กคนนั้นมีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์หรือไม่ ถ้าไม่ เขาก็เพียงแค่ส่งเด็กคนนั้นไปยังสถานเลี้ยงดู สำหรับผู้ที่มีความสามารถโดนเด่นเช่นข้า จะได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี จนกระทั่งอายุครบ 12 ปีแล้วจึงส่งไปยังหอคอยพ่อมด"
เมื่อได้รับความคุ้มครองจากพ่อมดระดับสูงแล้ว เขาสามารถเพลิดเพลินไปกับทรัพย์สมบัติเหล่านั้นได้อย่างสบายๆ
แต่ดยุคผู้นี้เลือกที่จะปฏิบัติต่อลูกของเขาราวกับเครื่องมือ เขาไม่กลัวว่าจะถูกหักหลักซักวันงั้นหรือ?
"นอกจากเจ้าแล้ว ยังมีใครในครอบครัวเจ้าที่มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์บ้างไหม?" โซลถาม
เคลี่พยักหน้าและตอบตามความจริง "ลูกหลานของพ่อมด ล้วนมีแนวโน้มที่จะเกิดมามีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์มากกว่า ข้ายังมี พี่ชายอีก 2 คนที่ถูกส่งไปยังกองกำลังพ่อมดอื่นๆ แต่พรสวรรค์ของพวกเขาไม่ได้ดีเท่าข้า นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ข้าถูกส่งมายังสถานที่ๆห่างไกลอย่าง หอคอยพ่อมด ซึ่งมีชื่อเสียงและเกณฑ์การรับพ่อมดฝึกหัดสูงกว่าที่อื่น"
เมื่อพูดถึงพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ เคลี่ ก็อดไม่ได้ที่จะภาคภูมิใจ
"ยังไงก็ตาม ข้าจะต้องกลายเป็นพ่อมดฝึกหัดระดับ 3 ให้ได้ก่อนอายุ 30 ข้ายังไม่อยากกลับไปหาเจ้าพวกขี้เมานั้น"
พ่อมดฝึกหัดระดับ 3!
โซลคิดไปถึง คงชา ที่มีพลังแปลกประหลาด ซึ่งขอให้เขาขโมยสมองของพ่อมดฝึกหัดระดับ 1 และ 2 หรือว่านางต้องการเลื่อนขั้นเป็นแม่มดระดับ 3
นอกจากนี้ยังมี รุ่นพี่ไบรอนที่ดูทรงพลังสุดๆ แต่ก็ยังไม่สามารถเป็นพ่อมดฝึกหัดระดับ 3 ได้ก่อนอายุ 30
"ข้าไม่เคยเห็นพ่อมดฝึกหัดระดับ 3 ในหอคอยพ่อมดมาก่อน"
"ข้าก็ไม่เคยเห็นพ่อมดฝึกหัดระดับ 3 รอบตัวข้ามาก่อน ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาออกเดินทางค้นคว้าอยู่เสมอ"
ทั้ง 2 ถอนหายใจออกมา และเปรียบเทียบระหว่าง พ่อมดที่แท้จริง กับ พ่อมดฝึกหัดระดับ 3 พวกเขายังคงพูดแต่ละคนดำดิ่งลงสุ่ห้วงมหาสมุทรความรู้
ทำให้โซลเสียสมาธิในการเรียน
บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าตัวเองโชคร้าย เขาไม่ต้องคิดว่าเขาจะสามารถกลายเป็นพ่อมดฝึกหัดระดับ 3 ได้ก่อนอายุ 30 หรือไม่ เขาควรคิดว่าเขายังมีชีวิตจนถึงอายุ 30 ปีได้ไหม
บางครั้งเขายังรู้สึกว่าเขายังเป็นนักเดินทางข้ามมิติ และเขาไม่สามารถทำให้คนในโลกของเขาอับอายได้ แม้ว่าเขาจะมีหนังสือปกแข็งก็ตาม
บางครั้งเขาเรียงลำดับขั้นตอนไว้ในหัว และคอยเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าต้องระมัดระวังให้มากขึ้นในขั้นตอนไหน
ชั้นเรียนช่วงเช้าผ่านไปอย่างสูญเปล่า
หลังจากออกจากชั้นเรียนทั่วไป โซลก็เดินไปยังทางลาด
ผู้ร่วมทางเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ
เคลี่ บอกลาที่ชั้น 6
เขาลงไปเรื่อยๆ
แสงเทียนเริ่มสลัวลง
กลิ่นเหม็นหืนจางๆ ลอยเข้ามาในจมูก
โซลผลักประตูสีแดงบานแรกออกและเข้าไปในนั้น
"เฮ้อออ.."
โซลถอนหายใจออกมา
เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่กันที่ เขาเริ่มรู้สึกสบายใจเมื่อได้เข้ามาในห้องเก็บศพ บนชั้นที่ 2 ของหอคอยตะวันออก
ไม่ใช่ว่าสถานที่นี้ปลอดภัย แต่มันเป็นที่ๆ ทำให้เขาแข็งแกร่งและสามารถเอาชีวิตรอดได้
"ตัวข้าไม่มีอัจฉริยะ" เขาบอกกับตัวเอง "ถ้าข้าศึกษาทีละขั้นเหมือนกับ เคลี่ ข้าคงไม่สามารถผ่านการทดสอบในอีก 2 เดือนได้"
เขามองไปยังตู้เก็บของซึ่งเต็มวัสดุในการทดลองต่างๆ
โซลรู้ดีกว่า เมื่อการเปลี่ยนแปลงร่างกายของพ่อมดเริ่มต้นขึ้น เขาจะไม่สามารถหันหลังกลับได้อีก
ใครจะรู้ว่ารูปลักษณ์ของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร?
คงชา ที่ดูน่ากลัว? อาจาร์ยดูโก้ที่ดูน่ารังเกียจ? อาจาร์ยโมนิก้าที่ไร้ความเจ็บปวด?
แต่ถ้าเขายังไม่ก้าวหน้า ไม่ช้าก็เร็ว เขาก็จะถูกลากลงเหวโดยศัตรูที่ทรงพลัง
โซลมองดูร่างอันผอมบางของเขาพลางคิดในใจ "ข้าขอโทษด้วย ดูเหมือนข้าต้องทำสิ่งเลวร้ายกับร่างกายเจ้า ข้าหวังว่าเจ้าจะเกิดใหม่ในที่ๆดีกว่านี้"
โซลเดินไปที่ตู้เก็บของ และเริ่มหยิบวัสดุต่างๆ ออกมาและเริ่มการทดลอง
หม้อหลอม ถูกติดไฟ เขาเทส่วนผสมพื้นฐานลงไป
หลอดทดลอง และ บีกเกอร์รูปทรงต่างๆ ได้รับการทำความสะอาด
วัสดุต่างๆถูกจัดเรียงให้เข้าถึงได้ง่าย
โซล เริ่มต้นการเดินทางสู่ความตาย
เดินทีโซลต้องการเลียบแบบรุ่นพี่มาร์ค โดยทำการเปลี่ยนแปลงมือของเขา
แต่หลังจากที่ได้รับ ดวงตาเสียงปิศาจ ครั้งแรกเขาต้องการยัดลูกตานั้นเข้าไปในเบ้าตาของเขา
แต่หลังจากคิดได้สักพักเขาก็เลือกที่จะยอมแพ้
ดวงตาเป็นสิ่งที่เบาะบาง หากเขาตาบอดโดยไม่ได้ตั้งใจ มันจะส่งผลอย่างมากต่ออนาคตของเขา
เนื่องจากนี้เป็นการทดลองครั้งแรก มันคงจะดีกว่า หากเปลี่ยนไปยังอวัยวะอ่านๆที่ปลอดภัยแม้จะหายไปก็ไม่เป็นไร
แต่เมื่อได้รับยาจากคงชา ทำให้โซลได้แนวคิดใหม่
เนื่องจากเพียงแค่สูดดมก็ทำให้เสริมการทำสมาธิได้ หมายความจมูกก็สามารถดูดซับพลังของยานั้นได้เช่นกัน
หากเขาคิดไม่ผิด ผิวของเขาก็มีรูขุมขนเช่นกัน
โลกที่แล้ว มันมีกรณี คนใช้พลาสเตอร์แปะแผลแต่เขากับเสียชีวิตจากการได้รับพิษทางผิวหนัง
เขาสามารถลองทั้ง 2 อย่างได้
แต่ในที่สุดโซลก็เลือก จมูก ซึ่งค่อนข้างอันตรายกว่า
ไม่ใช่ว่าเขาชอบอะไรเสี่ยงๆ
แต่เขาเป็นคนที่ชอบพนันอะไรนิดหน่อย
แต่บ่อยครั้งที่เขาอาจมีเวลาไม่เพียงพอที่จะทดลองหลายครั้ง
โดยปกติแล้ว เขาจะต้องเลือกตำแหน่งที่มีอัตราความสำเร็จและประสิทธิ์ภาพสูง
"ข้าหวังว่ามันจะไม่กลายเป็นจมูกหมูนะ"
โซล หยิบบันทึกของเขาออกมา ซึ่งระบุขั้นตอนและข้อควรระวังต่างๆ เกี่ยวกับหนังสือการเปลี่ยนแปลงร่างกายของพ่อมดโดยกรีน
ในที่สุด เขาก็นึกถึงขั้นตอนการทดลองและ คัดเลือกวัสดุหลักๆ
.....
หากเขาสงสัยเกี่ยวกับหนังสือปกแข็ง เขาก็อาจจะสงสัยเกี่ยวกับชีวิตเช่นกัน
มันไม่เคยมีการเตือนความตายบ่อยขนาดนี้มาก่อน
มันอาจใช้เวลานานถึงครึ่งชั่วโมงหรือ 5 วินาที เหตุใดเจ้าของถึงคิดฆ่าตัวตาย
เด็กหนุ่มหยิบวัสดุที่ไม่สามารถอธิบายได้ขึ้นมาในมือ เขาคิดที่จะโยนมันลงในเต้าหลอม และก็ต้องหยุดมัน เด็กหนุ่มคิดหาวิธีอื่นในการฆ่าตัวตายทันที
[....ท่านตาย]
[....ท่านตาย]
[....ท่านตาย]
[....ท่านตายโดยไม่เหลือแม้แต่ซาก]
โซลรู้แล้วว่าเขาคิดผิด
โซลดีใจที่ร่างกายของเขาไม่เปลี่ยนแปลง
ถ้าหนังสือปกแข็งรู้ว่าวันหนึ่งมันจะถูกใช้ เพื่อการทดลอง มันคงขอร้องให้ผู้สร้างกำหนดการเตือนความตายไว้ไม่เกิน 3 ครั้งต่อวัน
แทนที่จะถูกใช้เจ้าสารเลวผู้กล้าหาญที่โง่เขลานี้