ตอนที่แล้วบทที่ 101 โชคลาภครั้งใหญ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 103 ศาลาหลิงอวิ๋นสังกัดเมืองหลินเจียง

บทที่ 102 ปราณมังกร!


ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศต่างรวมตัวมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองในยามนี้ บ้างก็ขี่วิหค บ้างก็ขี่สัตว์อสูร บางคนก็นั่งรถม้าสีทองที่ถูกประดับตกแต่งอย่างงดงาม บ้างก็ควบม้าโลดแล่น บ้างก็เหาะเหินบนนภากาศเข้าสู่เมือง

“ที่นี่ล้วนเต็มไปด้วยเหล่าปรมาจารย์มากมาย!”   

หลัวเฉิงเผยสีหน้าตื่นตะลึงในความอลังการนั้น

ผู้ที่สามารถเหาะเหินเดินบนอากาศมีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นก่อเกิดชีพจร ในเมืองฉีซานนั้นเป็นเรื่องยากมากที่จะได้พบเห็นปรมาจารย์เหล่านี้

ตามกระแสหลั่งไหลของผู้คนจำนวนมาก หลัวเฉิงเองก็มาถึงยังหน้าประตูเมืองเฉกเช่นเดียวกัน

มีทหารยามพิทักษ์ประตูเมืองสวมชุดเกราะดูท่าทางขึงขังยืนเรียงรายเป็นสองแถว คอยเก็บค่าธรรมเนียมเข้าเมืองคนละหนึ่งตำลึง!

หลัวเฉิงขณะนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมื่อมองเห็นเหล่าผู้คนยังคงหลั่งไหลเข้าสู่เมือง

ด้วยเงินหนึ่งตำลึงต่อคน เพียงแค่ค่าธรรมเนียมเข้าเมืองหลินเจียงต่อวัน ก็อาจเทียบได้กับเงินรายได้ต่อปีของสามตระกูลหลักในเมืองฉีซานก็ไม่ผิด

เมืองนี้มีความเจริญรุ่งเรืองมาก ถนนทุกเส้นสายล้วนถูกปูด้วยหินอ่อน กว้างขวางมากพอจะสามารถรับรถม้าได้สิบคันเมื่อวิ่งขนาน ตามสองข้างทางมีตึกรามบ้านช่องสูงตระหง่าน ตามท้องถนนก็มีผู้คนสัญจรพลุกพล่านมากมาย

หลัวเฉิงเดินไปรอบๆ แล้วสอบถามผู้คน แล้วพบว่าวันที่สิบห้าของทุกเดือน สำนักซวนหยวนจัดส่งเรือข้ามฟากมาเพื่อรับสมัครและคัดเลือกลูกศิษย์ผู้มีความสามารถเข้าสำนัก

ซึ่งวันนี้เป็นวันที่สิบสาม ยังพอมีเวลาเหลืออีกวันก่อนจะถึงวันที่สิบห้า

เมื่อเห็นว่ายามนี้ใกล้เข้าเวลากลางดึก หลัวเฉิงก็หาโรงเตี๊ยมเพื่อพักผ่อน

หลังจากพบโรงเตี๊ยมที่ต้องการแล้ว หลัวเฉิงก็สั่งอาหารและเครื่องดื่ม ขณะทานอาหารอยู่หูเขาก็แว่วฟังเสียงการสนทนาของผู้คน

ระหว่างฟังไปเงียบๆ เขาก็ต้องผงะชั่วครู่ เมื่อได้ยินชื่อเสียงเรียงนามที่คุ้นหู

อวิ๋นเหมิงลี่!

“เจ้าเคยได้ยินเรื่องนี้หรือไม่ อวิ๋นเหมิงลี่ศิษย์หลักของสำนักซวนหยวน ได้ท้าประลองกับหยวนชิงอิง หนึ่งในสิบศิษย์อัจฉริยะอย่างแท้จริงของสำนักบนเกาะเฟิงเอี้ยน ในวันที่สิบห้าของเดือนนี้!”

“ท้าประลองกับหนึ่งในสิบศิษย์อัจฉริยะของสำนัก นี่เจ้าพูดจริงงั้นหรือ! ถ้าข้าจำไม่ผิด มันยังไม่ถึงสองปีเลย นับแต่นางได้เข้าเป็นศิษย์หลักของสำนัก!”

“ข้าได้ยินข่าวลือนี้มาจากศิษย์ฝ่ายในสำนักซวนหยวน นี่ต้องเป็นเรื่องจริงไม่ผิดอย่างแน่นอน! ว่ากันว่าทั้งสองคนประลองกันเพื่อชิงตำแหน่งและสมบัติแห่งสวรรค์”

“หากอวิ๋นเหมิงลี่ชนะการต่อสู้ครั้งนี้ นางจะกลายเป็นศิษย์อัจฉริยะของสำนักซวนหยวน และอนาคตของนางย่อมไร้ขีดจำกัด!”

“มันคงไม่ง่ายเช่นนั้นกระมัง ความสามารถของหยวนชิงอิงนั้นก็มิใช่ธรรมดา เขามีวิญญาณยุทธ์ระดับเก้าดาว ทั้งยังทะลวงเข้าสู่ขั้นก่อเกิดชีพจรได้รวดเร็วนัก ข้าคิดว่าผู้พ่ายแพ้ในการประลองครั้งนี้ต้องเป็นอวิ๋นเหมิงลี่อย่างแน่นอน”

หลัวเฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เมื่อได้ยินเรื่องราวจากผู้คนที่สนทนารอบข้างเขายามนี้

เขาไม่คิดเลยว่าอวิ๋นเหมิงลี่จะท้าทายหนึ่งในสิบอัจฉริยะแท้จริงของสำนักซวนหยวน

ลือกันว่าเหล่าศิษย์ที่แท้จริงของสำนักแต่ละแห่งนั้นล้วนแข็งแกร่งทั้งสิ้น พวกเขาเป็นบุคคลที่ยืนอยู่เหนือเมฆและมีสถานะสูงส่งกว่าผู้อาวุโสบางคนเสียอีก

ชั่วขณะหนึ่ง เลือดในกายของหลัวเฉิงก็เดือดพล่านขึ้นทันที

เขาเองก็ต้องการประลองกับผู้มีฝีมือเหล่านี้เฉกเช่นเดียวกัน!

หลังทานอาหารเสร็จ หลัวเฉิงก็พบว่ามันช้าเกินไปแล้วหากจะไปยังศาลาหลิ๋งอวิ๋นเพื่อซื้อโอสถ   เขาจึงคิดจะไปยังที่นั่นใหม่ในวันพรุ่งนี้

เมื่อกลับมาถึงห้องของตน หลัวเฉิงก็เริ่มบ่มเพาะปราณแท้มังกรทันที

ทว่า เมื่อเขาเริ่มบ่มเพาะพลัง หลัวเฉิงก็รู้สึกถึงความแตกต่างจากครั้งก่อนได้อย่างชัดเจน

ด้วยการโคจรปราณแท้มังกรครานี้ ก็พลันได้ยินเสียงมังกรร่ำคำรามทะยานเข้าสู่ห้วงจิตวิญญาณเขาโดยตรง และก่อเกิดวังวนขนาดใหญ่ภายในตันเถียน วังวนนั้นหมุนโคจรอย่างบ้าคลั่งรุนแรงกว่าเดิมยิ่งนัก

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”

หลัวเฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่เมื่อไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เขาก็ตั้งจิตฝึกเข้าฌานบ่มเพาะต่อไป

ราวกับว่าไม่นานนัก ค่ำคืนก็ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว

ยามเช้าตรู่

กรร!

เสียงแผดคร่ำมังกรคำรามก็สะท้านดังออกมาจากกันเถียน วังวนก็ม้วนหมุนอย่างรุนแรงดั่งพายุคลั่งก่อนไม่นานมันจะสงบลง ปราณแท้ของเขาก็ควบแน่นแผ่รัศมีแสงอันแก่กล้าแต่กระจ่างใสดุจน้ำออกจากร่างในทันที!

“นี่คือ...ปราณมังกรงั้นรึ!”

หลัวเฉิงเคยรอยยิ้มบนใบหน้าอย่างสำราญ เมื่อเห็นปราณที่แผ่กระจายออกมาในห้วงอากาศ

ปราณแท้มังกรที่เขาอยากสัมผัสกับมันอยู่หลายวัน ในที่สุดมันก็เปลี่ยนแปลงแล้ว!

ปราณมังกรควบแน่น นั่นหมายความว่า เขาได้เข้าถึงขอบเขตของเคล็ดวิชามังกรแท้แล้ว!

“มันจะรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไรกัน? หรือจะเป็นเพราะวิญญาณยุทธ์ที่ข้ากลืนกินไป?”

หลัวเฉิงพลันนึกถึงผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ทั้งสี่ ที่เขากลืนกินวิญญาณยุทธ์ไปไม่นานนี้

ดูเหมือนว่าการดูดซับวิญญาณยุทธ์ของผู้อื่น จะมีผลต่อการฝึกฝนเคล็ดวิชามังกรแท้ของข้าอย่างแน่นอน!

หลัวเฉิงยันกายลุกขึ้นยืน แล้วปล่อยหมัดชกออกไปทันใด

ปัง!

ห้วงอากาศถูกสะบั้นขาดอย่างรุนแรงจนส่งเสียงร่ำร้อง แม้นทั่วทั้งห้องก็ยังเต็มไปด้วยสายลมคลั่งที่พัดอย่างฮึกเหิม

“ช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!”

ดวงตาของหลัวเฉิงทอประกายด้วยความตื่นเต้น

พลังของหมัดนี้ เกรงว่าจะมีความแข็งแกร่งมากถึงหมื่นหกพันจิน! เพียงหมัดเดียวก็สามารถชกผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสาม จนร่างแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ ได้อย่างแน่นอน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด