ตอนที่ 16 ขอขมา
ตอนที่ 16 ขอขมา
หลังจากผ่านไปห้าวันติดต่อกัน ในที่สุดผู้อาวุโสสองก็ตระหนักได้ว่าความสิ้นหวังคืออะไร
“พี่สอง ช่วงนี้เจ้าเป็นอะไรไป? ทำไมสีหน้าของเจ้าถึงดูน่าเกลียดถึงขนาดนี้?” ผู้อาวุโสสามมองผู้อาวุโสสองอย่างสงสัย สงสัยว่าพี่ชายของเขาคนนี้ซ่อนสาวงาม หรือทองคำไว้หรือไม่? ไม่อย่างนั้นทำไมเขาถึงดูกระสับกระส่ายอยู่ทุกวัน?
“พี่สอง เจ้าควรจะยับยั้งชั่งใจให้มากกว่านี้ ท้ายที่สุด เจ้าก็ไม่เด็กเหมือนข้า เจ้าแก่แล้ว เจ้าต้องใส่ใจกับสุขภาพของตัวเองด้วย!” ผู้อาวุโสสามพูดด้วยความเป็นห่วงอย่างยิ่ง โดยที่ไม่ได้มองผู้อาวุโสสองที่สีหน้าเริ่มมืดครึ้มมากขึ้นเรื่อยๆ
ผู้อาวุโสสองกำลังประสบปัญหาจริงๆ ในขณะนี้ เขาฝึกฝนมาตลอดชีวิต และพยายามอย่างหนักเพื่อฟื้นฟูสำนัก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะถูกใส่ร้ายเมื่อเขาอายุมากขึ้น ช่างไร้ยางอายจริงๆ!
ผู้อาวุโสสองเดินไปที่ห้องโถงบรรพบุรุษด้วยความยากลำบาก เขาคุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับโขกศีรษะลงเก้าครั้งต่อหน้าป้ายวิญญาณของลู่ซุน ด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“บรรพบุรุษ ข้ารู้ความผิดของตัวเองแล้ว โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าไม่ควรมีความคิดเช่นนั้นเลย ข้าสัญญาว่าจะภักดีต่อท่านในอนาคต และจะไม่ขัดกับความประสงค์ของท่าน โปรดอย่าทรมานข้าอีกต่อไปเลย” ผู้อาวุโสสองพูดเสียงดังด้วยความหวาดกลัวที่เต็มเปี่ยมในใจ
“ติ๊ง ผู้อาวุโสสอง ลู่ซานแสดงความเคารพต่อโฮสต์ แต้มบุญ +1,000”
เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นในหูของเขา และในที่สุดรอยยิ้มอันพึงพอใจก็ปรากฏบนใบหน้าของลู่ซุน
“ไม่เลว ไม่เลว ในเมื่อเจ้ากลับใจแล้ว ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน” ลู่ซุนพึมพำกับตัวเองด้วยความรู้สึกพอใจมาก
ด้วยแต้มบุญ 1,000 แต้ม นี่ถือเป็นจำนวนแต้มบุญที่สูงที่สุดในบรรดาลูกหลานตระกูลลู่ทั้งหมดแล้ว ถือว่าเป็นเรื่องคุ้มค่าที่ลู่ซุนยอมเสียแต้มบุญถึง 10,000 แต้มสั่งสอนลูกหลานคนนี้ให้กลับใจ
หากเขาต้องการเข้าฝันผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำหรือต่ำกว่านั้น เขาจะต้องจ่ายแต้มบุญเพียง 1,000 แต้ม ในหากเป็นผู้เชี่ยวชาญวิญญาณแรกเริ่มจะเพิ่มเป็นสองเท่า โดยต้องใช้แต้มบุญมากถึง 2,000 แต้มต่อครั้ง
อย่างไรก็ตาม ลู่ซุนรู้สึกว่าแต้มบุญนับหมื่นถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่า อย่างน้อยก็เพียงพอที่จะสนอง ‘อาการเสพติด’ ของเขา และยังทำให้เขารู้สึกดีอีกด้วย
หลายวันต่อจากนั้น ในที่สุดผู้อาวุโสสองก็ได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่ม หลังจากถูกทรมานมานาน
เมื่อผู้อาวุโสสองคิดว่าเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว ภาพตรงหน้าเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป ร่างที่ทำให้เขาหวาดกลัวจนสุดขีดก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาอีกครั้ง ทำให้เขาแทบจะสติหลุดลอย
“บรรพบุรุษ ข้ารู้ความผิดของตัวเองแล้วจริงๆ! โปรดอย่าทุบตีข้าอีกเลย!” ผู้อาวุโสสองคุกเข่าลงโดยไม่ลังเล ร้องไห้ทั้งน้ำตาไหลอาบหน้า น่าสงสารราวกับสะใภ้ตัวน้อยที่เพิ่งถูกทารุณกรรม
“เอ่อ…ใจเย็นก่อน เงยหน้าขึ้นมา...” ลู่ซุนดูเขินอายเล็กน้อย หลังเขาได้ทำมันหลายครั้งในช่วงหลายวันที่ผ่านมาจนเกือบจะกลายเป็นนิสัย
"..." ผู้อาวุโสสองพูดไม่ออก แต่ร่างกายของเขายังคงคุกเข่าอยู่ที่นั่น และตัวสั่นเทา
“ในเมื่อเจ้ากลับใจแล้ว บรรพบุรุษอย่างข้าจะปล่อยเจ้าไปในครั้งนี้ แต่เจ้าต้องจำเอาไว้ว่าหากกล้าที่จะไม่เคารพข้าอีกในอนาคต อย่าตำหนิข้าที่โหดร้าย!” ลู่ซุนจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสสองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว และเต็มไปด้วยคำขู่
“ข้ารู้ ข้ารู้ ข้าเข้าใจ!” ผู้อาวุโสสองพยักหน้าเหมือนไก่จิกข้าว
“เอาล่ะ... ถ้ามีโอกาส อย่าลืมมองหาสมบัติฟ้าดินเพื่อหล่อเลี้ยงร่างของข้า วิญญาณของข้าที่อยู่บนสวรรค์จะปกป้องความปลอดภัยของเจ้าเอง” หลังจากที่ลู่ซุนพูดจบ ร่างของเขาก็ค่อยๆ จางหายไป และในที่สุดก็หายไปจากความฝันของผู้อาวุโสสอง
ภายนอก ผู้อาวุโสสองที่ขมวดคิ้วค่อยๆ ผ่อนคลายลงในที่สุด เขายังคงนอนหลับต่อไป แต่น้ำตาสองสายยังคงไหลอาบใบหน้าของเขา
ไม่กี่วันที่ผ่านมา แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น แต่มันเป็นช่วงชีวิตที่น่าสังเวชที่สุดของเขา ตอนนี้เขาประทับใจในตัวบรรพบุรุษตั้งแต่หัวจรดเท้า จากภายในสู่ภายนอก
เพื่อหลีกเลี่ยงลู่ซุน เขาได้วางแผนที่จะไม่นอนด้วยซ้ำ แต่ทันทีที่ถึงเวลา ไม่ว่าเขาจะตื่นหรือหลับ เขาจะหลับตรงเวลา และเห็นร่างที่ทำให้เขาหวาดกลัวจนไปถึงขั้วหัวใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ผู้อาวุโสสองกราบไหว้ป้ายวิญญาณของลู่ซุน เขาก็ไปรีบพบฉีเหิง
“ผู้อาวุโสสอง ทำไมเจ้าถึงต้องเร่งรีบถึงขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้น?” ฉีเหิงรู้สึกงุนงงมาก ในความคิดของเขา คนผู้นี้จะไม่มาหาเขาถ้าไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ทำไมจู่ๆ อีกฝ่ายถึงมาเยี่ยมเยือน เขาไม่เข้าใจจริงๆ
“ผู้อาวุโสฉี บรรพบุรุษของเราเป็นยังไงบ้าง? มีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นคืนชีพหรือไม่?” ผู้อาวุโสสองมองดูโลงศพอย่างระมัดระวัง แล้วถามเสียงเบา
“ผู้อาวุโสสอง เจ้ากินยาผิดขนานหรือเปล่า? บรรพบุรุษของเราเสียชีวิตไปหลายปีแล้ว เขาจะฟื้นคืนชีพได้อย่างไร แม้แต่สมบัติฟ้าดินที่ทรงพลังที่สุดก็ไม่สามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้!”
ฉีเหิงไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่เขาก็เข้าใจว่าทำไมผู้อาวุโสสองถึงถามคำถามเช่นนี้
“ถ้าอย่างนั้น… มีความเป็นไปได้ไหมว่าความไม่พอใจของบรรพบุรุษยังคงอยู่หลังจากเขาตาย และกลายเป็นผี?” เสียงของผู้อาวุโสสองเบามากราวกับว่าเขากลัวว่าใครจะได้ยิน
“เจ้า และข้าต่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ เรายังต้องกลัวสิ่งชั่วร้ายเหล่านั้นอยู่อีกหรือ? นี่ไม่ใช่ยุคโบราณ มันเป็นเรื่องยากสำหรับผีที่จะอยู่รอดในโลกนี้” ฉีเหิงเหลือบมองผู้อาวุโสสองอย่างสงสัย
หรือชายคนนี้จะกลัวผี?
“แต่…” ผู้อาวุโสสองร่ำไห้ด้วยความเศร้า อยากอ้าปากพูดแต่ไม่รู้จะพูดอะไร
“เจ้ามีอะไรจะถามข้าอีกงั้นรึ?” ฉีเหิงเหลือบมองเขาแล้วถาม
“มี ข้าต้องทำอย่างไรถึงจะทำให้บรรพบุรุษฟื้นตัวได้มากขึ้นกว่านี้ มีสมบัติฟ้าดินอะไรที่บรรพบุรุษของเราต้องการอย่างยิ่งหรือไม่ ข้าจะหามันมาให้ แม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิตก็ตาม!”
“เอ่อ...” เมื่อได้ยินสิ่งที่ลู่ซานพูด ฉีเหิงดูสับสน ชายคนนี้ไม่ใช่คนที่เคารพในตัวบรรพบุรุษน้อยที่สุดในตระกูลลู่หรอกเหรอ และยังวางแผนที่จะปรับแต่งร่างของบรรพบุรุษให้กลายเป็นศพสงคราม แต่ทำไมถึงเปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน?
“ผู้อาวุโสฉี หากมีสิ่งใดที่ข้าสามารถทำได้ เพียงแค่สั่งข้ามา หากสามารถทำให้บรรพบุรุษของเรากลับมารุ่งโรจน์เหมือนในอดีต ข้า ลู่ซานก็ตายตาหลับแล้ว!” ผู้อาวุโสสองตบหน้าอกของตนเบาๆ และพูดกับฉีเหิงอย่างชอบธรรม คำพูดของเขาดูจริงจังมาก
"..." ฉีเหิงรู้สึกว่าความคิดของเขายากจะตามทันท่าทีของอีกฝ่ายที่เปลี่ยนแปลงไป
เกิดอะไรขึ้นกับตระกูลลู่? ทำไมถึงมีหลานคนที่จิตไม่ปกติอยู่?
เขาจำได้ว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าได้พบกับศิษย์คนหนึ่งของตระกูลลู่ ศิษย์คนนั้นเอาแต่พูดว่าตนเป็นมารเฮยเย่ ผู้มีชื่อเสียงเมื่อหลายพันปีก่อน ราวกับว่าเป็นผู้ป่วยทางจิต
แม้ว่า ฉีเหิงจะเป็นหมอที่เคยรักษาคนมากมาย แต่เขาไม่รู้วิธีรักษาอาการป่วยทางจิตจริงๆ!
“ผู้อาวุโสสอง สถานการณ์ปัจจุบันของบรรพบุรุษค่อนข้างคงที่ แต่ถ้าเจ้าต้องการให้เขาหวนคืนสู่จุดสูงสุด สมุนไพรบางอย่างก็ขาดไปไม่ได้” แม้ว่าจะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ฉีเหิงก็ยังคงพูดกับผู้อาวุโสสองอย่างจริงจัง
“ผู้อาวุโสฉีบอกข้ามาเถอะว่าต้องใช้สมุนไพรอะไรบ้าง แม้ว่าข้าจะต้องปีนภูเขาดาบ และลงไปในทะเลเพลิง ข้าก็จะหามันมาให้ได้!” ผู้อาวุโสสองเต็มไปด้วยความมั่นใจ และเขาพูดด้วยความแน่วแน่
“สำนักเซียนซวนหมิงมีเสี้ยวจิตเหมันต์หมื่นปีที่สามารถทำให้ร่างกายมนุษย์ไม่เน่าเปื่อย เราสามารถใช้มันหล่อเลี้ยงร่างกายของบรรพบุรุษได้ อีกสิ่งหนึ่งคือ โอสถเก้าวัฏจักรของสำนักเต๋าซึ่งกล่าวกันว่าสามารถฟื้นคืนเนื้อหนัง และกระดูก และ...”ฉีเหิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่ง แต่ถูกขัดจังหวะก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ
“หยุด ข้าขอตัวก่อน!” ผู้อาวุโสสองพูดโดยไม่ลังเลใจ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ การไปปล้นชิงสิ่งเหล่านี้ไม่ต่างอะไรไปกับการส่งตัวเองไปตาย