ตอนที่แล้วตอนที่ 46 การประลองครั้งใหม่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 48 วางแผน

ตอนที่ 47 ผ่านด่าน


ตอนที่ 47 ผ่านด่าน

หลินมู่ก้าวเข้าสู่ลานประลอง

ในเวลาเดียวกันฝูซานซึ่งคู่ต่อสู้ของหลินมู่ในรอบนี้ก็เดินเข้ามาเช่นกัน

ฝูซาน รูปร่างสูงใหญ่กำยำสมชื่อ ดั่งภูผาที่ตั้งตระหง่าน เมื่อยืนอยู่ ณ ที่นั้น แม้ไม่แสดงความโกรธเกรี้ยว แต่ก็มีพลังอำนาจน่าเกรงขามแผ่ออกมาโดยรอบ

ผู้ตัดสินที่ขอบสนามคือเฟิงเลี่ยศิษย์เอกของสำนัก เมื่อเห็นหลินมู่และฝูซานเข้ามาในลานประลองแล้ว เขาพยักหน้าเล็กน้อย

เฟิงเลี่ยร่ายมนตร์สร้างกำแพงพลังขึ้นมาแล้วกล่าวกับคนทั้งสองว่า "เริ่มการประลองได้!"

กำแพงพลังนี้จะกันเสียงรบกวนจากภายนอกออกไป ภายในกำแพงหลินมู่และฝูซานยืนเผชิญหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างระแวดระวัง

หลินมู่มองแวบเดียวก็ทราบขอบเขตพลังยุทธ์ของฝูซาน ว่าเพิ่งบรรลุถึงขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเจ็ด เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมคิดในใจว่ารอบแรกนี้คงเป็นข้อยกเว้นจริง ๆ

ทั้งสองต่างไม่เอ่ยวาจา ฝูซานพยักหน้าให้หลินมู่เล็กน้อยเป็นสัญญาณว่าการประลองเริ่มขึ้นได้

หลินมู่พยักหน้าเห็นด้วย

ทันทีที่เงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นฝูซานพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็ว

ใช่แล้ว เหมือนกับแรดทองแดงที่แข็งแกร่งพุ่งตรงเข้ามาหาหลินมู่ด้วยพลังที่น่าสะพรึงกลัว

ในระหว่างนั้น ฝูซานไม่ได้ร่ายเวทมนตร์ใด ๆ เพียงแค่พุ่งเข้ามาด้วยร่างกายของตัวเอง

หลินมู่ไม่เข้าใจการกระทำของฝูซานนี้เลย

ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวของเขา

หรือว่าเขาเป็นผู้ฝึกตนกายา?

ผู้ฝึกตนกายาแตกต่างจากผู้ฝึกตนทั่วไป เส้นทางที่พวกเขาเลือกคือการฝึกฝนร่างกาย แม้ว่าพวกเขาจะยังคงฝึกฝนพลังปราณอยู่ แต่สิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญมากกว่าคือการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย การฝึกฝนพลังปราณก็เพื่อช่วยในการเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ผู้ฝึกตนกายาดูถูกเวทมนตร์ที่เชื่องช้า

พวกเขาบูชาพลังอันแข็งแกร่งของตนเอง

คนแบบนี้มักจะมีพลังที่ไร้ขีดจำกัด สามารถฉีกเสือและเสือดาวได้อย่างง่ายดาย ก้อนหินหนักกว่าพันชั่งก็เป็นเหมือนของเล่นในมือพวกเขา

หลินมู่มองดูรูปร่างของฝูซานอย่างละเอียด และพบว่ามันคล้ายกับผู้ฝึกตนกายามากจริง ๆ

แม้ว่าฝีเท้าของเขาจะรวดเร็ว แต่ก็มั่นคงเป็นพิเศษแต่ละก้าวทิ้งรอยเท้าลึกไว้บนพื้น

เมื่อมองดูฝูซานที่กำลังพุ่งเข้ามาหา หลินมู่มีความคิดเดียวในตอนนี้

ต้องไม่ให้เขาเข้ามาใกล้!

หากฝูซานเข้ามาใกล้ ทั้งสองจะต้องต่อสู้กันด้วยมือเปล่า ด้วยร่างกายที่ผอมบางของหลินมู่ เมื่อเผชิญหน้ากับฝูซานที่สามารถฉีกเสือและเสือดาวได้ เขาจะไม่สามารถต้านทานได้แน่นอน!

ร่างของฝูซานว่องไวมาก แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบได้กับวิชาเคลื่อนไหวเงาจันทร์เสี้ยวของสวีซ่งแต่ก็เหนือกว่าคนทั่วไปมาก

หลินมู่ตัดสินใจใช้ "วิชาควบคุมลม" ทะยานขึ้นสู่อากาศอย่างรวดเร็วก่อนที่ฝูซานจะเข้าถึงตัว

เมื่อฝูซานวิ่งมาถึงจุดที่หลินมู่เคยยืน หลินมู่ก็ลอยขึ้นไปในอากาศแล้ว หลบการโจมตีอย่างรุนแรงของฝูซานได้อย่างหวุดหวิด

หลินมู่ลอยอยู่ในอากาศ ห่างจากพื้นดินประมาณสามจ้าง

หลินมู่คิดว่าเขาหลบการโจมตีนี้ได้แล้ว และเนื่องจากเขาอยู่ในอากาศ ฝูซานจึงทำอะไรเขาไม่ได้ ต้องยืนอยู่บนพื้นเป็นเป้าให้หลินมู่โจมตีด้วยเวทมนตร์

แต่เขาคิดผิด

เมื่อฝูซานพลาดการโจมตี เขาเปลี่ยนทิศทางทันที สายตามองไปที่หลินมู่ที่ลอยขึ้นไปในอากาศแล้วกระโดดขึ้น ร่างของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศเช่นกัน มือของเขาเหมือนตะขอ เอื้อมไปคว้าขาของหลินมู่

หลินมู่ตกใจ ความสามารถในการกระโดดของผู้ฝึกตนกายานี้ทำให้เขาคาดไม่ถึง

เขาสามารถกระโดดขึ้นไปได้ถึงสามจ้าง

โชคดีที่มี "วิชาควบคุมลม" หลินมู่จึงเคลื่อนไหวในอากาศได้คล่องแคล่วกว่าฝูซานมาก

เขาสะบัดตัวกลางอากาศ ยกเท้าขึ้นอย่างรวดเร็ว หลบการคว้าอันรุนแรงนั้นได้อย่างหวุดหวิด

แม้ว่าฝูซานจะมีพละกำลังมหาศาล และสามารถกระโดดได้อย่างน่าทึ่ง แต่เขาก็ยังไม่สามารถลอยตัวอยู่ในอากาศได้ หลังจากใช้แรงทั้งหมดแล้ว เขาก็ตกลงมาจากอากาศอย่างไม่เต็มใจ

ปัง!

ฝุ่นละอองฟุ้งกระจาย พื้นหินถูกเท้าของเขากระแทกจนเป็นหลุมลึก

หลังจากหลบการโจมตีได้ หลินมู่ก็ตั้งสติได้และใช้ "เคล็ดเพลิงโรมรัน" ทันที

ลูกไฟพุ่งเข้าใส่ฝูซานพร้อมกับเสียงลมหวีดหวิว

เมื่อเผชิญหน้ากับลูกไฟที่พุ่งเข้ามา ฝูซานไม่กลัวเลย เขาก้มตัวลงและปล่อยหมัดพุ่งขึ้นไป

ลูกไฟและหมัดปะทะกันอย่างรุนแรง

ตูม!

ประกายไฟกระจาย ลูกไฟแตกกระจายภายใต้หมัดของฝูซาน

หลินมู่สูดหายใจเข้าลึก ๆ รู้สึกทึ่งกับพลังของหมัดนั้น!

เมื่อมองไปที่หมัดของฝูซานอีกครั้ง เขาพบว่าหมัดของฝูซานยังคงสมบูรณ์ ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยหลังจากทำลายลูกไฟนั้น แม้แต่รอยขีดข่วนก็ไม่มี

การฝึกฝนสายกายาของเขาสูงส่งมาก!

ลูกไฟแบบนั้นไม่สามารถทำร้ายเขาได้เลย!

หลินมู่ไม่หยุด เขาใช้เวทมนตร์ต่อเนื่อง มือของเขาเคลื่อนไหวเร็วราวกับภาพลวงตา ลูกไฟสี่ลูกที่เหมือนกับลูกก่อนหน้าปรากฏขึ้นในมือของเขา

"เคล็ดเพลิงโรมรัน" สี่ลูก

ลูกไฟทั้งสี่พุ่งไปหาฝูซานเหมือนกระสุนปืนใหญ่ เรียงเป็นเส้นตรงในอากาศ

ฝูซานไม่กลัว เขาใช้พลังปราณในร่างกายถ่ายเทให้กล้ามเนื้อของเขาขยายใหญ่ขึ้น ร่างกายที่สูงของเขาขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นเหมือนลูกโป่ง เสื้อผ้าของเขาถูกฉีกขาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เส้นเลือดที่หน้าผากของฝูซานปูดขึ้น ดวงตาของเขาแดงก่ำ เขาปล่อยหมัดออกไปอย่างรุนแรงเพื่อโจมตีลูกไฟ

ตูม!

ตูม!

ตูม!

เสียงระเบิดดังขึ้นสามครั้งติดต่อกัน ลูกไฟทั้งสี่ลูกถูกทำลาย ลูกไฟสองลูกสุดท้ายรวมกันเป็นหนึ่งเดียว มีพลังมากกว่าเดิม แต่ก็ยังถูกทำลายด้วยหมัดเดียวของฝูซาน

ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมาก!

แม้แต่ "เคล็ดเพลิงโรมรัน" สี่ลูกก็ไม่สามารถทำร้ายเขาได้

หลินมู่รู้ว่าหากไม่ใช้ไม้ตาย เขาจะไม่สามารถชนะการประลองครั้งนี้ได้

การประลองครั้งนี้ต้องจบลงอย่างรวดเร็ว

"วิชาควบคุมลม" ทำให้หลินมู่ลอยตัวอยู่ในอากาศได้เพียงหนึ่งก้านธูป ในขณะที่ต่อสู้อยู่นี้การใช้พลังปราณของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรง หากยืดเยื้อนานเกินไปสถานการณ์จะไม่เป็นผลดี

ตอนนี้หลินมู่สามารถโจมตีฝูซานได้อย่างอิสระ แต่ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้เขาได้ ทั้งสองฝ่ายต่างโจมตีและป้องกันดูเหมือนหลินมู่จะได้เปรียบ

แต่หลินมู่ก็รู้ดีว่าเมื่อเขากลับลงสู่พื้น เขาจะต้องพ่ายแพ้ในการประลองครั้งนี้อย่างแน่นอน

เดิมทีหลินมู่ไม่ต้องการใช้ "เคล็ดหลอมโลหะ" ในการประลองเพราะท่านี้มีพลังมากเกินไป หากใช้ออกไปอาจทำให้คู่ต่อสู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้

แต่ในตอนนี้หลินมู่จำเป็นต้องใช้มันแล้ว

หลินมู่ร่าย "เคล็ดหลอมโลหะ" อย่างรวดเร็ว ดาบทองคำก่อตัวขึ้นในมือของเขา ครั้งนี้หลินมู่ยังคงมีพลังปราณเหลืออยู่ ดาบทองคำนี้ไม่ได้ใช้พลังปราณมากนัก

หลินมู่สะบัดนิ้ว ดาบทองคำก็พุ่งเข้าใส่ฝูซานด้วยความเร็วที่ไม่อาจหลบเลี่ยงได้

ดาบทองคำแทงทะลุไหล่ขวาของฝูซาน ทิ้งรูเล็ก ๆ ไว้

เลือดไหลออกมาจากบาดแผลเหมือนน้ำพุ

คมดาบของเคล็ดหลอมโลหะได้ผลจริง ๆ!

แม้แต่ร่างกายที่แข็งแกร่งดั่งหินผาของฝูซานก็ไม่สามารถต้านทานได้!

การประลองครั้งนี้สิ้นสุดลงแล้ว

หากยังคงต่อสู้ต่อไปอาการบาดเจ็บของฝูซานจะยิ่งรุนแรงขึ้น

"เคล็ดหลอมโลหะ" ของหลินมู่ไม่เพียงแต่สามารถใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากฝึกฝนอย่างหนัก หลินมู่ยังสามารถใช้เคล็ดหลอมโลหะสองครั้งติดต่อกันได้เป็นครั้งคราว

ด้วยพลังโจมตีเช่นนี้ ใครจะสามารถต้านทานได้?

ฝูซานเป็นคนตรงไปตรงมา เมื่อเห็นว่าการโจมตีของหลินมู่สามารถทะลุร่างกายของเขาได้ เขาก็รู้ว่าระดับการฝึกฝนสายกายาของเขายังไม่ถึงขั้น

"ข้าแพ้!" ฝูซานยอมรับความพ่ายแพ้ทันที

เฟิงเลี่ยยกเลิกม่านพลัง หลินมู่จึงค่อย ๆ ลงสู่พื้นอีกครั้ง

เมื่อมาถึงข้างฝูซาน หลินมู่กล่าวขอโทษด้วยสีหน้าสำนึกผิด "ข้าขอโทษจริง ๆ ที่ลงมือหนักไปจนทำให้ศิษย์น้องบาดเจ็บ ขอศิษย์น้องโปรดยกโทษให้ด้วย"

ฝูซานเป็นผู้ฝึกตนกายา อาการบาดเจ็บเช่นนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับเขา ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย

แม้ว่าเขาจะรู้สึกเจ็บปวดที่ไหล่ขวา แต่สีหน้าของเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลง เขายิ้มให้หลินมู่และพูดว่า "ไม่เป็นไร แค่บาดเจ็บเล็กน้อย ขอบคุณศิษย์พี่ที่ชี้แนะข้า หากท่านไม่สามารถทำร้ายข้าได้ ข้าก็คงไม่ยอมแพ้ ไม่ว่าใครก็ตามหากไม่สามารถทำร้ายข้าได้ก็ไม่มีทางชนะข้าได้"

คำพูดเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในระดับการฝึกฝนสายกายาของเขา

เมื่อเห็นว่าฝูซานใจกว้างเช่นนี้ หลินมู่ก็ยิ้มและพูดว่า "ความองอาจของศิษย์น้องน่านับถือจริง ๆ"

ในเวลานี้เฟิงเลี่ยประกาศว่า "การประลองครั้งนี้ หลินมู่ชนะ!"

หลังจากพยักหน้าให้ทั้งสองคน เฟิงเลี่ยก็จากไป

บาดแผลของฝูซานยังคงมีเลือดไหลออกมา เขาเคยเผชิญกับอาการบาดเจ็บแบบนี้มาก่อน ฝูซานหยิบขวดยาออกมาจากแหวนเก็บของแล้วเทผงยาออกมาเล็กน้อยเพื่อทาลงบนบาดแผล

หลินมู่รีบพูดว่า "ให้ข้าช่วย"

หลินมู่รับขวดยาแล้วเทผงยาลงบนฝ่ามือเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ทาลงบนบาดแผลของฝูซาน ในระหว่างนั้นฝูซานไม่ส่งเสียงใด ๆ ราวกับว่าบาดแผลที่หลินมู่กำลังรักษาอยู่นั้นไม่ใช่ของเขา

ผงยานั้นได้ผลดีมาก หลังจากทาลงไปเพียงครู่เดียวเลือดก็หยุดไหลแล้ว

ผู้ฝึกตนกายาไม่กลัวการบาดเจ็บ เพราะทุกครั้งที่ได้รับบาดเจ็บ ร่างกายของพวกเขาจะแข็งแกร่งขึ้น

มีผู้ฝึกตนบางคนที่ตั้งใจทำร้ายตัวเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฝึกฝน เพิ่มความแข็งแกร่งและความสามารถในการฟื้นฟูร่างกาย

บาดแผลของฝูซานหยุดเลือดได้เร็วขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะยา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาเอง บาดแผลเช่นนี้จะหายดีภายในสิบถึงสิบห้าวัน หากเป็นคนทั่วไปต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนจึงจะสามารถยกแขนขวาได้ตามปกติ

หลังจากที่เลือดหยุดไหลแล้ว หลินมู่ก็ส่งขวดยาคืนให้ฝูซาน ทั้งสองกล่าวลาและจากกันไป

หลินมู่กลับไปที่บ้านพักเล็ก ๆ ของเขาและฝึกฝนเวทมนตร์ต่อไป

หลังจากชนะสองรอบติดต่อกัน หลินมู่ก็ได้เข้าสู่ 500 อันดับแรก

การประลองดำเนินไปอย่างดุเดือด ในอีกสองวันต่อมาหลินมู่ค่อนข้างโชคดี

บางทีโชคร้ายในช่วงแรกอาจจะผ่านพ้นไปแล้ว คู่ต่อสู้สองคนถัดมาของเขาก็ธรรมดา

คนหนึ่งอยู่ที่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเจ็ด และอีกคนหนึ่งอยู่ที่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นแปด

ผู้ที่อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเจ็ดเป็นผู้ฝึกตนธาตุไฟ เวทมนตร์ที่เขาใช้ได้ก็มีเพียง "กระสุนเพลิง" เท่านั้น และความเชี่ยวชาญใน "กระสุนเพลิง" ของเขาก็ไม่ได้สูงมากนัก เขาทำได้เพียง "กระสุนเพลิงสามวิถี”

ความแข็งแกร่งเช่นนี้เทียบไม่ได้กับสวีซ่ง และฝูซาน

หลินมู่ไม่รู้ว่าคน ๆ นี้โชคดีหรือไม่ที่สามารถเข้าสู่ 500 อันดับแรกได้ด้วยความแข็งแกร่งเท่านี้?

แต่เมื่อพบกับหลินมู่ การเดินทางที่โชคดีของเขาก็สิ้นสุดลง

เพียงสามยกหลินมู่ก็ใช้ "เคล็ดเพลิงโรมรัน" สี่ลูกโจมตีเขาจนล้มลง

ชายผู้นี้ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเต็มใจ

ผู้ฝึกตนที่อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นแปดนั้นมีถือว่าแข็งแกร่งตามมาตราฐาน เขาเป็นผู้มีจิตวิญญาณธาตุน้ำและธาตุดิน การผสมผสานเวทมนตร์ของเขาก็ไม่เลว เขาเรียนรู้ "วิชาธนูน้ำ" สำหรับธาตุน้ำ และ "วิชาพลิกผืนทราย" สำหรับธาตุดิน กลยุทธ์ของเขาเหมือนกับที่หลินมู่เคยใช้ คือใช้ "วิชาพลิกผืนทราย" สร้างฝุ่นละอองเพื่อบดบังสายตาของคู่ต่อสู้ แล้วใช้ "วิชาธนูน้ำ" โจมตีให้ได้ผล

กลยุทธ์นี้ได้ผลดีมาโดยตลอด

นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้เขาสามารถเข้าสู่ 250 อันดับแรกได้

แต่เขาต้องมาพบกับหลินมู่… ผู้ที่เชี่ยวชาญในด้านนี้เป็นอย่างมาก

หลินมู่ใช้กลยุทธ์เดียวกันกับเขา แต่ในช่วงเวลาสุดท้าย หลินมู่ใช้ "วิชาควบคุมลม" เพื่อหลบการโจมตีที่ร้ายแรง ในขณะที่ชายผู้นั้นไม่โชคดี "เคล็ดหลอมโลหะ" แทงทะลุแขนขวาของเขา หากหลินมู่ไม่ได้ควบคุมพลังไว้แขนขวาของเขาคงขาดไปแล้ว

เขาตกใจจนเหงื่อแตก และรีบยอมแพ้

ในการประลองสองครั้งนี้ หลินมู่ชนะได้อย่างง่ายดาย

การแข่งขันครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมทั้งหมดสองพันยี่สิบสี่คน

หลังจากการแข่งขันรอบแรกมีผู้ถูกคัดออก 1,012 คน เหลือผู้เข้าแข่งขัน 506 คนหลังจากจบรอบที่สอง

เมื่อจบรอบที่สาม เหลือผู้เข้าแข่งขันเพียง 253 คน และหลังจากรอบที่สี่จำนวนผู้เข้าแข่งขันลดลงอย่างรวดเร็วเหลือเพียง 127 คน

ตามปกติแล้วหลังจากจบรอบที่สามผู้เข้าแข่งขัน 253 คนที่เหลือจะจับคู่ได้เพียง 126 คู่ ซึ่งจะต้องมีหนึ่งคนที่ไม่ได้จับคู่

ตามธรรมเนียมแล้ว คนที่ไม่ได้จับคู่นี้ถือว่าโชคดีมากและสามารถผ่านเข้ารอบต่อไปได้โดยอัตโนมัติ

ดังนั้นหลังจากการแข่งขันสี่รอบ จึงเหลือผู้เข้าแข่งขัน 127 คน

ซึ่งก็เป็นเลขคี่อีกครั้ง

หากมีผู้โชคดีพอที่จะไม่ได้จับคู่ตลอดการแข่งขัน เขาสามารถผ่านเข้ารอบ 11 คนสุดท้ายได้โดยตรง!

เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์ของสำนักดาบพันปักษา และมากกว่าหนึ่งครั้ง

เรื่องที่น่าขบขันที่สุดคือ ครั้งหนึ่งมีผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเจ็ดสามารถเข้าสู่รอบ 11 คนสุดท้ายได้

กล่าวกันว่าการแข่งขันครั้งนั้นเป็นการแข่งขันที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักดาบพันปักษา ผู้เข้ารอบ 10 อันดับแรกทั้งหมดเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นสิบ ไม่มีแม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเก้า

แต่ชายผู้นี้โชคดีอย่างมากด้วยขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเจ็ด เขาสามารถเข้าสู่รอบ 11 คนสุดท้ายได้

เหตุการณ์นี้จึงกลายเป็นเรื่องเล่าที่น่าจดจำของสำนักดาบพันปักษา

หลังจากการแข่งขันสี่รอบติดต่อกัน ตามธรรมเนียมแล้วจะมีการพักสามวันก่อนที่จะเริ่มการแข่งขันรอบต่อไป

ช่วงเวลาสามวันนี้สามารถใช้พักผ่อน หรือรักษาอาการบาดเจ็บได้

เนื่องจากหลังจากรอบที่สาม ความแข็งแกร่งของผู้เข้าแข่งขันทั้งสองฝ่ายจะใกล้เคียงกันมากขึ้นทำให้มีโอกาสได้รับบาดเจ็บได้ง่าย

ยิ่งการแข่งขันดำเนินไปเรื่อย ๆ เวลาพักก็จะยิ่งนานขึ้น

และการแข่งขันก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด