(ฟรี) บทที่ 535 ผู้นำนิกายที่เขินอายและโกรธเกรี้ยว
พายุสิ้นสงบลงแล้ว
เมื่อมองดูคนสองคนตรงหน้า เหล่าศิษย์ก็สับสนเล็กน้อย
พวกเขาเห็นเหลิงอู่เหยียนยืนอยู่ที่เดิม แก้มสวยของนางแดงขึ้นเล็กน้อย นางไม่เพียงไม่โกรธแต่กลับดูเขินอายอีกด้วย
และหลี่หรานก็ยืนเคียงข้างด้วยรอยยิ้มจางๆบนใบหน้า มีสิ่งมีชีวิตแปลกๆนอนอยู่บนไหล่ของเขา เอาอุ้งเท้าของมันปิดตาตนเอง
พวกเขาเป็นเหมือนคู่รัก ดูมีความเข้ากันอย่างอธิบายไม่ได้
ศิษย์หญิงที่กังวลเกี่ยวกับหลี่หรานก่อนหน้านี้อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
ท่าทางของผู้นำนิกาย... ดูเหมือนจะผิดไปเล็กน้อย!
“เจ้าไม่ได้บอกว่าผู้นำนิกายโกรธหรอกเหรอ? ดูยังไงนางก็ค่อนข้างมีความสุขชัดๆ”
ศิษย์หญิงอีกคนดูงุนงงและอดไม่ได้ที่จะถามเสียงต่ำ
คนอื่นๆก็สับสนเล็กน้อยเช่นกัน
“ก่อนหน้านี้ผู้นำนิกายโกรธมาก ยอดเขาหิมะโปรยทั้งหมดล้วนสั่นสะเทือน!”
“ใช่ ข้าเห็นสีหน้าของผู้นำนิกายในเวลานั้นด้วยซ้ำ”
“ข้าก็เหมือนกัน แต่ตอนนี้นางดูจะอารมณ์ดีแล้ว”
“ไม่รู้ว่าผู้นำนิกายและบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่ทำอะไรกันท่ามกลางพายุ...”
“หุบปากเดี๋ยวนี้!”
เหล่าศิษย์คุยกันด้วยเสียงแผ่วเบา
เมื่อได้ยินพวกเขา ใบหน้าที่สวยงามของเหลิงอู่เหยียนก็อดไม่ได้ที่จะแดงขึ้น และนางก็จ้องมองไปที่หลี่หรานอย่างคาดโทษ
“ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้าหมอนี่...”
เมื่อนึกถึงสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้น นางกัดริมฝีปากไว้โดยไม่รู้ตัว โดยหวังว่าจะเจอรอยแตกบนพื้นแล้วแอบเข้าไป
แม้ว่าก่อนหน้านี้พายุจะปกคลุมไปด้วยหิมะและบดบังสายตาของผู้อื่น แต่ภายใต้การรายล้อมของผู้คน การกระทำเอาแต่ใจของเขาก็ยังทำให้เหลิงอู่เหยียนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
นางซ่อนมือเปล่าไว้ด้านหลังและหยิกเอวหลี่หรานอย่างเงียบๆ
แม้ว่าริมฝีปากจะไม่ขยับ แต่ก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความเขินอายและโกรธเคืองดังก้องอยู่ในหูของเขา “มันเป็นความผิดของเจ้า!”
ใบหน้าของหลี่หรานเปลี่ยนเป็นสีเขียวจากความเจ็บปวด
แต่เมื่อมีคนจำนวนมากจับตามอง เขาทำได้เพียงกัดฟันและนิ่งเงียบ
เขาพบว่าอาจารย์ชอบที่จะหยิกผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว ดูเหมือนว่าอาจารย์ชิงหลันก็จะเป็นแบบนี้เช่นกัน
นี่อาจเป็นงานอดิเรกพิเศษของจักรพรรดินีหรือเปล่า?
เมื่อเหลิงอู่เหยียนบิดเนื้อนุ่มรอบเอวของเขาเป็นครั้งที่สาม ในที่สุดหลี่หรานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
เขาใช้เสื้อคลุมขนาดใหญ่เพื่อบดบังสายตา จากนั้นก็โจมตีและรีบวางมือซ้ายบนเอวเรียวของนางโดยตรง
“อ๊ะ!”
ร่างกายของเหลิงอู่เหยียนแข็งค้างอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นแก้มของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ใบหูส่วนล่างสีขาวเหมือนหิมะกลายเป็นสีชมพูที่มีเสน่ห์
“ศิษย์อกตัญญู เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?! ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
นางกัดฟันแต่ไม่กล้าส่งเสียง
นางต้องการที่จะเหินกายจากไปโดยตรง แต่ไม่สามารถรวบรวมความแข็งแกร่งในร่างกายออกมาได้
หลี่หรานยิ้มอย่างสดใสและพูดผ่านกระแสจิต “ท่านอาจารย์ ครั้งนี้ท่านช่วยพิจารณาข้อเสนอของศิษย์อย่างจริงจังได้ไหม?”
“ฮึ่ม ผู้นำนิกายคนนี้จะไม่...”
ก่อนที่จะพูดจบ ขาและเท้าของนางก็อ่อนลงเล็กน้อย จนนางเกือบจะนั่งลงบนพื้นโดยตรง
“ผู้นำนิกาย ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?”
ผู้ดูแลที่อยู่ด้านข้างถามด้วยความกังวล “สีหน้าของท่านดูไม่ค่อยดีนัก”
“ข้าสบายดี...”
เหลิงอู่เหยียนส่ายหัว ดวงตาของนางเอาแน่เอานอนไม่ได้เล็กน้อย
“ศิษย์อกตัญญู มีคนดูอยู่ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
นางกัดริมฝีปากด้วยความละอายใจและกระทืบเท้าอย่างลับๆ “ข้ายอมรับข้อเสนอของเจ้า!”
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคงทำให้ตัวเองอับอายจริงๆ!
หลี่หรานถอนมือออกเงียบๆอย่างรวดเร็ว เขายิ้มพลางกล่าว “ขอบคุณสำหรับการสั่งสอนของท่านอาจารย์ ข้ายังต้องกลับไปฝึกฝนต่อ ศิษย์คนนี้ไม่รบกวนเวลาท่านแล้ว”
“......”
แม้ว่าเหลิงอู่เหยียนจะรู้สึกละอายใจและขุ่นเคืองอย่างมากในใจ แต่นางก็ไม่สามารถลงมือต่อหน้าทุกคนได้
นางเหินกายจากไปพร้อมด้วยเสียงฮึดฮัดเบาๆ พลางหันมามองหลี่หรานด้วยสีหน้าขุ่นเคือง
หลี่หรานเฝ้าดูนางจากไปและเช็ดเหงื่อเย็นด้วยมือของเขา
“เกือบไปแล้ว... โชคดีที่ข้ามีไหวพริบ”
หากเขาไม่อธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนในตอนนี้หรือปล่อยให้อาจารย์จากไปด้วยความโกรธ ผลที่ตามมาคงจินตนาการไม่ได้จริงๆ!
ตัวเขาเองสบายดี แต่ชีวิตของเจ้าหญิงทั้งสองจะตกอยู่ในอันตราย
แม้ว่าตอนนี้เหลิงอู่เหยียนจะไม่สงบ แต่ตามความเข้าใจของหลี่หราน นางไม่ควรต้องการฆ่าพวกเขาอีกต่อไป
เหล่าศิษย์เฝ้าดูผู้นำนิกายจากไป และในที่สุดบรรยากาศที่ตึงเครียดก็ผ่อนคลายลง
“ปรากฎว่าผู้นำนิกายไม่ได้โกรธ แต่เพียงสั่งสอนบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่เกี่ยวกับการฝึกฝน?”
“อืม มันควรจะเป็นเช่นนั้น”
“ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำนิกายและบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่กลมกลืนกันมาโดยตลอด จู่ๆพวกเขาจะมีปัญหากันได้อย่างไร”
“ควรจะเป็นเพราะบุตรศักดิ์สิทธิ์หลี่พึ่งทะลวงระดับใหม่และผู้นำนิกายก็สำแดงเกี่ยวกับเต๋าให้เขาได้ชม”
*****
“โอ้!”
เห็นเหลิงอู่เหยียนจากไป ไข่มังกรก็ฟื้นคืนจิตวิญญาณ
อุ้งเท้าน้อยๆออกท่าทางพลางส่งเสียงคำรามด้วยความขุ่นเคืองอันชอบธรรม
ราวกับจะบอกว่าสตรีนางนั้นรุนแรงเกินไปและอารมณ์ร้าย ไม่เหมือนกับข้าที่มีเพียงความรู้สึกสงสารพี่ใหญ่เท่านั้น~
มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากคนขี้ขลาดก่อนหน้านี้
มันลืมไปโดยสิ้นเชิงว่าเมื่อมันถูกถือไว้ในมือของอีกฝ่าย มันไม่กล้าแม้แต่จะผายลมด้วยซ้ำ
“โอ้ ทำไมเจ้าไม่พูดต่อหน้านางเมื่อกี้ล่ะ”
หลี่หรานแสดงความดูถูกพฤติกรรมสองหน้าของมัน
ไข่มังกรท้าวเอวแล้วคำรามออกมาเบาๆ “(มันเป็นเพียงการล่าถอยเชิงยุทธวิธีเท่านั้น เผ่ามังกรผู้สูงศักดิ์ย่อมไม่กลัวศัตรูใดๆ!)”
“......” หลี่หรานลูบคิ้วของเขา
ทำไมรู้สึกเหมือนไข่มังกรนี้ไร้ยางอายขึ้นเรื่อยๆ?
นี่เป็นมรดกจากสายเลือดด้วยหรือเปล่า?
หรือว่ามันทำตามสิ่งที่เห็นและได้ยิน...
“ใช่แล้ว” เขาคิดอะไรบางอย่างได้พลางถาม “เจ้าฟักออกมาสักพักแล้วแต่ข้ายังไม่รู้ชื่อเจ้าเลย”
“โอ้!” ดวงตาของไข่มังกรก็มึนงงเล็กน้อยเช่นกัน
หลังจากครุ่นคิดมาเป็นเวลานาน ในที่สุดหลี่หรานก็นึกออก
เผ่ามังกรมีความคล้ายคลึงกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ พวกเขาทั้งหมดตั้งชื่อตามบิดามังกรผู้ให้กำเนิดหรือตามชื่อมังกรคู่หู
ในประเด็นนี้ เผ่ามังกรมีความเข้มงวดมากกว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์
เพราะชื่อนี้ไม่ได้เป็นเพียงชื่อธรรมดาสำหรับพวกเขาเท่านั้น เมื่อชื่อนี้เป็นที่รู้จัก มันจะถูกตรึงไว้ในสายเลือด เป็นตราที่จะคงอยู่ตลอดชีวิต และยังสามารถกระตุ้นพลังงานที่อยู่ลึกลงไปในสายเลือดได้อีกด้วย
นี่เป็นพิธีที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับเผ่ามังกร
หลี่หรานส่ายหัว “ข้าขอโทษ ข้าไม่พบเผ่าพันธุ์เดียวกับเจ้าที่นี่ และไม่มีหนทางที่จะจัดพิธีตั้งชื่อให้กับเจ้า”
ไข่มังกรนี้มาจากดินแดนสังสารวัฏ
อาจมีมังกรอยู่ในดินแดนอันกว้างใหญ่ แต่ผู้รอดชีวิตสมัยโบราณเหล่านั้นซ่อนตัวลึกมากและไม่ปรากฏตัวมาหลายปีแล้ว มันไม่สมจริงเลยที่จะช่วยตามหาญาติของมัน
“โอ้...”
ไข่มังกรราวกับจะไม่สนใจเรื่องนี้มากนัก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะพบเจอเผ่าพันธุ์เดียวกันแล้ว แต่มันก็ยังต้องอยู่เคียงข้างหลี่หราน…
มันเอียงหัวเพื่อมองหลี่หราน ไม่รู้ว่าคิดอะไร จากนั้นก็ส่งเสียงอย่างเขินอายเล็กน้อย “(เช่นนั้นท่านตั้งชื่อให้ข้าเป็นไง?)”
“ข้า?” หลี่หรานผงะอยู่ครู่หนึ่งแล้วเกาหัว “นี่ค่อนข้างไม่เหมาะสมใช่ไหม?”
“(ทำไมล่ะ?)”
“ข้าไม่ใช่พ่อของเจ้า”
/////