บทที่ 35 การละทิ้ง
บทที่ 35 การละทิ้ง
พูดตามตรง ด้วยรูปลักษณ์ของ คงชา โซลคิดว่านางไม่ต้องการสมองอีกต่อไปแล้ว
เขารีบก้มหัวลงอย่างรวดเร็ว โดยกลัวว่า รุ่นพี่คงชา จะคิดว่าเขากำลังหัวเราะเยาะนาง
"เจ้าจำได้ไหม?" มือของคงชา จับไปที่ไหล่ของโซล
โซลรู้สึกเจ็บปวด เหงื่อของเขาเริ่มไหลออกมาทันที
"จำได้ ข้าจำได้" เขาพูดซ้ำๆ
คงชาจึงปล่อยเขา "จำเอาไว้ เจ้าต้องส่งสมองของพ่อมดฝึกหัดระดับ 1 ให้ข้าอย่างน้อย 1 คนต่อเดือน"
ตอนนี้ในที่สุดนางก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา
"เอาละ ถ้าอย่างนั้นคงต้องพึ่งเจ้าแล้ว จำเอาไว้ หากปริมาณไม่มากพอ ข้าจะไม่ให้ยาขวดที่ 2 แก่เจ้า"
คงชา
มอบขวดยาให้แก่โซล
ยาถูกใส่ไว้ในขวดแก้วโดยเสียบจุกไม้เอาไว้บนปากขวด นอกจากนี้จุกไม้ยังถูกหุ้มด้วยหนังชิ้นเล็กที่พันเอาไว้
เพื่อป้องกันการร่วงไหล
แต่สิ่งแรกที่โซล จะทำหลังจากคงชาจากไปแล้วก็คือ การเปิดขวดยาด้วยความยากลำบาก
ยาสีใสที่มีฟองเกิดขึ้นเมื่อเขย่า
ด้วยสีหน้าตื่นเต้น โซลเดินออกไปข้างหน้าและสูดหายใจเข้าเบาๆ
มันมีกลิ่นคาวจางๆ
บอกไม่ได้ว่ามันมีกลิ่นเหม็นเพียงใด
โซลปิดฝาขวดอย่างรวดเร็วและปิดปากมันด้วยหนังอีกครั้ง
หัวใจของเขาเต้นแรงขณะที่เขานั่งลงเพื่อทำสมาธิ
หลังจากนั้นไม่นาน โซลก็ลืมตาขึ้น
"ประสิทธิภาพของการทำสมาธิเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย แม้ว่ามันจะเพียงเล็กน้อย แต่เนื่องจากตัวข้ามีพลังเวทมนตร์น้อยนิด ข้าจึงสัมผัสถึงมันได้อย่างชัดเจน"
โซลมองดูยาบนโต๊ะด้วยความไม่อยากเชื่อ
เพียงแต่ได้กลิ่น เขาก็สัมผัสได้กับความแตกต่างอย่างชัดเจน
ยานี้มันยอดเยี่ยมจริงๆ
หากเขาต้องการดื่มมันลงไปให้หมดในอึกเดียวคงต้องใช้เวลาทั้งวันทั้งคืน อย่างที่คงชาพูด เขาจะไม่กลายเป็นพ่อมดที่แท้จริงเลยงั้นหรือ?
แต่มันก็มีราคาที่ต้องจ่ายเช่นกัน
หนังสือปกแข็งยังคงเตือนว่าหากเขาดื่มมันจนหมดในคราวเดียว เขาจะกลายเป็นสมบัติล้ำค่าของผู้อื่นภายใน 3 ปี
เขาจะกลายเป็นแบบไหนนะ เป็นชิ้นส่วนล้ำค่าหรือว่าเป็นศพเดินได้?
แต่พี่หญิงคงชา บอกให้เขาดื่มให้หมดภายใน 1 เดือน
สีหน้าของโซลไร้อารมณ์เขาวางขวดยาเล็กๆ ไว้ข้างกาย
แม้ว่าจะไม่มีคำเตือนจากหนังสือปกแข็ง แต่เขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะใช้ยาขวดนี้
เหตุผลที่เขาเก็บมันเอาไว้ ก็เพื่อเอาใจคงชา สุดท้ายแล้วเขายังคงวางแผนที่จะใช้มันต่อสู้กับซิด
อย่างที่ 2 ยานี้มีประสิทธิภาพที่น่าสะพรึงกลัว โซล ต้องการหาโอกาสศึกษามันอย่างระมัดระวัง ระยะเพียง 1 เดือนมันสั้นเกินไป
"บางทีหนังสือปกแข็งอาจจะช่วยข้าได้" โซลยังคงลังเล ที่จะแยกส่วนประกอบของยา "สุดท้ายแล้วมันเป็นยาวิเศษที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในการทำสมาธิเพียงแค่สูดดมมัน"
"เดี๋ยวก่อน แค่ดมก็โอเคแล้วไม่ใช่หรือ?" โซล จมอยู่ในความคิด
.....
วันรุ่งขึ้น โซล ซึ่งมีรอยคล้ำใต้ตา ได้พบกับ เคลี่ ที่มีรอยคล้ำใต้ตา หน้าประตูชั้นเรียนทั่วไป
ทั้ง 2 มองหน้ากันราวกับทำข้อตกลงเอาไว้แล้ว ไม่ได้แสดงความเห็นเดียวกับรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย
ด้วยการเคลื่อนไหวที่พร้อมเพรียงกัน พวกเขามาที่มุมที่คุ้นเคยดึงเก้าอี้และนั่งลงพร้อมกัน
ทันทีที่เคลี่นั่งลง นางก็หาวออกมาทันที
น้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาก็ถูกเช็ดออกมาด้วยหลังมือของนาง
"เจ้าดูเหนื่อยมาก เจ้านอนดึกอีกแล้วงั้นหรือ?" แม้ว่าโซล จะไม่มีสิทธิพูดก็ตาม
"ข้าแค่รู้สึกว่าข้าต้องรีบแล้ว เจ้าพวกสารเลวเหล่านั้นไม่ให้เวลาพวกเราเติบโตเลย"
"พวกสารเลว?" เคลี่ น่าจะหมายถึงชมรมช่วยเหลือ ที่ทำให้นางผิดปกติเมื่อ 10 กว่าวันก่อน
เคลี่ ภาคภูมิใจมาโดยตลอด ว่านางเรียนรู้ได้รวดเร็วที่สุดในบรรดาพ่อมดฝึกหัดหน้าใหม่กลุ่มนี้
ยกเว้นโซล ที่นางมองไม่ออก เคลี่ คิดว่านางก้าวหน้าที่สุดแล้ว
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากถูกคงในชมรมช่วยเหลือฝังปรสิต เคลี่ จึงค้นพบว่าการเปรียบเทียบความก้าวหน้าในการเรียนรู้นั้นช่างไร้สาระเพียงใด
แม้ว่าจะมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อย แต่มันก็มีช่องขนาดใหญ่ระหว่างผู้ล่าและเหยื่อ
ความอ่อนแอคือบาป
การก้าวขึ้นไปจุดสูงสุดมีเพียงแค่นางก็เหยียบก้อนหินให้ตกลงมายังหัวของเจ้าพวกสารเลวพวกนั้น
นางจึงพยายามมากขึ้น
สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของเคลี่
แต่โซลไม่ได้สนใจความมุ่งมั่นนั้น เขาสัมผัสได้ถึงความภาคภูมิใจของ เคลี่
จากประสบการณ์ในชมรมช่วยเหลือ ทำให้ เคลี่ ตาสว่างขึ้นในที่สุด
โซลยังรู้ด้วยอีกว่าแม้เคลี่จะเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่นางก็ไม่ยอมแพ้ต่อความพ่ายแพ้ครั้งก่อนนี้
"เจ้าสังเกตไหม" เคลี่ จ้องมองจากมุมๆหนึ่งของชั้นเรียนและพูดกับ โซล "พวกเขาดูแตกต่างจากวันนั้นเลย"
โซลยังคงก้มหน้าเพื่ออ่านหนังสือ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
ณ มุมหนึ่งในชั้นเรียน โดซ และร๊อคกี้ ยังคงนั่งข้างๆ ดยุค แต่ทั้งคู่กับกำลังคุยกับเด็กผู้หญิงที่อยู่แถวหลัง
เคลี่ บอกว่า เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่อเจนน่า
ครั้งหนึ่งนางเคยชวนโซล เข้าร่วมชมรมช่วยเหลือ แต่โซลบอกปัดนางไป เขาจึงไม่มีโอกาสได้พูดอีกในที่สุด
เจนน่า ยังคงดูเขินอายเล็กน้อย แต่เห็นได้ชัดว่านางดูสนุกกับการถูกรายล้อมด้วยเด็กผู้ชายที่เข้ามาพูดคุยกับนาง
แม้ว่าเขาจะมองออกไป แต่โซลก็ยังเห็นว่า ดยุค ดูเหม่อลอย ส่วน โดซก็ดูภาคภูมิใจในตัวเอง
มีเพียงร๊อคกี้ที่ดูปกติ ดวงตาของเขาเปล่งประกายเมื่อจับจ้องไปที่เจนน่า
"พวกเด็กน้อย..."
แต่เมื่อคิดว่าคนเหล่านี้ดูเหมือนจะมีส่วนร่วมในชมรมช่วยเหลือ โซลก็เปลี่ยนใจทันที "พวกเขาเป็นแค่เบี้ยล่างตัวเล็กๆ"
"ข้าสังเกตดูพวกเขาทุกวัน" เคลี่ ยังคงพูดคุยกับโซลด้วยเสียงที่แผ่วเบา "ยกเว้นวันแรก เมื่อพวกเขากลับมา ท่าทางของพวกเขาดูแปลกประหลาดอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ข้าได้แอบถามมา ชมรมช่วยเหลือนั้นได้ก่อตั้งมาหลายปีแล้ว อีกทั้งยังมีรุ่นพี่หลายคนอยู่ในชมรมช่วยเหลืออีกด้วย"
โซล และ เคลี่ นั่งตัวสั่นเมื่อคิดว่าคนเหล่านี้มีปรสิตฝังอยู่ในร่าง และอาจกลายเป็นหุ่นเชิดได้ทุกเมื่อ
มันราวกับเขากำลังเดินไปตามทางเดิน และทุกคนที่เขาเดินผ่านยิ้มให้เขาโดยไม่รู้ตัว
"เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะเป็นสมาชิกของชมรมช่วยเหลือ รุ่นพี่ไบรอนไม่มีวิธีจัดการกับพวกเขางั้นหรือ?" โซลถามขึ้น
เคลี่ กัดฟันของนาง บางครั้งมันก็ทำให้นางฝันร้ายเมื่อนางเอามือไปแตะบนหัว
"รุ่นพี่ไบรอนไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขา เมื่อ 2 วันก่อน เจนน่าชวนข้าเข้าร่วมงานชุมชนอีกครั้ง แต่ข้าไม่ได้ไป"
โซล ไม่ได้รับเชิญอีกครั้งแต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันน่าสลัวไม่น้อย
ถ้ายังมีองค์กรแบบนี้อยู่ เขาคงจะอยู่ลำบากน่าดู
บางครั้งเขาก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้แม้ว่าเขาจะต้องการ โดยเฉพาะเมื่อผู้ที่อยู่เบื้องมีเจตนาแอบแฝงเช่นนี้
"เจ้าต้องระวังให้มาก อย่าปล่อยพวกเขาโจมตีเจ้าได้อีก"
"ไม่เป็นไร ข้าบอกเจนน่าแล้วว่า ท่านอาจาร์ยดูโก้ ขอให้ข้าไปช่วยในห้องทดลองของเขา" เคลี่ หมุนผมของนาง "พวกเขาไม่กล้ายุ่งเมื่อเรื่องเกี่ยวกับอาจาร์ย"
"อย่างเจ้าไม่มีปัญหาอยูแล้ว แค่เจ้าไปหารุ่นพี่ไบรอน หากผู้อยู่เบื้องหลังชมรมช่วยเหลือพบว่าเจ้ากับรุ่นพี่ไบรอนสนิทกัน พวกเขาอาจจะไม่มายุ่งกับเจ้า"
"รุ่นพี่ไบรอนกำลังจะอายุ 30 ปี เขากำลังจะออกจากหอคอยพ่อมด"
โซล บอก เคลี่ว่านางจะถูกไล่ออกหากไม่สามารถก้าวขึ้นเป็นพ่อมดฝึกหัดระดับ 3 ได้ก่อนอายุ 30
เคลี่ ประหลาดใจไม่น้อยนางแทบจะกลั้นเสียงเอาไว้ไม่ได้ "นั้นสินะ ไม่น่าแปลกใจเลยที่พ่อมดฝึกหัดระดับ 2 ที่ขออเข้าในลี้ภัยในดินแดนล้วนอายุมากแล้ว พวกเขาถูกหอคอยพ่อมดขับไล่ออกมานี่เอง
"ข้าไม่รู้ว่าเมื่อใด จะสามารถออกจากหอคอยพ่อมดได้"
โซลไม่เคยออกจากหอคอยพ่อมดเลย นับตั้งแต่เขาเดินทางข้ามมิติมา ทุกสิ่งที่เขาทำล้วนถูกจำกัดอยู่ภายในหอคอยพ่อมดเท่านั้น
เขาเกือบลืมไปแล้วว่าดวงอาทิตยเป็นอย่างไร
หากเขาไม่ยุ่งอยู่กับการศึกษาและทำงานตลอกทั้งวันจนไม่มีเวลาครุ่นคิด เขาคงคิดว่าเขาติดคุกและเป็นบ้าไปแล้ว