ตอนที่แล้วบทที่ 34 เจ้าคิดว่าข้าจะกินเจ้างั้นหรือ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 36 ไม่ช้าก็เร็ว

บทที่ 35 การละทิ้ง


บทที่ 35 การละทิ้ง

พูดตามตรง ด้วยรูปลักษณ์ของ คงชา โซลคิดว่านางไม่ต้องการสมองอีกต่อไปแล้ว

เขารีบก้มหัวลงอย่างรวดเร็ว โดยกลัวว่า รุ่นพี่คงชา จะคิดว่าเขากำลังหัวเราะเยาะนาง

"เจ้าจำได้ไหม?" มือของคงชา จับไปที่ไหล่ของโซล

โซลรู้สึกเจ็บปวด เหงื่อของเขาเริ่มไหลออกมาทันที

"จำได้ ข้าจำได้" เขาพูดซ้ำๆ

คงชาจึงปล่อยเขา "จำเอาไว้ เจ้าต้องส่งสมองของพ่อมดฝึกหัดระดับ 1 ให้ข้าอย่างน้อย 1 คนต่อเดือน"

ตอนนี้ในที่สุดนางก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา

"เอาละ ถ้าอย่างนั้นคงต้องพึ่งเจ้าแล้ว จำเอาไว้ หากปริมาณไม่มากพอ ข้าจะไม่ให้ยาขวดที่ 2 แก่เจ้า"

คงชา

มอบขวดยาให้แก่โซล

ยาถูกใส่ไว้ในขวดแก้วโดยเสียบจุกไม้เอาไว้บนปากขวด นอกจากนี้จุกไม้ยังถูกหุ้มด้วยหนังชิ้นเล็กที่พันเอาไว้

เพื่อป้องกันการร่วงไหล

แต่สิ่งแรกที่โซล จะทำหลังจากคงชาจากไปแล้วก็คือ การเปิดขวดยาด้วยความยากลำบาก

ยาสีใสที่มีฟองเกิดขึ้นเมื่อเขย่า

ด้วยสีหน้าตื่นเต้น โซลเดินออกไปข้างหน้าและสูดหายใจเข้าเบาๆ

มันมีกลิ่นคาวจางๆ

บอกไม่ได้ว่ามันมีกลิ่นเหม็นเพียงใด

โซลปิดฝาขวดอย่างรวดเร็วและปิดปากมันด้วยหนังอีกครั้ง

หัวใจของเขาเต้นแรงขณะที่เขานั่งลงเพื่อทำสมาธิ

หลังจากนั้นไม่นาน โซลก็ลืมตาขึ้น

"ประสิทธิภาพของการทำสมาธิเพิ่มขึ้นมาไม่น้อย แม้ว่ามันจะเพียงเล็กน้อย แต่เนื่องจากตัวข้ามีพลังเวทมนตร์น้อยนิด ข้าจึงสัมผัสถึงมันได้อย่างชัดเจน"

โซลมองดูยาบนโต๊ะด้วยความไม่อยากเชื่อ

เพียงแต่ได้กลิ่น เขาก็สัมผัสได้กับความแตกต่างอย่างชัดเจน

ยานี้มันยอดเยี่ยมจริงๆ

หากเขาต้องการดื่มมันลงไปให้หมดในอึกเดียวคงต้องใช้เวลาทั้งวันทั้งคืน อย่างที่คงชาพูด เขาจะไม่กลายเป็นพ่อมดที่แท้จริงเลยงั้นหรือ?

แต่มันก็มีราคาที่ต้องจ่ายเช่นกัน

หนังสือปกแข็งยังคงเตือนว่าหากเขาดื่มมันจนหมดในคราวเดียว เขาจะกลายเป็นสมบัติล้ำค่าของผู้อื่นภายใน 3 ปี

เขาจะกลายเป็นแบบไหนนะ เป็นชิ้นส่วนล้ำค่าหรือว่าเป็นศพเดินได้?

แต่พี่หญิงคงชา บอกให้เขาดื่มให้หมดภายใน 1 เดือน

สีหน้าของโซลไร้อารมณ์เขาวางขวดยาเล็กๆ ไว้ข้างกาย

แม้ว่าจะไม่มีคำเตือนจากหนังสือปกแข็ง แต่เขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะใช้ยาขวดนี้

เหตุผลที่เขาเก็บมันเอาไว้ ก็เพื่อเอาใจคงชา สุดท้ายแล้วเขายังคงวางแผนที่จะใช้มันต่อสู้กับซิด

อย่างที่ 2 ยานี้มีประสิทธิภาพที่น่าสะพรึงกลัว โซล ต้องการหาโอกาสศึกษามันอย่างระมัดระวัง ระยะเพียง 1 เดือนมันสั้นเกินไป

"บางทีหนังสือปกแข็งอาจจะช่วยข้าได้" โซลยังคงลังเล ที่จะแยกส่วนประกอบของยา "สุดท้ายแล้วมันเป็นยาวิเศษที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในการทำสมาธิเพียงแค่สูดดมมัน"

"เดี๋ยวก่อน แค่ดมก็โอเคแล้วไม่ใช่หรือ?" โซล จมอยู่ในความคิด

.....

วันรุ่งขึ้น โซล ซึ่งมีรอยคล้ำใต้ตา ได้พบกับ เคลี่ ที่มีรอยคล้ำใต้ตา หน้าประตูชั้นเรียนทั่วไป

ทั้ง 2 มองหน้ากันราวกับทำข้อตกลงเอาไว้แล้ว ไม่ได้แสดงความเห็นเดียวกับรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย

ด้วยการเคลื่อนไหวที่พร้อมเพรียงกัน พวกเขามาที่มุมที่คุ้นเคยดึงเก้าอี้และนั่งลงพร้อมกัน

ทันทีที่เคลี่นั่งลง นางก็หาวออกมาทันที

น้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาก็ถูกเช็ดออกมาด้วยหลังมือของนาง

"เจ้าดูเหนื่อยมาก เจ้านอนดึกอีกแล้วงั้นหรือ?" แม้ว่าโซล จะไม่มีสิทธิพูดก็ตาม

"ข้าแค่รู้สึกว่าข้าต้องรีบแล้ว เจ้าพวกสารเลวเหล่านั้นไม่ให้เวลาพวกเราเติบโตเลย"

"พวกสารเลว?" เคลี่ น่าจะหมายถึงชมรมช่วยเหลือ ที่ทำให้นางผิดปกติเมื่อ 10 กว่าวันก่อน

เคลี่ ภาคภูมิใจมาโดยตลอด ว่านางเรียนรู้ได้รวดเร็วที่สุดในบรรดาพ่อมดฝึกหัดหน้าใหม่กลุ่มนี้

ยกเว้นโซล ที่นางมองไม่ออก เคลี่ คิดว่านางก้าวหน้าที่สุดแล้ว

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากถูกคงในชมรมช่วยเหลือฝังปรสิต เคลี่ จึงค้นพบว่าการเปรียบเทียบความก้าวหน้าในการเรียนรู้นั้นช่างไร้สาระเพียงใด

แม้ว่าจะมีความแตกต่างเพียงเล็กน้อย แต่มันก็มีช่องขนาดใหญ่ระหว่างผู้ล่าและเหยื่อ

ความอ่อนแอคือบาป

การก้าวขึ้นไปจุดสูงสุดมีเพียงแค่นางก็เหยียบก้อนหินให้ตกลงมายังหัวของเจ้าพวกสารเลวพวกนั้น

นางจึงพยายามมากขึ้น

สิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นความมุ่งมั่นของเคลี่

แต่โซลไม่ได้สนใจความมุ่งมั่นนั้น เขาสัมผัสได้ถึงความภาคภูมิใจของ เคลี่

จากประสบการณ์ในชมรมช่วยเหลือ ทำให้ เคลี่ ตาสว่างขึ้นในที่สุด

โซลยังรู้ด้วยอีกว่าแม้เคลี่จะเป็นเพียงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่นางก็ไม่ยอมแพ้ต่อความพ่ายแพ้ครั้งก่อนนี้

"เจ้าสังเกตไหม" เคลี่ จ้องมองจากมุมๆหนึ่งของชั้นเรียนและพูดกับ โซล "พวกเขาดูแตกต่างจากวันนั้นเลย"

โซลยังคงก้มหน้าเพื่ออ่านหนังสือ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว

ณ มุมหนึ่งในชั้นเรียน โดซ และร๊อคกี้ ยังคงนั่งข้างๆ ดยุค แต่ทั้งคู่กับกำลังคุยกับเด็กผู้หญิงที่อยู่แถวหลัง

เคลี่ บอกว่า เด็กผู้หญิงคนนั้นชื่อเจนน่า

ครั้งหนึ่งนางเคยชวนโซล เข้าร่วมชมรมช่วยเหลือ แต่โซลบอกปัดนางไป เขาจึงไม่มีโอกาสได้พูดอีกในที่สุด

เจนน่า ยังคงดูเขินอายเล็กน้อย แต่เห็นได้ชัดว่านางดูสนุกกับการถูกรายล้อมด้วยเด็กผู้ชายที่เข้ามาพูดคุยกับนาง

แม้ว่าเขาจะมองออกไป แต่โซลก็ยังเห็นว่า ดยุค ดูเหม่อลอย ส่วน โดซก็ดูภาคภูมิใจในตัวเอง

มีเพียงร๊อคกี้ที่ดูปกติ ดวงตาของเขาเปล่งประกายเมื่อจับจ้องไปที่เจนน่า

"พวกเด็กน้อย..."

แต่เมื่อคิดว่าคนเหล่านี้ดูเหมือนจะมีส่วนร่วมในชมรมช่วยเหลือ โซลก็เปลี่ยนใจทันที "พวกเขาเป็นแค่เบี้ยล่างตัวเล็กๆ"

"ข้าสังเกตดูพวกเขาทุกวัน" เคลี่ ยังคงพูดคุยกับโซลด้วยเสียงที่แผ่วเบา "ยกเว้นวันแรก เมื่อพวกเขากลับมา ท่าทางของพวกเขาดูแปลกประหลาดอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ข้าได้แอบถามมา ชมรมช่วยเหลือนั้นได้ก่อตั้งมาหลายปีแล้ว อีกทั้งยังมีรุ่นพี่หลายคนอยู่ในชมรมช่วยเหลืออีกด้วย"

โซล และ เคลี่ นั่งตัวสั่นเมื่อคิดว่าคนเหล่านี้มีปรสิตฝังอยู่ในร่าง และอาจกลายเป็นหุ่นเชิดได้ทุกเมื่อ

มันราวกับเขากำลังเดินไปตามทางเดิน และทุกคนที่เขาเดินผ่านยิ้มให้เขาโดยไม่รู้ตัว

"เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะเป็นสมาชิกของชมรมช่วยเหลือ รุ่นพี่ไบรอนไม่มีวิธีจัดการกับพวกเขางั้นหรือ?" โซลถามขึ้น

เคลี่ กัดฟันของนาง บางครั้งมันก็ทำให้นางฝันร้ายเมื่อนางเอามือไปแตะบนหัว

"รุ่นพี่ไบรอนไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพวกเขา เมื่อ 2 วันก่อน เจนน่าชวนข้าเข้าร่วมงานชุมชนอีกครั้ง แต่ข้าไม่ได้ไป"

โซล ไม่ได้รับเชิญอีกครั้งแต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันน่าสลัวไม่น้อย

ถ้ายังมีองค์กรแบบนี้อยู่ เขาคงจะอยู่ลำบากน่าดู

บางครั้งเขาก็ไม่สามารถเข้าร่วมได้แม้ว่าเขาจะต้องการ โดยเฉพาะเมื่อผู้ที่อยู่เบื้องมีเจตนาแอบแฝงเช่นนี้

"เจ้าต้องระวังให้มาก อย่าปล่อยพวกเขาโจมตีเจ้าได้อีก"

"ไม่เป็นไร ข้าบอกเจนน่าแล้วว่า ท่านอาจาร์ยดูโก้ ขอให้ข้าไปช่วยในห้องทดลองของเขา" เคลี่ หมุนผมของนาง "พวกเขาไม่กล้ายุ่งเมื่อเรื่องเกี่ยวกับอาจาร์ย"

"อย่างเจ้าไม่มีปัญหาอยูแล้ว แค่เจ้าไปหารุ่นพี่ไบรอน หากผู้อยู่เบื้องหลังชมรมช่วยเหลือพบว่าเจ้ากับรุ่นพี่ไบรอนสนิทกัน พวกเขาอาจจะไม่มายุ่งกับเจ้า"

"รุ่นพี่ไบรอนกำลังจะอายุ 30 ปี เขากำลังจะออกจากหอคอยพ่อมด"

โซล บอก เคลี่ว่านางจะถูกไล่ออกหากไม่สามารถก้าวขึ้นเป็นพ่อมดฝึกหัดระดับ 3 ได้ก่อนอายุ 30

เคลี่ ประหลาดใจไม่น้อยนางแทบจะกลั้นเสียงเอาไว้ไม่ได้ "นั้นสินะ ไม่น่าแปลกใจเลยที่พ่อมดฝึกหัดระดับ 2 ที่ขออเข้าในลี้ภัยในดินแดนล้วนอายุมากแล้ว พวกเขาถูกหอคอยพ่อมดขับไล่ออกมานี่เอง

"ข้าไม่รู้ว่าเมื่อใด จะสามารถออกจากหอคอยพ่อมดได้"

โซลไม่เคยออกจากหอคอยพ่อมดเลย นับตั้งแต่เขาเดินทางข้ามมิติมา ทุกสิ่งที่เขาทำล้วนถูกจำกัดอยู่ภายในหอคอยพ่อมดเท่านั้น

เขาเกือบลืมไปแล้วว่าดวงอาทิตยเป็นอย่างไร

หากเขาไม่ยุ่งอยู่กับการศึกษาและทำงานตลอกทั้งวันจนไม่มีเวลาครุ่นคิด เขาคงคิดว่าเขาติดคุกและเป็นบ้าไปแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด