ตอนที่ 8: กิ้งก่ารถถังระดับ 2
วันรุ่งขึ้น หยางเทียนตื่นแต่เช้า เวลา 7 โมงกว่าๆ
หลังจากกินเนื้อย่างที่เหลือแล้ว หยางเทียน ก็ตรวจสอบอุปกรณ์ของเขา จากนั้นเขาก็สวมชุดต่อสู้ของปู่และนำมังกรเขียวตัวน้อยออกมาอีกครั้ง
ในการเดินทางครั้งนี้, หยางเทียน ต้องล่าสัตว์ประหลาดระดับ 2 , อีกทั้งยังต้องหาแกนอสูรให้มากขึ้น, แล้วนำมาแลกเปลี่ยนเป็นของจำเป็นในพื้นที่เฝ้าระวังพิเศษนอกเมืองเทียนเซียง การฆ่ามอนสเตอร์อย่างต่อเนื่องและได้รับแกนอสูรไม่เพียงแต่จะได้รับแกนอสูรเท่านั้น นอกจากนี้ยังช่วยให้เขาพัฒนาความสามารถในการต่อสู้อีกด้วย
สำหรับมนุษยชาติ มันเป็นโลกที่น่าสังเวช แต่สำหรับทรานส์ฮิวแมนและคนรวยแล้ว มันเป็นดังโลกแห่งโอกาส
นี่เป็นเพราะว่าคนๆ หนึ่งจะไม่ป่วยอีกต่อไปหลังจากกินแกนอสูร เว้นแต่ว่าพวกเขาจะถูกฆ่าโดยสัตว์ประหลาดหรือมนุษย์คนอื่นๆ อายุขัยตามธรรมชาติของพวกก็จะขยายออกไปมากกว่า 150 ปีอีกด้วย
ซึ่งการมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นก็จะหมายความว่าเรามีเวลาสนุกกับสิ่งต่างๆมากขึ้น
นอกเหนือจากเมืองเทียนเซียงแล้ว พื้นที่พื้นที่เฝ้าระวังพิเศษยังเป็นศูนย์กลางประชากรที่สำคัญอีกด้วย ผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่พื้นที่เฝ้าระวังพิเศษนั้นเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษซึ่งมักจะมองหาโอกาสที่
จะสร้างชีวิตให้กับตนเองในพื้นที่อิสระ พวกเขาไม่เคยเดินทางคนเดียวและมักจะรวมกลุ่มกัน
เป็นสิบๆคน พวกเขาจะรวบรวมเงินทุนเพื่อซื้ออาวุธและล่ามอนสเตอร์ระดับต่ำ
หากพวกเขาโชคดี พวกเขาจะได้รับแกนอสูรหลังจากที่พวกเขาฆ่าสัตว์ประหลาด แล้วพวกเขาก็ขายมันและแบ่งเงินกัน ถึงแม้พวกเขาจะไม่พบแกนอสูร แต่พวกเขาก็ยังสามารถนำเนื้อจำนวนมากกลับมาเป็นเสบียงได้ วัสดุที่ได้รับจากซากของสัตว์ประหลาดก็สามารถขายเป็นเงินได้เช่นกัน
ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องปกติ
ส่วนเหตุการณ์ที่ไม่ปกติจะเกิดขึ้นหลังจากที่ได้รับแกนอสูร แต่ละคนจะเข้าต่อสู้ห้ำหั่นกันและผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายจะมีโอกาสได้ขึ้นเป็นทรานส์ฮิวแมน
หยางเทียน ได้อ่านเรื่องราวดังกล่าวที่บันทึกไว้ในสมุดบันทึกของปู่ของเขา
หยางเทียนเดินทางไปในเส้นทางเดิมเหมือนเมื่อวันก่อน หลังจากข้ามสะพานแล้วเดินทางต่อเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง ขณะเดินไปตามเส้นทางบนภูเขาเขาก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอยู่ข้างหน้าเขา
ตัวเขารู้สึกสนใจในเสียงนั้นจึงได้วิ่งไปยังทิศทางของเสียงปืนอย่างรวดเร็ว
ห้านาทีต่อมา หยางเทียน พบว่าตัวเองอยู่หลังก้อนหินก้อนหนึ่งข้างถนนสายหลัก จากนั้นเขาจึงค่อยๆยืดศีรษะออกไปดู
เขาเห็นผู้ชายหลายสิบคนยิงต่อสู้กันอย่างดุเดือด พวกเขาเหล่านั้นสาดกระสุนเข้าใส่ กันอย่างดุเดือดทั้งยังมีถ้อยคำก่นด่าสาปแช่งบ้างก็มีคนถูกฟันและมีเสียงกรีดร้องออกมา
อย่างแสนสาหัส
จากคำก่นด่าสาปแช่งของพวกเขา หยางเทียน จับใจความได้ว่าคนเหล่านี้กำลังต่อสู้เพื่อแย่งชิง แกนอสูรระดับหนึ่งที่พวกเขาเพิ่งได้มา
หยางเทียนนั้น ไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้นัก เพราะถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้น เขาจึงได้ย่อตัวกลับไปด้านหลังก้อนหินและรอคอยอย่างเงียบๆ
สิบนาทีต่อมา เสียงปืนก็หยุดลง
หยางเทียนคิดว่าคงได้ผู้ชนะแล้ว จึงกำลังที่จะลุกขึ้นและสำรวจสถานการณ์ ทันใดนั้นมีเสียงกรีดร้อง ตะโกนขึ้นว่า “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว! นั่นมันสัตว์ประหลาดระดับสอง วิ่งงงง!”
“ฟ่อ….ฟ่อ….ฟ่อ….”
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงระเบิดประจุไฟฟ้าก็ดังขึ้นตามด้วยเสียงฝีเท้าของผู้คนจำนวนมาก
หยางเทียน ลุกขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นและมองออกไป เขาเห็นผู้ชายแปดถึงเก้าคนถูกกิ้งก่าสีเหลืองตัวยักษ์ไล่ล่าอยู่
พวกผู้ชายวิ่งด้วยความเร็วสุดฝีเท้าเท่าที่จะทำได้แต่ทั้งอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถวิ่งได้เร็ว
กว่ากิ้งก่าสีเหลืองขนาดยักษ์นี้ได้ ลิ้นของกิ้งก่ายักษ์ม้วนรัดไปยังท้องของผู้โชคร้ายคนหนึ่ง ชายผู้โชคร้ายถูกกระชากและถูกกลืนหายเข้าไปจนหมดทั้งตัว
นั่นมันกิ้งก่ารถถังระดับ 2 นี่!
หยางเทียนรู้สึกประหลาดใจที่ได้เจอเข้ากับ กิ้งก่ายักษ์โดยบังเอิญ
ลำตัวของมันยาวสิบเมตรและสูงสามเมตร เมื่อมันเคลื่อนที่ มันดูเหมือนรถถังหนัก มันกระแทกทำลายต้นไม้ที่ขวางทางมันแม้แต่ก้อนหินยังถูกบดขยี้อย่างง่ายดาย
คนเหล่านี้ต่อสู้ห้ำหั่นกันเพื่อที่จะแย่งแกนอสูรมาเป็นของตนเอง, ซึ่งดูแล้วไม่มีค่าควรที่จะต้องให้ความสงสารใดๆ เมื่อพิจารณาจากความเร็วของพวกเขา หยางเทียน คาดว่าพวกเขาจะไม่มีทางหนีพ้นและในท้ายที่สุดพวกเขาทั้งหมดจะถูกกิ้งก่ารถถังตัวนั้น
กินเข้าไปในที่สุด
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นถึงความหวาดกลัวและความสิ้นหวังบนใบหน้าของพวกเขาแล้ว
แม้แต่หยางเทียนที่มีจิตใจแข็งกร้าวจากการต่อสู้ก็ยังรู้สึกสงสาร เขาจึงชักกริชออกมาแล้วกระโดดข้ามก้อนหินและพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
เหลือผู้เหลือรอดเพียง 7 คน
ผู้เหลือรอดเหล่านี้ต่างมองไปที่ หยางเทียน ที่กำลังพุ่งไปข้างหน้าโดยถือกริชอยู่ในมือ พวกเขาเหล่านั้นรู้ได้ในทันทีว่า หยางเทียน จะต้องเป็นทรานส์ฮิวแมนอย่างแน่นอน
เพราะมีเพียงทรานส์ฮิวแมนเท่านั้นที่มีความเร็วขนาดนั้นได้
“อ๊าาา…”
ชายคนสุดท้ายที่อยู่ด้านหลังถูกลิ้นของกิ้งก่ารถถังม้วนรัด
จากนั้นเสียงร้องกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวของชายผู้โชคร้ายดังออกมาหลังจากที่ถูกกิ้งก่ารถถัง
กลืนกินเข้าไปหมดทั้งตัว
นี่ไม่เหมือนกับหนังดังที่มนุษย์นั้นสามารถเอาชีวิตรอดได้หลังจากการถูกกลืนกินเข้าไปทั้งตัว
ท้องของ กิ้งก่ารถถังนั้นเต็มไปด้วยกรดที่มีฤทธิ์กัดกร่อนอันทรงพลังมันสามารถละลายเนื้อคนให้เป็นกระดูก
ได้ทันที แม้แต่โลหะก็สามารถละลายได้ด้วยน้ำย่อยเหล่านั้น
มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่ในท้องของ กิ้งก่ารถถังตัวนี้ !
เหลือผู้รอดชีวิตเพียงหกคน หยางเทียน พุ่งตัวผ่านคนเหล่านั้นและเข้าโจมตีกิ้งก่ารถถังในทันที
เมื่อเห็นมนุษย์เข้าใกล้ สัตว์ร้ายก็หยุดนิ่ง มันอ้าปากกว้างและยิงลิ้นยาวพุ่งไปที่หยางเทียน
ลิ้นของ กิ้งก่ารถถังนั้นมีความเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ มนุษย์ปกติไม่สามารถหลบเลี่ยงได้หากพวกเขาหลงเข้าไปอยู่ในระยะของสัตว์ร้ายตัวนี้
ถึงจะเป็นอย่างนั้น หยางเทียน ซึ่งเป็นทรานส์ฮิวแมน ไม่ว่าจะความเร็วหรือความแข็งแกร่ง เขานั้นมีเกินกว่าระดับพื้นฐานของมนุษย์โดยสิ้นเชิง ขณะที่ลิ้นของกิ้งก่าพุ่งเข้าหาเขา เขาก็หยุดและกลิ้งหลบไปอีกด้านหนึ่งของถนน เพื่อหลบเลี่ยงลิ้นของ กิ้งก่ารถถัง
หยางเทียนใช้ขาของเขายันพื้นและพุ่งเข้าไปที่ส่วนใต้ท้องของสัตว์ร้ายอย่างรวดเร็วโดยใช้ประโยชน์ จากสัตว์ร้ายที่ต้องใช้เวลาหดลิ้นกลับ
มนุษยชาติและสัตว์ประหลาดต่อสู้กันมานานหลายทศวรรษ และยุทธวิธีการต่อสู้มากมายได้รับการพัฒนาขัดเกลาเพื่อต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่มีความหลากหลาย
ตัวอย่างเช่น เมื่อต่อสู้กับ กิ้งก่ารถถัง วิธีที่ดีที่สุดคือย่นระยะห่างจากมันเพื่อป้องกันไม่ให้มันใช้ลิ้นได้ นี่เป็นเพราะว่าลิ้นของมันนั้นน่ากลัวเกินไป—มันสามารถฟาดและถอยกลับได้ในชั่วพริบตา
จุดอ่อนของ กิ้งก่ารถถังคือท้องของมัน
แม้ว่าตัวมันจะถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดที่แข็งและเป็นมันวาว แต่เกล็ดใต้ท้องนั้นเป็นจุดที่บางที่สุด
หลังจากเข้าประชิดจุดอ่อนของ กิ้งก่ารถถังแล้ว หยางเทียนก็ใช้กริชแทงเข้าไปที่ท้องของสัตว์ร้ายอย่างสุดกำลัง เขาดันใบมีดเข้าไปในท้องของสัตว์ร้ายแล้วดึงออกอย่างแรง ทิ้งบาดแผลไว้บนท้องของสัตว์ร้ายยาวเกือบหนึ่งเมตร
ในขณะนั้น หยางเทียนเห็นเยื่อหุ้มของ กิ้งก่ารถถัง
ซึ่งถึงแม้ว่าใบมีดจะเจาะลึกเข้าไปได้ แต่ก็ไม่ได้แทงทะลุช่องท้องและเป็นอันตรายต่ออวัยวะสำคัญของกิ้งก่ายักษ์ตัวนี้
กิ้งก่ายักษ์ตอบสนองต่อความเจ็บปวดที่ได้รับและส่งเสียง ’’ฟ่อ..’’ ออกมา แขนขาของมันขยับอย่างรวดเร็วและพุ่งไปข้างหน้ามากกว่าสิบเมตรก่อนที่หางอันมหึมาของมัน
จะกระแทกลงมาอย่างรุนแรง
หยางเทียนเห็นหางที่กำลังฟาดลงมา ซึ่งตัวเขาไม่กล้าที่จะรับการโจมตีจากหางนั้น จึงได้กลิ้งหลบ
หางของ กิ้งก่ารถถังเมื่อกระแทกลงกับพื้น ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นอย่างมาก พื้นด้านล่างที่ถูกหางฟาดลงไปพลันแตกและยุบตัวลงไปในทันที
หยางเทียนลุกขึ้นมองดูสัตว์ร้าย ทันใดนั้นมันก็หันกลับมาและอ้าปากของมัน
“แม่งเอ้ย!”
หยางเทียนตกใจมาก และพลิกตัวและล้มลงไปในทันที
ลมพัดผ่านสันหลังเย็นวาบ
หยางเทียนรู้ได้ในทันทีว่าอันตรายยังไม่สิ้นสุด ลิ้นของสัตว์ร้ายตัวใหญ่ตัวนี้มีความว่องไวมาก และมันยังสามารถเปลี่ยนทิศทางได้เมื่อถอยลิ้นกลับ เขาใช้ประโยชน์ในช่วงเวลาที่เขามี ขณะที่สัตว์ร้ายถอยลิ้นของมันกลับ เขาก้าวขึ้นไปบนก้อนหิน และพุ่งตัวของเขาไปตามหินแข็งเป็นระยะทางสองสามเมตร
ความอันตรายยังไม่จบลงเพียงเท่านี้!
เมื่อ หยางเทียนหยุดเคลื่อนไหว กิ้งก่ารถถังก็เปิดปากอีกครั้งและยิงลิ้นที่ลื่นไหลของมันเข้าใส่เขา
โชคดีที่มีต้นสนขนาดใหญ่อยู่ข้างๆ เขา หยางเทียนจึงรีบวิ่งไปหลบด้านหลังของต้นสนเพื่อใช้เป็นที่กำบัง
ลิ้นสีแดงเข้มของ กิ้งก่ารถถังพุ่งผ่านต้นไม้ไปอย่างรวดเร็วและขณะที่มันดึงลิ้นกลับ มันก็ใช้ลิ้นพันเข้าไปที่รอบต้นสนและด้วยการดึงเพียงครั้งเดียวสัตว์ร้ายสามารถถอนต้นสนทั้งต้นและ
โยนทิ้งไปยังอีกด้านได้อย่างง่ายดาย