ตอนที่ 13 เฟิงหยุน
ตอนที่ 13 เฟิงหยุน
สิ่งที่น่าเสียดายสำหรับลู่ซุนคือ เขาจะได้รับแต้มบุญก็ต่อเมื่อถูกลูกหลานคนนั้นๆ กราบไหว้บูชาเป็นครั้งแรกต่อวันเท่านั้น
มิฉะนั้น ถ้าลูกหลานเหล่านี้กราบไหว้เขาตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวัน คงจะต้องใช้เวลาไม่นานนักในการฟื้นคืนชีพ
ไม่กี่วันต่อมา เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้น
"ติ๊ง ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่มีแต้มบุญเกิน 100,000 เป็นครั้งแรก"
“ติ๊ง ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลพิเศษ ร่างกายเริ่มฟื้นตัวแล้ว”
“ระดับการฟื้นตัวในปัจจุบัน : 1 ใน 10,000”
"???" ปากของลู่ซุนกระตุกเล็กน้อย เขาพูดอะไรไม่ออกกับสิ่งที่ได้ยิน
ฟื้นตัวได้ 1 ใน 10,000? เจ้าล้อข้าเล่นหรือยังไงกัน?
“ร่างกายของโฮสต์ค่อนข้างพิเศษ หากต้องการฟื้นคืนชีพอย่างสมบูรณ์ ต้องใช้แต้มบุญเป็นจำนวนมาก” ระบบอธิบายให้ลู่ซุนฟัง
“คิดไม่ถึงว่าความคลั่งไคล้ในการบ่มเพาะตอนมีชีวิตจะทำให้ข้าลำบากมากขึ้นหลังตายไปแล้ว” ลู่ซุนพร่ำบ่นอย่างช่วยไม่ได้
ลู่ซุนจ่ายราคามหาศาล และใช้เวลาหลายปีเพื่อเสริมสร้างร่างกายของเขาให้แข็งแรง
แม้แต่ในหมู่ผู้ฝึกฝนยุทธ์ ผู้ที่ฝึกฝนร่างวัชระก็ยังด้อยกว่า นั้นแสดงให้เห็นว่าร่างกายของเขาน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน
ลู่ซุนฝึกฝนทั้งศาสตร์แห่งขงจื๊อ พุทธศาสนา และวิถีเต๋าในเวลาเดียวกัน เขาไม่เพียงแต่ฝึกฝนร่างวัชระของชาวพุทธเท่านั้น แต่ยังรวมถึงร่างอมตะของวิถีเต๋า และร่างกฎของขงจื๊ออีกด้วย
นอกจากนี้ ร่างกายของเขายังได้รับการขัดเกลาด้วยเพลิงเก้าอเวจีเป็นเวลาหลายพันปี และรอดพ้นจากทัณฑ์อัสนีนับร้อยครั้ง หลังจากก้าวผ่านสิ่งเหล่านี้มา มันทำให้ร่างกายของเขาไม่มีทางที่จะทำลายได้ และยังไม่สลายตัวหลังจากไปถึงหนึ่งแสนปีแล้ว
หากไม่ใช่เพราะลูกหลานสารเลวเหล่านั้นที่ใช้ร่างกายของเขาเพื่อต่อสู้กับศัตรู คาดว่าร่างกายในตอนนี้ของเขาจะยังคงเหมือนเดิมเหมือนกับเมื่อหนึ่งแสนปีก่อน
“เอาเถอะ แม้ว่าข้าจะฟื้นตัวได้เพียงหนึ่งในหมื่น แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ท้ายที่สุดมันก็ทำให้ข้ามีความหวังในการฟื้นคืนชีพโดยสมบูรณ์” ลู่ซุนพูดกับตัวเองด้วยแสงจางๆ ในดวงตาของเขา หลังจากพูดถึงสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก
เขาแทบรอไม่ไหวที่จะได้ปรากฏตัวบนโลกนี้อีกครั้ง และนำตระกูลลู่ขึ้นไปสู่จุดสูงสุด
…
ห่างออกไปหลายพันลี้จากตระกูลลู่ มีสำนักใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ที่นี่ โดยมีเมฆ และหมอกล่องลอยอยู่เหนือภูเขาที่สำนักนี้ตั้งอยู่ และมีนกกระเรียนส่งเสียงร้องอยู่ตลอดเวลา
สำนักดารา เป็นสำนักที่ทรงพลังซึ่งมีประวัติศาสตร์ยาวนานมานับหมื่นปี
สำนักดาราเป็นสำนักที่ทรงพลังที่สุดภายในรัศมีสามหมื่นลี้ ว่ากันว่ายังมีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งในขอบเขตศักดิ์สิทธิ์อยู่
เจ้าสำนักดารามีชื่อว่า ‘อี้ซิง’ เขาแข็งแกร่งมาก ว่ากันว่าเขามีชีวิตอยู่มานับพันปีแล้ว
“เจ้าสำนัก ศาลาซิงหยู่ถูกทำลายโดยตระกูลลู่ และคนที่เราส่งไปก็ถูกสังหารไปโดยไม่มีดวงจิตแม้แต่เสี้ยวเดียวหลงเหลืออยู่เลย” ชายชุดดำเดินมาหาอี้ซิง และกล่าวด้วยความเคารพ
“อืม” การแสดงออกของยี่ซิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เขาแค่พยักหน้าเบาๆ โดยไม่แปลกใจใดๆ
ศาลาซิงหยู่เป็นสาขาหนึ่งของสำนักดารา และเป็นสำนักรองที่อี้ซิงจัดตั้งขึ้น จุดประสงค์คือ เพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่ในตระกูลลู่
“อย่างที่คาดเอาไว้ ตระกูลลู่ยังคงมีภูมิหลังอยู่บ้าง” ยี่ซิงพึมพำกับตัวเอง ดวงตาของเขาเป็นประกาย และเขาก็ตื่นเต้นมาก
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมอี้ซิงจึงมุ่งเป้าไปที่ตระกูลที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก และทำไมเขาถึงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก
มีเพียงตัวอี้ซิงเท่านั้นที่รู้ว่าตระกูลลู่นั้นไม่เรียบง่ายอย่างที่คิด เหตุผลที่ตัวเขาเองมีความแข็งแกร่งถึงขนาดนี้มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลลู่
อี้ซิงได้รับมรดกจากบรรพบุรุษของตระกูลลู่ในสุสานโบราณ ซึ่งทำให้เขาบรรลุความก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว และฝึกฝนจนมาถึงขอบเขตศักดิ์สิทธิ์ได้
น่าเสียดายที่มรดกนั้นไม่สมบูรณ์ แต่ถึงแม้จะมีเพียงตัวอักษรไม่กี่ตัวก็ยังช่วยเขาได้จนถึงทุกวันนี้
เขายังรู้สึกด้วยซ้ำว่าหากเขาได้รับมรดกที่สมบูรณ์ เขาอาจมีโอกาสที่จะก้าวผ่านทัณฑ์อัสนี และกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าใครๆ!
ด้วยเหตุนี้เองที่ อี้ซิงจึงให้ความสำคัญกับตระกูลลู่เป็นอย่างมาก เขาเชื่อว่าตระกูลลู่นั้นไม่เรียบง่ายอย่างที่แสดงให้คนอื่นๆ เห็นอย่างแน่นอน
“มาทดสอบกันอีกสักสองสามครั้ง เมื่อไพ่ตายของตระกูลลู่หมดลง เขาจะลงมือด้วยตัวเอง” อี้ซิงพึมพำกับตัวเองจากนั้นค่อยๆ หลับตา และเริ่มฝึกฝน
เขารอมาหลายปีแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นอะไรไป เขาไม่คิดจะประมาทตระกูลโบราณที่ดำรงอยู่มาอย่างยาวนาน
“ส่งคำสั่งของข้า ให้ผู้อาวุโสเจ็ดไปจัดการเรื่องนี้”
“ขอรับ!” ชายชุดดำโค้งคำนับด้วยความเคารพแล้วหายตัวไปในพริบตา
…
หลังลู่ซวนได้กินโอสถชำระไขกระดูก เขารู้สึกว่าพรสวรรค์ของตนได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นมาก หลายสิ่งที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้เลยเมื่อก่อนสามารถเข้าใจได้ด้วยการมองเพียงไม่กี่ครั้ง และฐานพลังยุทธ์ของเขาก็สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ในวันนี้ พายุได้เกิดขึ้น และทัณฑ์อัสนีก็ปรากฏ ลู่ซวนทะลวงผ่านเข้าสู่ขอบเขตวิญญาณแรกเริ่ม และรอดพ้นจากทัณฑ์อัสนีได้อย่างง่ายดาย กลายเป็นต้นแบบในใจของทุกคนในตระกูล
“พรสวรรค์ของนายน้อยทรงพลังถึงขนาดนี้เลยหรือ? แค่ในเวลาไม่นานเขาก็ทะลวงผ่านเข้าสู่ขอบเขตวิญญาณแรกเริ่มแล้ว” เหล่าผู้อาวุโสรู้สึกประหลาดใจมาก
“ในที่สุดตระกูลลู่ของเราก็มีผู้เชี่ยวชาญวิญญาณแรกเริ่ม! หากวิญญาณของผู้อาวุโสสูงสุดบนสวรรค์มองดูอยู่ เขาก็คงสามารถพักผ่อนได้อย่างสงบสุขแล้ว” ผู้อาวุโสสามรู้สึกตื่นเต้นมาก และเขาก็พูดกับตัวเอง
มีเพียงผู้อาวุโสสองเท่านั้นที่รู้สึกไม่มีความสุขอย่างมาก เขาคิดไม่ถึงว่าหลังจากฝึกฝนมาเป็นเวลาหลายปี เขาจะถูกคนรุ่นหลังแซงหน้าไปไกล
ผู้อาวุโสสองพบว่ามันไม่น่าเชื่อ ดังนั้นเขาจึงแอบมาที่ห้องของลู่ซวน เพื่อถามอีกฝ่ายว่าทำไมถึงทะลวงผ่านได้เร็วถึงขนาดนี้
ลู่ซวนไม่ได้ปิดบังอะไร และเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับการเข้าฝันของบรรพบุรุษในวันนั้น
“บรรพบุรุษเข้าฝันเจ้า?” สีหน้าของผู้อาวุโสสองดูแปลกๆ เขาไม่เชื่อเรื่องแบบนี้เลย เขาจึงวิ่งออกจากห้องของลู่ซวนด้วยความโกรธ
เมื่อลู่ซวนเห็นสิ่งนี้ เขาก็ทำได้เพียงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“นายน้อย ตอนนี้ท่านได้ทะลวงผ่านขอบเขตวิญญาณแรกเริ่มแล้ว เราควรเริ่มก่อตั้งสำนักสวินเต๋าขึ้นมาใหม่หรือไม่?” ทันใดนั้นผู้อาวุโสในตระกูลก็มาพบลู่ซวน และถามด้วยสายตาที่เคร่งขรึม
มีเพียงผู้เชี่ยวชาญวิญญาณแรกเริ่มเท่านั้นที่มีคุณสมบัติในการก่อตั้งสำนัก
สำนักสวินเต๋าก่อนหน้านี้ถูกทำลาย แม้ว่าทุกคนในตระกูลลู่จะคิดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่พวกเขาก็ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะก่อตั้งมันขึ้นมาใหม่
“ภูมิหลังของตระกูลลู่ในตอนนี้ยังตื้นเขินเกินไป รออีกสักหน่อยเถอะ” หลังจากที่ลู่ซวนคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็ปฏิเสธข้อเสนอของเหล่าผู้อาวุโส เขามีแผนการของตัวเอง
แม้ว่าต้นไม้ใหญ่จะน่าเกรงขาม แต่ลมพายุก็สามารถโค่นมันลงได้ แม้ว่าตระกูลลู่จะทำลายศาลาซิงหยู่ไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะปลอดภัยอย่างแน่นอน
เขารู้ดีว่าไม่ใช่เพียงศาลาซิงหยู่เท่านั้นที่มาก่อปัญหาให้กับตระกูลลู่ในวันนั้น
อย่างน้อยที่สุด ผู้เชี่ยวชาญวิญญาณแรกเริ่มคนนั้นไม่ได้มาจากศาลาซิงหยู่ แต่มาจากกองกำลังอื่นๆ ที่ใหญ่โตกว่า
"ติ๊ง ขอแสดงความยินดีกับหัวหน้าตระกูล ลู่ซวน ที่ทะลวงผ่านขอบเขตวิญญาณแรกเริ่ม ชื่อเสียงของตระกูลลู่เพิ่มขึ้น 100 แต้ม"
“ติ๊ง มีคัมภีร์อีกมากในหอคัมภีร์ และโฮสต์สามารถสุ่มเลือกได้หนึ่งครั้ง”
ข้อความแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นอย่างกะทันหัน
“ถ้าอย่างนั้นก็ลองมาลองดูกัน” ลู่ซุนพูดอย่างสบายๆ
“ติ๊ง ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับคีมภีร์ระดับพื้นฐาน ‘เฟิงหยุน’”
***风云 การ์ตูนชุดของฮ่องกงที่ตีพิมพ์ในปี 1989 ไม่เห็นชื่อไทยดังนั้นของทับศัพท์ไปนะครับ