ตอนที่ 119 : อันเดต ! โรคห่าใช้ไม่ได้ผล !
ตอนที่ 119 : อันเดต ! โรคห่าใช้ไม่ได้ผล !
“หือ ?” ที่ทุ่งหญ้าไกลออกไปกว่า 100 กม. สีหน้าของนักบวชจีโนนั้นเปลี่ยนไป
“กลิ่นอายเขาหายไป ? เป็นไปได้ยังไง ?”
“คัมภีร์วาร์ป ? เป็นไปไม่ได้ ไม่เห็นเกิดมิติผันผวนเลยนิ ?”
“รึว่า อัศวินไวเวิร์นนี่เจอเขตแดนลับรึดันเจี้ยนเข้า ?” นักบวชจีโนฮึดฮัดออกมา “ไม่ว่าแกจะไปซ่อนที่ไหน ฉันก็จะลากตัวแกออกมาให้ได้ ! แกหนีจากกำมือฉันไม่ได้หรอก !”
....
[ โล่แสง ] !
จู้หวันติงพึมพำออกมาเบา ๆ คทาในมือเธอส่องแสงสีขาวออกมาพร้อมโล่ขาวที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าหวังตงและคนอื่น ๆ
โล่แสงนี้คือสกิลของนักบวชแสงหลังจากที่เปลี่ยนอาชีพขั้น 2 แล้ว มันมีความสามารถในการฟื้นฟูและป้องกัน
ในหมู่สกิลป้องกัน โล่แสงนั้นคือสกิลที่ได้รับความนิยมและมีประโยชน์ในการป้องกันที่สุด
มันสามารถใช้ [ โล่แสง ] กับเป้าหมายเดียวรึกลุ่มก็ได้ มันไม่ใช่แค่รับความเสียหายได้ส่วหนึ่ง ทว่ามันยังฟื้นฟูเลือดของเป้าหมายได้อีกด้วย
เธอร่ายสกิลอีกสกิลออกมา ไม่นานสกิลอีกอันก็ถูกใช้ให้กับทั้งสามคน
มันมีประกายไฟปะทุออกมาบนตัวทั้งสามคนก่อนที่ร่างของทั้งสามก็เหมือนจะลุกไหม้
[ ไฟแสง ] !
มันจะเพิ่มค่าเลือดสูงสุดและพลังป้องกันเวทย์ขึ้นมา มันมีประโยชน์อย่างมาก
จ้าวจือเหมย ผู้ใช้ค่ายกลเอาธงสีเหลืองออกมาจากช่องเก็บของและส่งมันให้กับหวังตง, จางเฟิงหยุน และเฉินเหอหราน
นี่คือค่ายกลป้องกันจากผู้ใช้ค่ายกล แกนค่ายกลนั้นอยู่ในมือจ้าวจือเหมย ตราบใดที่แกนค่ายกลไม่ถูกทำลาย งั้นค่ายกลทั้งสามอันนี้ก็จะยังอยู่
ในระยะหนึ่ง ธงทั้งสามอันจะสร้างค่ายกลป้องกันพวกเขาเอาไว้ เมื่อเห็นว่าทั้งคู่เริ่มลงมือแล้ว หลินลั่วก็ได้ยกคทาขึ้นมาเพื่อใช้สกิล
หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจก็มีพลังสีแดงโผล่มาใต้เท้าหวังตงและคนอื่น ๆ
แทบจะพร้อมกันนั้น วงแหวนสีแดงก็ปรากฏขึ้นที่มือหลินลั่ว จากนั้นวงแวนสีแดงเลือดนี้ก็ปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของทั้งสามคน
หวังตงถามขึ้นมาด้วยสีหน้าแปลกใจ “หือ ? ร่ายซ้อน ?”
“สกิลที่มาพร้อมกับอุปกรณ์น่ะ” หลินลั่วอธิบายออกมา
เขาไม่คิดเลยว่าการร่ายสกิลซ้อนที่ติดมากับอุปกรณ์ของเผ่าแวมไพร์นั้นจะเปิดการใช้งานตอนนี้
“การร่ายสกิลซ้อน ของแบบนี้ต้องแพงมากแน่ ๆ อย่างน้อยหลายแสนทอง....” หวังตงพูดขึ้นมาด้วยท่าทีอิจฉา สายตาของสาว ๆ คนอื่น ๆ ที่นั่นอย่างเฉินอี้หนานและจ้าวจือเหมยต่างก็เป็นประกาย มองไปที่หลินลั่ว
แม้แต่แฟนของหวังตง จู้หวันติงก็ยังมองไปที่หลินลั่วด้วย
“ก็ไม่ได้อะไรมาก บังเอิญได้มาน่ะ” หลินลั่วอธิบาย ทว่าทุกคนก็ยอมเชื่อ
“หือ ?” จางเฟิงหยุนพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าแปลก ๆ “หลินลั่ว นายไม่ได้ใช้ [ บทเพลงสงคราม ] ตอนแรกฉันคิดว่านายจะใช้สกิลนี้ แต่ทำไมผลของสกิลถึงได้ดีกว่าที่คิด !”
คนอื่น ๆ รีบเปิดแผลสเตตัสตัวเองมาตรวจสอบ
“มันพัฒนาร่างกาย, แรง, ความเร็วและแม้แต่พลังจิตด้วย ? มันดีกว่า [ บทเพลงสงคราม ] มันไม่มีผลกระทบร้ายแรง”
“สกิลสนับสนุนนี่ดีจริง ๆ ดีกว่า [ โล่แสง ] ของฉันเยอะเลย !”
“มันเพิ่มเลือดและพลังโจมตีให้กับแทงค์ด้วย !”
“[ สูบฉีดอะดรีนาลีน ] ? ทำไมชื่อฟังดูแปลก ๆ ?”
หลินลั่วอธิบายออกมา “ตอนที่ฉันเปลี่ยนอาชีพขั้น 2 ฉันได้เปลี่ยนอาชีพลับเป็นหมอปิศาจ ฉันเลยได้สกิลพิเศษมา บางสกิลน่ะเหมือนจะเกี่ยวกับทางแพทย์”
“ไม่แปลกใจเลย....สกิลอาชีพลับเกี่ยวกับหมอ ? ก็คล้ายกับนักบวชจริง ๆ นั่นแหละ แต่ผลของสกิลมันโคตรดีเลย !”
“สกิลฉันมันคล้ายกับ [ บทเพลงสงคราม ] ของนักบวชออร์ค แต่ได้ผลดีกว่า”
ตอนนั้นเฉินเยว่หานก็ได้วิ่งเข้ามา น้ำเสียงเขาดูกังวล !
“เร็วเข้า มอนสเตอร์มาแล้ว !”
ทุกคนต่างก็มองตามไปทันที
ร่างของเฉินเยว่หานเปลี่ยนเป็นเงาพุ่งเข้ามา หลังจากนั้นก็มีมอนสเตอร์ในร่างมนุษย์โผล่มาจากด้านหลังแทบจะทันที
มันคือชายตัวขาว ทว่าตอนนั้นผิวของเขาเป็นสีเทา กล้ามเนื้อเน่าเปื่อย ใบหน้าเปื้อนไปด้วยเลือด มีกรงเล็บที่แหลมคม เขาตามเฉินเยว่หานมาติด
“เฉินเหอหราน !”
เฉินเหอหรานพุ่งออกมาพร้อมกับโล่ ด้วยการพุ่งออกมาของเขา ดินโดยรอบก็ปูดขึ้นมาตามก่อตัวเป็เกราะดินบนตัวเขา
ตูม !
เฉินเยว่หานวิ่งผ่านไปได้ เฉินเหอหรานใช้โล่ตัวเองรับมือกับมอนสเตอร์เอาไว้ ก่อนที่ทั้งสองจะชนกันอย่างจัง
“บัดซบ ! แรงโคตรเยอะเลย !”
“หวังติง !” หวังตงตะโกนออกมาพร้อมแสงสีขาวที่ส่องประกายในตา
“มอนสเตอร์ชั้นสูงเลเวล 60 ! ค่าสเตตัสจะส่งผ่านช่องแชททีม !”
[ ตรวจจับ ]
สกิลที่สามารถตรวจจับค่าสเตตัสของมอนเตอร์ มันตรวจจับได้แม้แต่สเตตัสลับ
ผู้ปลุกพลังทั่วไปจะตรวจสอบสเตตัสของมอนสเตอร์ได้ผ่านจิตโลก พวกเขาจะรู้แค่ข้อมูลพื้นฐาน
ถ้าเลเวลของทั้งสองฝ่ายต่างกันเกินไป งั้นก็ไม่อาจจะตรวจสอบข้อมูลลับของเป้าหมายได้
[ ตรวจจับ ] นั้นจะทำให้ได้ข้อมูลของมอนสเตอร์ที่แม่นยำและมากกว่า หวังตงและเจิ้งเฟิงหยุนพากันพุ่งเข้ามาจากทางซ้ายและขวา
หวังตงใช้หอก จางเฟิงหยุนใช้มีดคู่ ทั้งสามต่างก็ร่วมมือกันเพื่อรับมือกับมอนสเตอร์เอาไว้อย่างยากลำบาก
หม่าห้าวเซียงสะบัดมือไปมาพร้อมวาฬตัวใหญ่ที่ยิงเอาใบมีดลมออกมาใส่มอนสเตอร์จนทำให้เลือดกระจายออกมา
“นักเวทย์ไฟ, นักเวทย์ลม ? ถือว่า....นี่คือธาตุที่โจมตีได้แรงที่สุด”
หลินลั่วใช้โอกาสนี้ตรวจสอบสเตตัสของมอนสเตอร์ในช่องแชททีม
[ ชื่อ – ผีดิบ (เทียม)
เผ่า - ปิศาจ/อันเดต
เลเวล – 60
แรง – 180
ร่างกาย – 185
ความเร็ว – 99
สติปัญญา – 32
พลังโจมตี – 380-460
เลือด – 25,000/25,000
สกิล – โจมตีพิษ, กลืนกินศพ
โจมตีพิษ – ผีดิบ (เทียม) จะใช้พิษในการโจมตี เมื่อติดพิษนี้แล้วจะทำให้เปลี่ยนเป็นผีดิบ
กลืนกินศพ – ผีดิบสามารถฟื้นฟูเลือดและพลังจิตตัวเองได้ด้วยการกินศพ
จุดอ่อน - แสง, ไฟ, สายฟ้า
คำอธิบาย – ผีดิบที่เกิดขึ้นจากไวรัสที่ปล่อยออกมาโดยคนลึกลับ แต่เดิมแล้วเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ]
ข้อมูลที่จู้หวันติงได้มานั้นได้บอกสเตตัสและคำอธิบายสกิลรวมถึงจุดอ่อนของมันด้วย !
หากเทียบกับข้อมูลที่ผู้ปลุกพลังทั่วไปได้ ข้อมูลพวกนี้ดีกว่ามาก
“เหี้ย ! ผีดิบ ! ฉันโดนมันข่วนมา ! ” เฉินเยว่หานตะโกนออกมา “จู้หวันติง ! ฮีลที !”
จู้หวันติงยกคทาในมือขึ้นร่ายสกิลแสงสีขาวให้กับเฉินเยว่หาน
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที สีหน้าของเฉินเยว่หานก็บิดเบี้ยวไป
“ไม่ ! เลือดฟื้นฟูมาแค่เล็กน้อย ทว่าพิษน่ะยังไม่หาย ฉันคงเปลี่ยนเป็นผีดิบในเวลา 10 นาทีแน่”
จู้หวันติงรีบพูดขึ้นมา “สกิลล้างพิษของฉันเลเวลยังไม่สูงนัก นายรีบใช้ยาแก้พิษเร็ว !”
เฉินเยว่หานรีบเอาขวดยาออกมากิน ทว่าสีหน้าเขาก็ยังบิดเบี้ยวเหมือนเดิม
ชัดแล้วว่ายาแก้พิษพวกนี้ไม่ได้ดีนัก มันลบพิษนี้ออกไปได้ไม่หมด
“ผมของลองหน่อย !” พูดจบหลินลั่วก็ยกคทาขึ้นมาพร้อมแสงสีฟ้าที่พุ่งไปที่ตัวเฉินเยว่หาน
[ หัวใจชำระล้าง ] !
[ หัวใจชำระล้าง (เปิดใช้งาน) ใช้พลังจิตจำนวนหนึ่ง สามารถใช้สกิลนี้กับเป้าหมายเดียวรึหลายเป้าหมายก็ได้ มีโอกาสลบอาการผิดปกติของเป้าหมาย สามารถฟื้นฟูพลังจิตของเป้าหมายได้จำนวนหนึ่ง ]
สกิลที่ติดมากับคทา
“หือ ?” เฉินเยว่หานตาเป็นประกายขึ้นมา “ขอบคุณมากน้องชาย ! สกิลล้างพิษของนาย.....[ หัวใจชำระล้าง ] ? สกิลนี้ดีจริงๆ ไม่ใช่แค่ลบพิษได้ แต่ยังฟื้นฟูพลังจิตของฉันที่เสียไปได้ด้วย”
“ไม่ต้องพูดแล้ว ! รีบมาช่วยหน่อย !” หวังตงตะโกนออกมา พวกเขาสามคนรับมือกับผีดิบไม่ไหวและต้องถอยกลับมาอย่างต่อเนื่อง
คนอื่น ๆ ต่างก็โจมตีออกไปทันที
เฉินเยว่หานเปลี่ยนเป็นเงาโผล่มาด้านหลังผีดิบและใช้มีดแทงเข้าที่สมองของผีดิบ
“มันกลัวแสง, ไฟ และสายฟ้า ! หม่าห้าวเซียง นายใช้ใบมีดลมตัดแขนมัน ! ฉางอี้หนาน นายเป็นตัวโจมตีหลัก !”
“ได้ !”
ทั้งสองต่างก็ตอบตกลง หม่าห้าวเซียงได้ใช้บีดลมโจมตีที่แขนของผีดิบ สุดท้ายก็ตัดแขนซ้ายของผีดิบไปได้ !
เฉินอี้หนานได้ใช้ลูกไฟระเบิดใส่ผีดิบอย่างต่อเนื่อง สำหรับจู้หวันติง ครั้งนี้เธอสร้างกระสุนแสงเพื่อโจมตีเข้าใส่ผีดิบ
“นี่เหรอสู้กันเป็นทีม...” หลินลั่วพึมพำออกมา
ทุกคนต่างก็มีประโยชน์และหน้าที่ของตัวเอง
นักรบ, แทงค์, นักเวทย์ และพวกสนับสนุนต้องช่วยเหลือกันเพื่อฆ่าศัตรูให้ได้โดยเร็วที่สุด พวกเขาฝากชีวิตไว้กับเพื่อนในทีม
น่าเสียดายที่หลายสกิลที่เขามีตอนนี้เป็นสกิลโจมตี มันไม่เหมาะที่จะใช้กับการต่อสู้เป็นทีม เขาควรจะอยู่ตัวคนเดียว
“...” หลินลั่วมองไปที่ผีดิบที่โดนล้อม มันมีผีดิบตัวอื่น ๆ ไล่ตามหลังมา มันทำให้สายตาของเขาหม่นลง
“มอนสเตอร์ที่นี่คือพวกผีดิบ ผีดิบเป็นอันเดต [ โรคห่าระบาด ] ของฉันใช้กับพวกมันไม่ได้ผล !”
“ทำยังไงดี ? รึว่าต้องกลับไปมือเปล่า ?”
เกือบ 5-6 นาทีเต็ม งูไฟจากฉางอี้หนานก็พุ่งออกมารัดตัวผีดิบก่อนที่จะเผามันเป็นศพแห้ง ๆ แล้วฟาดมันลงกับพื้น
ไอเทมหลายอย่างดรอปออกมาจากศพของมัน
“ของดรอปเยอะดีนิ !”
พวกเขาพากันตะโกนออกมา เฉินเยว่หานวิ่งเข้าไปเก็บไอเทมด้วยความตื่นเต้น
“เหี้ย ! อาวุธระดับเงิน ! มีด ! ฉันใช้ได้พอดี ! ฮ่าฮ่า....”
พวกนี้เป็นทีมเดียวกัน หลินลั่วเห็นการจัดแบ่งไอเทมผ่านช่องแชททีม นอกจากไอเทมทั่วไปกับเหรียญทองแล้ว มันก็ยังมีมีดของผีดิบอยู่ด้วย
[ ชื่อ – มีดผีดิบ (ระดับเงิน)
ความคงทน – 600/600
ประเภท – อาวุธ
ข้อกำหนด - เลเวล 50, แรง 130 หน่วย, ร่างกาย 80 หน่วย, ความเร็ว 150 หน่วย, สติปัญญา 25 หน่วย จำกัดแค่นักฆ่าและโจร
ผล - แรง +10, ความเร็ว +30, โอกาสติดคริติคอล +15%, โจมตีทะลุ +10%
สกิลเพิ่มเติม - โจมตีพิษ (ติดตัว) หลังจากที่ใส่อาวุธนี้แล้วการโจมตีแต่ละครั้งจะมีโอกาสสร้างการโจมตีพิษ ทำให้เป้าหมายติดพิษ
สกิล 2 – ดูดเลือด(ติดตัว) ...... ]