ตอนที่แล้วข้านี่แหละจอมเวทไร้เทียมทาน ตอนที่ 26
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปข้านี่แหละจอมเวทไร้เทียมทาน ตอนที่ 28

ข้านี่แหละจอมเวทไร้เทียมทาน ตอนที่ 27


ข้านี่แหละจอมเวทไร้เทียมทาน ตอนที่ 27

ในระหว่างทาง หลินอวี่ก็ได้ทำการขยายพลังให้แต่ละสกิล จากนั้นเขาจึงไปยังร้านขายโพชั่นและซื้อน้ำยาฟื้นฟูพลังชีวิตและน้ำยาฟื้นฟูพลังมานากลับมาเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งซื้อไอเท็มพิเศษบางส่วน

ภารกิจเลื่อนคลาสนั้นสามารถทำได้โดยลำพังเท่านั้น ไม่อาจรับความช่วยเหลือจากผู้อื่นได้

ไม่อย่างนั้นเขาคงนำคนบ้าแซ่จั่วมาคอยฮีลให้

ตอนนี้เขามีเลเวล 10 ดังนั้นจึงใช้ได้แต่น้ำยาฟื้นฟูระดับต่ำ

-----------------------------------------------

น้ำยาฟื้นฟูพลังชีวิต(ระดับต่ำ):

ฟื้นฟูพลังชีวิต 200 หน่วย ในเวลา 10 วินาที

ระดับไอเท็ม: เลเวล 10

-----------------------------------------------

เมื่อเห็นตัวเลข 200 หลินอวี่ก็แทบจะอักเลือดออกมา

ยังดีที่เขาสามารถขยายพลังได้

-----------------------------------------------

น้ำยาแห่งพลังชีวิต:

ฟื้นฟูพลังชีวิตทันที 20% หลังจากดื่ม จากนั้นจะทำการฟื้นฟูพลังชีวิต 4,000 หน่วย ในเวลา 10 วินาที

ระดับไอเท็ม: เลเวล 10

-----------------------------------------------

เมื่อเทียบคุณสมบัติกันแล้ว หลินอวี่ก็พูดไม่ออก

กะแล้วเชียว

เช่นเดียวกับน้ำยาฟื้นฟูมานา

-----------------------------------------------

น้ำยาแห่งมานา:

ฟื้นฟูพลังมานาทันที 20% หลังจากดื่ม จากนั้นจะทำการฟื้นฟูพลังชีวิต 5,000 หน่วย ในเวลา 10 วินาที

ระดับไอเท็ม: เลเวล 10

-----------------------------------------------

หลินอวี่ต้องการจะทำการขยายพลังไว้อย่างละ 100 ขวด

ทว่าระบบได้แจ้งว่าเขามีค่าประสบการณ์ไม่เพียงพอ

หลินอวี่เปิดหน้าต่างค่าสถานะขึ้นมาดูแล้วก็พบว่าเขาเหลือค่าประสบการณือยู่เพียง 34

นี่มัน.....

ไม่ใช้เร็วเกินไปหน่อยเหรอ?

แค่ได้แต่ไปเก็บค่าประสบการณ์เพิ่มในวันพรุ่งนี้ล่ะนะ จากนั้นจึงค่อยมาขยายพลังให้ไอเท็มที่จำเป็นต่อ

มองดูท้องฟ้าที่มืดไปแล้ว

หลินอวี่ก็ตรงกลับบ้าน

...........

เช้าวันต่อมา ภายในห้องเรียน

หลังจากหลินอวี่หย่อนก้นลงนั่งได้ไม่นาน หยานจีและจั่วมู่เกอก็มาถึง

ทั้งสองมองดูหลินอวี่ด้วยสีหน้าสงสัยใคร่รู้

หลินอวี่ "?"

เขามองสองสาวก่อนจะพูดขึ้นว่า "เราเพิ่งเคยเจอกันรึไง? หรือว่าฉันควรจะยอมกลั้นใจให้พวกเธอหอมคนละที?"

หลินอวี่เคาะแก้มของตัวเองเบาๆ

"หน้าไม่อาย...."

ก่อนที่หยานจีจะได้พูดจบ จั่วมู่เกอก็เดินเข้ามา

จานั้นหลินอวี่ก็สัมผัสได้ถึงความอุ่นร้อนตรงแก้ม

หลินอวี่ "???"

อะไรกันครับเนี่ย?!

ให้ตายเถอะ นี่เขาถูกฉวยโอกาสงั้นเหรอ?!

เขายังไม่ได้เตรียมใจเลยด้วยซ้ำ แค่กๆ...

เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูสับสนของหลินอวี่ จั่วมู่เกอก็เผยยิ้มชั่วร้ายและยื่นมือออกมา

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ หากแต่สองมือของจั่วมู่เกอเต็มไปด้วยฟองสบู่แล้วเรียบร้อย

"เหอๆ อาหวี่เอยอาหวี่ คงไม่ได้คิดจริงๆหรอกสินะว่าฉันจะชอบนายน่ะ?"

"คิกๆ สีหน้านายตอนนี้ตลกชะมัด เหมือนกับถูกเด็กผู้หญิงรังแกเลย!"

จั่วมู่เกอหัวเราะอย่างสะใจ ขณะที่สีหน้าของหลินอวี่มืดครึั้ม

แม้แต่หยานจีก็ยังรู้สึกกลัวกับอาการผีเข้าผีออกของจั่วมู่เกอ แต่เมื่อได้ยินคำอธิบาย เธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดหน่อย

จากนั้นเธอจึงยิ้มออกมา

หลินอวี่ "....."

หลินอวี่ขมวดคิ้วก่อนจะยื่นมือจับหัวของจั่วมู่เกอด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะที่มืออีกข้างคลึงนวดแก้มจั่วมู่เกอจนหน้าตาบูดบึ้ง

"ฉะ...ฉันผิดไปแล้ว พี่ชายยกโทษให้ฉันเถอะนะ!"

หลินอวี่แค่นเสียง มาแกล้งเขาแบบนี้แล้วยังร้องขอความเมตตางั้นเหรอ?

ช่างไร้เดียงสานัก!

เขายังคงบีบแก้มคนบ้าแซ่จั่วต่อไป!

จั่วมู่เกอที่แววตาสิ้นหวังยื่นมือออกไปขอความช่วยเหลือจากหยานจีเพื่อนรัก

หยานจียิ้มขณะยื่นมือออกมาจับมือของจั่วมู่เกอไว้ จั่วมู่เกอเผยสีหน้าซาบซึ้งใจ

ยังไงเสี่ยวจีจีก็ดีกับฉันที่สุด!

จากนั้นเธอก็ได้ยินหยานจีพูดขึ้นทั้งรอยยิ้มว่า

"อาหวี่ ฉันช่วยจับยัยนี่ไว้แล้ว อยากจะทำอะไรก็ทำเลย ไม่ต้องเห็นแก่หน้าฉัน!"

จั่วมู่เกอ "???"

"เสี่ยวจีจี ยัยคนงี่เง่า!"

หยานจีเลิกคิ้วก่อนจะเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจ

นานๆทีจะมีโอกาสได้แก้แค้นจั่วมู่เกอดังนั้นเธอย่อมไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปแน่

หลินอวี่แค่นเสียง

"ทำใจซะเถอะ ไม่มีใครมาช่วยเธอได้ทั้งนั้นต่อให้เธอจะร้องขอความช่วยเหลือก็ตาม!"

พูดจบ หลินอวี่ก็ชะงัก

เดี๋ยวนะ นี่คงไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเราหรอกใช่มั้ย??

หรือว่าเราเสียสติไปแล้ว?

ช่างเถอะ

หลังจากนั้นสักพัก เขาก็ถอนมือกลับด้วยความพึงพอใจ จั่วมู่เกอยกมือปิดหน้าที่แดงลามไปถึงลำคอ เธอนอนฟุบไปบนโต๊ะด้วยความรู้สึกที่พ่ายแพ้

หลินอวี่น่ากลัวเกินไปแล้ว!

จากนั้นหลินอวี่ก็หันไปพูดกับหยานจีว่า

"มีเรื่องอะไร? ทำไมเธอถึงมองฉันแบบนั้น?"

หยานจียกมือลูบผมสีแดงเพลิงของเธอ เมื่อครู่เธอยังแอบบีบหน้าอกจั่วมู่เกอเป็นการแก้แค้นไปสองสามที ทำให้ตอนนี้เธออารมณ์ดีมาก

"นายเองก็กำลังจะเลื่อนคลาสสินะ? นายวางแผนจะเลือกภารกิจระดับไหนเหรอ?"

"ใช่ๆ พวกเราฆ่านักรบโครงกระดูกและหนูดีบุกไปตั้งมากมาย เลเวลก็น่าจะอยู่ในระดับเดียวกันแล้ว ค่าประสบการณ์ของพวกฉันใกล้จะเต็มแล้ว นายที่เป็นคนลงมือหลักคงมีค่าประสบการณ์มากกว่าพวกเรา"

หยานจีเองก็พูดขึ้น

หลินอวี่ชะงัก

"ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง พวกเธอล่ะ เลือกระดบไหนกัน?"

หยานจีและจั่วมู่เกอหันไปมองหน้ากัน จากนั้นหยานจึจึงพูดขึ้นด้วยความลังเล

"ฉันยังไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าจะเลือกระดับจักรพรรดิหรือว่าระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ดี...."

ในฐานะผู้มีอาชีพหายากที่ทรงพลัง และเป็นผู้มีพลังพิเศษที่มีพรสวรรค์ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากตระกูล หยานจีจึงไม่คิดจะพิจารณษถึงระดับของภารกิจที่ต่ำกว่าจักรพรรดิ

จั่วมู่เกอที่มีอาชีพหายากเช่นกันก็มีท่าทางลังเล

"พ่อบอกให้ฉันเลือกระดับจักรพรรดิ ซึ่งนั่นจะปลอดภัยกว่า หากว่าเลือกระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ โอกาสที่จะสำเร็จก็คงมีไม่เกิน 30%"

หลินอวี่พยักหน้า เขาทราบถึงพลังต่อสู้ของหยานจีและจั่วมู่เกอดี

ต่อให้พวกเธอไม่มั่นใจว่าจะผ่านภารกิจระดับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ แต่พวกเธอก็ยังพอจะรู้ระดับความยากของมัน

ภารกิจเลื่อนคลาสในระดับฝึกหัดนั้นจะง่ายกว่าคลาสอื่นๆ

"อาหวี่ แล้วนายล่ะ?"

หยานจีจ้องมองหลินอวี่

"ฉัน? ฉันว่าจะเลือกระดับอีเทอร์นอลส์"

หลินอวี่ยิ้มอย่างมั่นใจ

"อะไรนะ?!"