ตอนที่แล้วตอนที่ 41 ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นแปด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 43 ฉากงดงาม

ตอนที่ 42 การเตรียมพร้อม


ตอนที่ 42 การเตรียมพร้อม

หลินมู่ยืนอยู่ในลานบ้านตลอดทั้งคืน

คืนนี้เขาไม่ได้ฝึกวิชา ไม่ได้ฝึกคาถาใด ๆ เพียงแต่เงยหน้ามองดวงดาวเต็มท้องฟ้า มองจนคอเริ่มเมื่อยล้า ดวงตาเริ่มพร่ามัวแต่เขากลับไม่รู้สึกอะไร

จนกระทั่งรุ่งอรุณมาถึง แสงดาวเลือนหายไป หลินมู่จึงรู้สึกตัว

หลินมู่ฝืนยิ้มให้กับตัวเองเล็กน้อย

ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือนก่อนการประลองใหญ่จะมาถึง เวลาครึ่งเดือนนี้เพียงพอให้หลินมู่เตรียมตัวให้พร้อม

สิ่งแรกที่ต้องทำแน่นอนคือการสร้างความมั่นคงในขอบเขตยุทธ์

ยิ่งเข้าใกล้ช่วงปลายของการฝึกฝน การทะลวงผ่านแต่ละครั้งจะไม่เสถียร หากไม่ระมัดระวัง อาจถอยกลับไปยังขอบเขตเดิมได้ การถอยกลับนั้นง่ายแต่การขึ้นมาใหม่จะยากขึ้นอย่างน้อยสองเท่าจากการก้าวข้ามครั้งแรก

หลินมู่ไม่ต้องการให้เกิดความผิดพลาดเช่นนั้น

เขาใช้เวลาตอนกลางวันฝึกตนในมิติวังวนจันทราเพื่อให้ขอบเขตพลังมั่นคงขึ้น

จี้วังวนจันทราได้รับการบ่มเพาะจากหลินมู่อย่างตั้งใจ ทุกค่ำคืนดูดซับแสงจันทร์ ปัจจุบันสีเปลี่ยนจากเขียวอ่อนเป็นเขียวเข้ม หลินมู่คาดว่าอีกไม่นานจี้วังวนจันทรานี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง หลินมู่ตั้งตารอคอยการเปลี่ยนแปลงของจี้วังวนจันทรามาก เพราะที่ดินวิญญาณในมิติวังวนจันทราเป็นที่ดินวิญญาณระดับสามแล้ว หากจะเปลี่ยนแปลงอีกก็จะกลายเป็นระดับสี่

เท่าที่หลินมู่รู้ ที่ดินปลูกยาข้างในหุบเขาอุ่นเมฆาของสำนักดาบพันปักษามีระดับสูงสุดก็แค่ระดับห้า และที่ดินวิญญาณระดับห้าก็มีเพียงแค่สามหมู่เท่านั้น

การเปลี่ยนแปลงของจี้วังวนจันทราไม่ได้แสดงออกมาแค่ที่ที่ดินวิญญาณเท่านั้น

ปราณวิญญาณในมิติวังวนจันทราก็ยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น

หลินมู่คาดว่าตอนนี้ตนเองฝึกตนในมิติวังวนจันทรา น่าจะพอเทียบเท่ากับสถานที่ฝึกตนของศิษย์ในได้แล้ว

สำนักดาบพันปักษาตั้งอยู่ในถ้ำสวรรค์พรอันศักดิ์สิทธิ์ ปราณวิญญาณเข้มข้นทุกหนทุกแห่ง แต่ก็มีความแตกต่างกัน ยอดเขาตะวันตกที่เหล่าศิษย์ชั้นนอกอย่างหลินมู่อาศัยอยู่นั้น ถือว่าเป็นสถานที่ที่มีปราณวิญญาณเบาบางที่สุด ถ้ำที่เหล่าชั้นศิษย์ในอยู่อาศัย ปราณวิญญาณข้างในนั้นเข้มข้นยิ่งกว่ายอดเขาตะวันตกมาก ยอดเขาไม่กี่ลูกที่เหล่าผู้อาวุโสอยู่อาศัยเป็นสถานที่ที่ปราณวิญญาณเข้มข้นที่สุด แถมยังมีพลังจากค่ายอาคมขนาดใหญ่อีกด้วย

นอกจากปราณวิญญาณที่เข้มข้นแล้ว ที่พักอาศัยของเหล่าศิษย์ชั้นใน และผู้อาวุโส ยังมีเส้นโลหิตวิญญาณใต้ดิน

เส้นโลหิตวิญญาณก็มีปราณวิญญาณอันอุดมสมบูรณ์ แม้กระทั่งมากกว่าปราณวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในผืนฟ้า เส้นโลหิตวิญญาณเหล่านี้กระจายไปทั่วทุกยอดเขา มีแขนงมากมาย แต่ถูกเหล่าศิษย์ชั้นในจับจองตามขอบเขตยุทธ์สูงต่ำหมดแล้ว

ศิษย์ชั้นนอกอย่างหลินมู่ไม่มีวาสนาได้เสพสุขเช่นนั้น

ปราณวิญญาณในจี้วังวนจันทราที่เข้มข้นขึ้นจึงนับเป็นข่าวดีสำหรับหลินมู่

อย่างน้อยในเรื่องทรัพยากรหลินมู่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าศิษย์ชั้นในเท่าไหร่

เวลาที่เหลือจากการฝึกตน หลินมู่ก็ใช้ไปกับการฝึกฝนเคล็ดวิชาทั้งหมด

วิชาควบคุมลมยิ่งฝึกฝนทุกวัน ยิ่งฝึกฝนบ่อยครั้ง หลินมู่ในตอนนี้ร่ายวิชาควบคุมลมได้อย่างง่ายดาย ไม่เปลืองแรงแม้แต่น้อย ผลของวิชาควบคุมลมก็ทำให้หลินมู่พอใจมาก ด้วยพลังเสริมจากวิชาควบคุมลม ความเร็วในการเคลื่อนที่บนพื้นของหลินมู่เพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า

หากจะกล่าวว่าเบาหวิวดุจขนนกก็ไม่ผิด

หากเหาะเหินไปกับสายลมก็สามารถคงอยู่ได้ราวหนึ่งก้านธูป ความเร็วก็จะช้ากว่าบนพื้นเล็กน้อย เพราะในอากาศไม่มีที่ยืมแรง การบินไปข้างหน้าและเปลี่ยนทิศทาง ล้วนต้องอาศัยพลังวิญญาณในร่างกาย ในการประลองย่อมไม่อาจลอยอยู่ในอากาศได้นาน ประการแรกคือเป้าหมายใหญ่เกินไปโดนโจมตีได้ง่าย ประการที่สองคือสิ้นเปลืองพลังวิญญาณมาก ในการต่อสู้กับผู้อื่นจะเสียเปรียบในด้านพลังวิญญาณ ขอบเขตยุทธ์ของหลินมู่แค่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นแปด ในด้านพลังวิญญาณเมื่อเทียบกับผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเก้า ขั้นสิบก็ถือเป็นรองอยู่แล้ว หากยังกระทำสิ่งสิ้นเปลืองพลังวิญญาณอีกก็จะยิ่งเป็นผลเสียต่อตนเอง

ส่วนวิธีป้องกัน หลินมู่ก็ทำได้เพียงเท่านี้

พวกเครื่องรางมีผลดีในการป้องกันก็มีมากมาย แต่ยังห่างไกลจากตัวเขา เครื่องรางระดับต่ำธรรมดา ๆ ก็ต้องใช้หินวิญญาณระดับต่ำอย่างน้อยหลายสิบก้อน แน่นอนว่าตอนนี้หินวิญญาณไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลินมู่ ปัญหาคือแม้แต่เครื่องรางระดับต่ำก็ต้องใช้เวลาหลอมรวมนานมากถึงจะใช้ได้ ไม่มีเวลาว่างสองสามเดือนก็อย่าหวังว่าจะหลอมรวมสำเร็จ

กระบวนการนี้ใช้เวลานานเกินไป หลินมู่ในตอนนี้ทำได้เพียงล้มเลิก แถมพลังของเครื่องรางระดับต่ำก็ไม่ได้มากมายเมื่อเทียบเท่ากับคาถาของหลินมู่ หลินมู่ไม่อยากลำบากเสียเวลาหลายเดือนเพียงเพื่อหลอมรวมเครื่องรางระดับต่ำที่ใช้ได้ไม่นาน

สิ่งที่เขาอยากหลอมรวมที่สุดคืออาวุธเวทมนตร์ระดับกลาง!

อาวุธเวทมนตร์ระดับกลางเป็นเครื่องรางที่ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานส่วนใหญ่นิยมใช้ ในหมู่ผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณมีคนใช้น้อยมาก เหตุผลประการแรกคือแพงเกินไป คนที่ฐานะยากจนไม่มีปัญญาซื้ออาวุธเวทมนตร์ระดับกลาง ประการที่สองคือเวลาที่ใช้ในการหลอมรวมนานเกินไป สำหรับผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณหากไม่มีปีครึ่งก็อย่าหวังว่าจะหลอมรวมอาวุธเวทมนตร์ระดับกลางสำเร็จสักชิ้น

แต่เมื่อหลอมรวมสำเร็จ พลังจะมหาศาล อาวุธเวทมนตร์ระดับกลางชั้นดีบางชิ้น ในมือของผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณก็สามารถแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ได้ แม้แต่ท้าทายผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานข้ามขั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

เป้าหมายของหลินมู่คือการได้เป็นหนึ่งในห้าอันดับแรก และได้รับอาวุธเวทมนตร์ระดับกลางหนึ่งชิ้น

นอกจากวิชาควบคุมลมแล้ว หลินมู่ก็ยังฝึกฝนเคล็ดจิตแห่งดาราอยู่บ่อยครั้ง

ด้วยการฝึกฝนอย่างหนักของหลินมู่วิชาหนามจิตสำนึกก็สามารถควบคุมได้ดังใจแล้ว

ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับหลินมู่ สิ่งสำคัญที่สุดคือเคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุ

นี่คือกุญแจสำคัญที่เขาจะเอาชนะศัตรูได้!

เคล็ดเพลิงโรมรัน เคล็ดหลอมโลหะ เคล็ดวารีมรกต เคล็ดปฐพีแน่นหนา หลินมู่ฝึกฝนทั้งหมดจนชำนาญ

รากวิญญาณห้าธาตุก็ไม่มีอะไรไม่ดี มีข้อได้เปรียบที่รอบด้าน ในการต่อสู้กับศัตรู หลินมู่สามารถปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ได้ตามคู่ต่อสู้

หากอีกฝ่ายเป็นรากวิญญาณธาตุไฟ เรียนรู้คาถาธาตุไฟ หลินมู่ก็จะใช้วิชาวารีมรกตตอบโต้ หากอีกฝ่ายใช้คาถาธาตุทอง หลินมู่ก็จะใช้เคล็ดเพลิงโรมรันรับมือ

ห้าธาตุทั้งห้าต่างส่งเสริมและข่มกัน น้ำข่มไฟ ไฟข่มทอง ทองข่มไม้ ไม้ข่มดิน ดินข่มน้ำ ส่งเสริม และข่มกัน หมุนเวียนไม่สิ้นสุด

การฝึกฝนเคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุ หลินมู่ไม่เคยขาดแม้แต่วันเดียว

ในวันก่อนการประลองจะมาถึง หลินมู่ยังคงฝึกฝนเคล็ดเพลิงโรมรันอยู่ในลานบ้าน หากมีคนเห็นหลินมู่ฝึกฝนในตอนนี้ พวกเขาคงต้องตกใจมากแน่

เห็นเพียงลูกไฟพลิ้วไหวไปมาอยู่รอบตัวหลินมู่อย่างคล่องแคล่ว ว่องไวผิดกับคาถาระดับต่ำโดยสิ้นเชิง

คาถาระดับต่ำหลังจากร่ายออกไปแล้ว ผู้ฝึกตนจะไม่สามารถควบคุมทิศทางของมันได้อีก แต่สิ่งที่หลินมู่แสดงออกมาในตอนนี้นั้นเหนือกว่าคาถาระดับต่ำไปมาก ไม่ต่างอะไรกับคาถาระดับกลาง แต่พลังเมื่อเทียบกับคาถาระดับกลางก็ยังห่างไกลกันมาก เพียงแค่เหนือกว่าคาถาระดับต่ำไปเล็กน้อย

นี่คือผลลัพธ์จากการฝึกฝนของหลินมู่ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

คาถาระดับต่ำฉบับคาถาระดับกลางนี้ หลินมู่ตัดสินใจใช้เป็นไม้ตายใช้ในช่วงเวลาสำคัญ เชื่อว่าจะสามารถสร้างความประหลาดใจให้กับผู้อื่นได้อย่างแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น บนพื้นฐานนี้หลินมู่ยังได้นำกระสุนเพลิงสี่วิถีของหม่าฮวาหยวนมาดัดแปลง หลังจากฝึกฝนอย่างหนักหลินมู่ก็สามารถร่ายเคล็ดเพลิงโรมรันสามลูกต่อเนื่องได้ พลังก็ไม่ด้อยไปกว่ากระสุนเพลิงสี่วิถีของหม่าฮวาหยวน

ขณะเดียวกันในบรรดาลูกไฟสามลูกที่ร่ายออกไป หลินมู่ยังสามารถควบคุมทิศทางของลูกไฟสองลูกได้อย่างอิสระทำให้ยากต่อการป้องกัน

ด้วยความสามารถเหล่านี้ หลินมู่เต็มไปด้วยความมั่นใจ แม้ขอบเขตยุทธ์จะต่ำกว่าเล็กน้อย แต่ในสำนักดาบพันปักษาเขาก็ไม่กลัวใครทั้งนั้น

ตกบ่ายหลินมู่หยุดฝึกตน ล้างเนื้อล้างตัว แล้วมุ่งหน้าสู่ยอดเขาขนนก

ที่ลานกว้างหน้าวิหารขนนก มีผู้คนมากมายมารวมตัวกันอยู่จุดเดียว ซึ่งก็คือจุดลงทะเบียนสำหรับการประลองใหญ่ของศิษย์ชั้นนอก

เหล่าศิษย์ชั้นนอกที่ล้อมรอบศิษย์ชั้นในผู้นั้น ส่วนใหญ่มาลงทะเบียนทั้งสิ้น มีทั้งขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเจ็ด ขั้นแปด และบางคนที่หลินมู่ดูไม่ออกว่าขอบเขตยุทธ์ลึกตื้นแค่ไหน คิดว่าน่าจะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเก้า ขั้นสิบ แน่นอนว่าข้าง ๆ ก็มีผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นห้า ขั้นหกอยู่ไม่น้อย พวกเขามาดูคนอื่นลงทะเบียน และรอรับชมความสนุกสนาน

หลินมู่มองแวบเดียวก็รู้ว่าศิษย์ชั้นในที่นั่งอยู่ตรงกลางนั้น เป็นคนรู้จักของเขาพอดี เป็นศิษย์โถงคุมกฎฉีเฟิง

หลินมู่แหวกฝูงชนเดินเข้าไปหาฉีเฟิงที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะแล้วพูดว่า "ข้าก็จะมาลงทะเบียนด้วย"

ฉีเฟิงเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าเป็นหลินมู่ก็ยกยิ้มกว้างแล้วพูดว่า "ที่แท้ก็ศิษย์น้องหลินมู่นี่เอง ว่าไง? เจ้าก็สนใจอาวุธเวทมนตร์ระดับกลางด้วยหรือ?"

หลินมู่ยิ้มเล็กน้อย "ข้าแค่อยากร่วมสนุก ได้เคลื่อนไหวบ้างสักหน่อยก็คงดีเหมือนกัน ความจริงแล้วก็สัมผัสบรรยากาศของเหล่าผู้เก่งกาจในสำนักสักหน่อย"

ฉีเฟิงยิ้มแล้วพูดว่า "ก็ดีเหมือนกัน งั้นขอให้ศิษย์น้องโชคดี นี่! ป้ายของเจ้า หมายเลขหกร้อยหกสิบหกเป็นเลขมงคลมาก หวังว่าศิษย์น้องจะราบรื่นทุกสิ่ง"

หลินมู่ยิ้มรับ "ขอให้เป็นเช่นนั้น ขอบคุณศิษย์พี่มากแล้ว"

"ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อย" ฉีเฟิงยิ้มแล้วตะโกนบอกคนที่อยู่ข้างหลังว่า "คนต่อไป"

หลินมู่ยิ้มพยักหน้าให้ฉีเฟิง ถือป้ายเดินออกจากยอดเขาขนนก

ด้านหลังที่จุดลงทะเบียนกลับมีเสียงโต้เถียงดังขึ้น หลินมู่จึงอดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้า

"ไม่ยุติธรรม เหตุใดเมื่อครู่คนผู้นั้นนั้นได้ป้ายหมายเลขหกร้อยหกสิบหก แต่ข้ากลับได้หกร้อยหกสิบสี่?" เสียงทุ้มต่ำตะโกนขึ้น

ฉีเฟิงเจอเรื่องแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ตอนนี้เจอคนหัวดื้ออีก ทว่าเขากลับเกียจคร้านไม่แม้แต่จะอธิบาย

"เพราะคนนั้นหล่อกว่าเจ้า!" ฉีเฟิงมองหน้าคนนั้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ใบหน้าเรียบเฉย

คนนั้นรู้สึกเศร้าโศกก่อนจะคำรามด้วยความโกรธ "เจ้ากล้าดูถูกใบหน้าข้า!" แล้วก็ถอนหายใจอย่างน่าสงสาร "แต่ที่ข้าเกิดมาหน้าตาขี้เหร่ก็ไม่ใช่ความผิดข้านี่!"

"แต่เจ้าออกมาทำให้คนตกใจก็ไม่ถูกต้องแล้ว!" ทันใดนั้นก็มีคนพูดแทรกขึ้น

ด้านหลังดังขึ้นเสียงหัวเราะทันที

เมื่อได้ยินดังนั้น หลินมู่ก็ยิ้มเล็กน้อย พร้อมเดินออกจากยอดเขาขนนกมุ่งหน้าสู่ยอดเขาตะวันตก

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด