บทที่ 93 แขกผู้มาเยือน
“ตอนนี้ ข้าก็สามารถไปยังสำนักซวนหยวนได้โดยไม่ต้องห่วงสิ่งใดแล้ว”
หลังจากจัดการเรื่องของโม่หลินแล้ว หลัวเฉิงก็ตั้งใจจะใช้เวลาอีกสองวันเพื่ออยู่กับผู้คนในตระกูลตนให้มากที่สุด จากนั้นจึงออกเดินทางไปที่สำนักซวนหยวน!
เมื่อหลัวเฉิงเต็มไปด้วยความต้องการที่จะเข้าฝึกฝนกับสำนักซวนหยวน แต่จู่ๆ ก็มีแขกมาเยือนตระกูลหลัวสองคนยามนี้
หนึ่งเป็นชายชราและอีกหนึ่งเป็นหญิงสาวในชุดสีเขียว
ภาพลักษณ์ภายนอกของชายชราดูท่าว่าคงมีอายุหกสิบเศษ อากัปกิริยานั้นไม่แยแสในสิ่งใด เขามาในอาภรณ์สีม่วงประดับลวดลายสีทองบนผืนแพร
ส่วนทางด้านหญิงสาวในชุดเขียว มาตรว่านางคงมีอายุราวสิบหกปี พร้อมกระบี่เล่มหนึ่งแขวนอยู่ที่เอว ใบหน้าสวยสดงดงามยิ่ง ทว่าดวงตากลับเย่อหยิ่งและมีอากัปกิริยาเย็นชาต่อผู้คน
ซึ่งอาภรณ์ของทั้งสองมีลวดลายวงกลมสีทองคล้ายกับวงแหวนตรงหน้าอก
“ไม่ทราบว่าพวกท่านทั้งสองเป็นใครกัน?”
ยามผู้เฝ้าประตูของตระกูลหลัวยื่นมือออกไปเบื้องหน้า เพื่อปรามทั้งสองให้หยุดเสียก่อน
ดรุณีอาภรณ์เขียวก้าวไปข้างหน้า พลางยกคางขึ้นเล็กน้อยแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “นี่เจ้าไม่เห็นสัญลักษณ์วงแหวนทองคำของเรากระนั้นหรือ? ท่านผู้นี้คือผู้อาวุโสเฉินคง ซึ่งเป็นผู้อาวุโสฝ่ายนอกของสำนักวงแหวนทองคำ ! เรามาที่นี่เพื่อพบผู้นำตระกูลเจ้า! จงรีบไปรายงานเสีย!”
“ผู้อาวุโสสำนักวงแหวนทองคำงั้นหรือ!”
ยามเฝ้าประตูของตระกูลหลัวแสดงสีหน้าตกใจแล้วรีบกล่าวด้วยความเคารพ “พวกท่านทั้งสองโปรดรอตรงนี้สักประเดี๋ยว ข้าจะรีบเข้าไปรายงานทันที!”
แม้นสำนักวงแหวนทองคำนั้นจะนับว่าด้อยกว่าสำนักซวนหยวนอยู่มาก แต่หากเทียบกับตระกูลหลัวแล้วนั้นกลับยิ่งใหญ่ไพศาล ภายในระยะหลายพันลี้ ก็ถือได้ว่าเป็นสำนักที่มีอำนาจอยู่มากโขทีเดียว!
ซึ่ง ด้วยฐานะของผู้อาวุโสชั้นนอกของสำนักวงแหวนทองคำ จะมีสถานะเทียบได้กับผู้ครองเมืองเลยทีเดียว
หลังเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ยามตระกูลหลัวจึงออกมาแล้วกล่าวด้วยท่าทางนอบน้อม “พวกท่านทั้งสอง ผู้นำตระกูลเราเชิญพวกท่านเข้าไปพบแล้ว”
ณ โถงหลักของตระกูลหลัว
หลัวหมิงซาน หลัวหง พร้อมทั้งบรรดาผู้อาวุโสคนอื่นๆ ของตระกูลหลัวต่างก็รออยู่ที่นั่นแล้ว เฉินคงนั่งอยู่ตรงที่นั่งลำดับแรกทางฝั่งซ้ายมือ ซึ่งถัดจากเขาคือสตรีอาภรณ์เขียว
ไม่นานพวกเขาก็ได้แนะนำตัวกันเสร็จสรรพ หลัวหมิงซานจึงอดห้ามใจไม่ถามมิได้
“ผู้อาวุโสเฉิน ข้าใคร่สงสัยนักว่า ไฉนผู้ยิ่งใหญ่เช่นท่านจึงได้มาเยือนตระกูลหลัวในครานี้?”
ผู้อาวุโสเฉินคงเผยยิ้มมุมปาก ขณะในมือยกถ้วยชาขึ้นจิบก่อนกล่าวอย่างแช่มช้า
“เช่นนั้นข้าขอตอบตามตรง ที่ข้ามาในวันนี้นั้นเนื่องจากต้องการพบคุณชายหลัวเฉิงของตระกูลหลัว หากเป็นไปได้ ข้าก็อยากจะรับเขาเข้าสำนักวงแหวนทองคำของเราด้วย”
เนื่องจาก เฉินคงเพิ่งเดินทางผ่านเมืองฉีซานพอดี ซึ่งระหว่างทางนั้นเขาได้ฟังเรื่องราวปากต่อปากของการสังหารผู้แข็งแกร่งในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ของหลัวเฉิง ดังนั้นจึงตั้งใจมาพบเขาเป็นกรณีพิเศษ
หากเขาสามารถรับอัจฉริยะเข้าสำนักของตนได้ ตัวเขาเองนั้นจะได้รับผลประโยชน์มากมายจากทางสำนักเฉกเช่นเดียวกัน
“เฉิงเอ๋อร์!”
หลัวหมิงซานผงะตกตะลึงไปครู่ จากนั้นใบหน้าก็เผยความสำราญใจขณะปากเอ่ยเสียงดังเรียกยามเข้ามาพบ “ไปตามหาคุณชายหลัวเฉิง แล้วบอกให้เขามาพบข้าที่นี่!”
ทุกวันนี้ หลัวหมิงซานมีความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของหลัวเฉิงมาโดยตลอด แต่ไม่คิดเลยว่าระหว่างที่เขานอนหลับนั้นจะมีคนนำหมอนมาให้เช่นนี้
สำนักวงแหวนทองคำนั้น เป็นหนึ่งในสำนักที่มีความแข็งแกร่งรองจากสามสำนักหลักของอาณาจักรต้าเยว่ หากหลัวเฉิงสามารถเข้าสู่สำนักวงแหวนทองคำเพื่อฝึกฝนได้ ย่อมดีต่อตัวเขาอย่างแน่นอน
ในขณะที่รอ หลัวหมิงซานก็เหลือบมองหญิงสาวในชุดเขียวด้วยแววตาชื่นชม
ดรุณีอาภรณ์เขียวมีอายุราวสิบหกปี ทว่าทั้งพลังยุทธ์และลมปราณกลับแข็งแกร่งยิ่ง กลิ่นอายของปราณนั้นทั้งเยือกเย็นและเฉียบคม นางต้องเป็นปรมาจารย์มือกระบี่อย่างแน่นอน!
“ข้าขอเสียมารยาทถาม ไม่ทราบว่าสาวน้อยผู้นี้คือ…” หลัวหมิงซานเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ผู้อาวุโสเฉินคงลูบเคราของเขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงภาคภูมิ “นางคือเสวี่ยหยานลูกศิษย์ของข้าเอง นั่งอยู่ในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสอง ทั้งยังติดอันดับหนึ่งในร้อยอัจฉริยะของศิษย์ฝ่ายนอกสำนักวงแหวนทองคำอีกด้วย”
เสวี่ยหยานเพียงพยักหน้าเล็กน้อย
หลัวหมิงซานแย้มยิ้ม กล่าวว่า “ที่แท้ นางก็เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสเฉินนั่นเอง ทั้งยังสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ระดับสองตั้งแต่อายุยังเยาว์ เกรงว่าอนาคต ความสามารถของนางต้องไร้ขีดจำกัดเป็นแน่!”
ระหว่างนั้นเอง หลัวเฉิงก็เดินเข้ามายังโถงหลักของตระกูลหลัว
“เฉิงเอ๋อร์ นี่คือผู้อาวุโสเฉินคงแห่งสำนักวงแหวนทองคำ และถัดจากเขาคือเสวี่ยหยานศิษย์ของเขา ผู้อาวุโสเฉินนี่คือหลานชายข้า หลัวเฉิง”
หลัวหมิงซานแนะนำทั้งสามคนให้รู้จักกัน แล้วกล่าวกับหลัวเฉิงด้วยสีหน้าปีติสุข “ผู้อาวุโสเฉินคง มาที่นี่เพื่อรับเจ้าเข้าสู่สำนักวงแหวนทองคำ”
สำนักวงแหวนทองคำงั้นหรือ?
หลัวเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ด้วยป้ายหยกประจำตัวที่อวิ๋นเหมิงลี่มอบให้เขาไว้ก่อนหน้า เขาย่อมไม่มีทางเข้าร่วมกับสำนักวงแหวนทองคำอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นว่าหลัวหมิงซานกำลังมีความสุข หลัวเฉิงก็มิได้กล่าวสิ่งใด เพราะเขาตั้งใจจะรอให้เฉินคงและลูกศิษย์ของเขาออกไปก่อน ถึงจะอธิบายเรื่องนี้ให้หลัวหมิงซานฟัง
เสวี่ยหยานมองยังหลัวเฉิงด้วยดวงตาคู่หนึ่ง ที่เปี่ยมด้วยความฉงนสงสัย
เพราะนางได้ยินเรื่องราวการสังหารผู้แข็งแกร่งในขั้นเปลี่ยนแปลงมนุษย์ของหลัวเฉิงมาก่อน แต่นางไม่คาดคิดว่าเขาจะเป็นเพียงเด็กเท่านั้น นี่จึงทำให้นางสงสัยเรื่องข่าวลือว่ามันแท้จริงหรือไม่
เฉินคงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “หลัวเฉิง เจ้าช่วยปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ให้ข้าเห็นได้หรือไม่”
หลัวเฉิงไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องนั้นได้ เขาจึงปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของตนออกมาทันที