บทที่ 59 การประเมินผลทั้งหมด
ด้วยความเชี่ยวชาญในเคล็ดวิชาเมล็ดพันธุ์ของจูอู๋หยาง ประกอบกับการสนับสนุนจากเลือดปฐพีและเคล็ดวิชามังกรเขียวซ่อนเร้น ในตอนนี้เขาสามารถปราบปรามจุดทะลวงขีดจำกัดได้เพียงแสนกว่าจุดเท่านั้น
เว้นแต่ว่าความแข็งแกร่งของจูอู๋หยางจะเพิ่มขึ้น หรือเคล็ดวิชาเมล็ดพันธุ์ของเขาจะทะลวงไปถึงขั้นสมบูรณ์ แบบนั้นจูอู๋หยางจึงจะสามารถปราบปรามจุดทะลวงขีดจำกัดได้มากขึ้น และยังเป็นระยะเวลานานอีกด้วย
จูอู๋หยางไม่คิดว่าการสอบย่อยวิชายุทธศาสตร์เพียงครั้งเดียวจะทำให้เขาได้รับจุดทะลวงขีดจำกัดมากมายขนาดนี้ ด้วยความจำเป็น เขาจึงต้องเสี่ยงดูสักครั้ง
โชคดีที่ผลลัพธ์ออกมาค่อนข้างดี ดังนั้นในการสอบย่อยวิชาการต่อสู้ จูอู๋หยางจึงต้องทำหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน ทั้งปกปิดความแข็งแกร่ง ปราบปรามจุดทะลวงขีดจำกัด ดูดซับจุดทะลวงขีดจำกัดที่ปั่นป่วนอย่างหนัก และเขียนม้วนกระดาษข้อสอบไปแบบมั่ว ๆ...
เนื่องจากร่างกายของจูอู๋หยางไม่ค่อยแข็งแรง ไม่สามารถฝึกฝนการต่อสู้ได้ ดังนั้นการสอบวิชาการต่อสู้จึงเป็นการทำข้อสอบเช่นกัน
“ยินดีด้วย โฮสต์ สอบย่อยเป็นครั้งที่สอง คุณได้รับ 8,000 จุดทะลวงขีดจำกัด...”
“ยินดีด้วย โฮสต์ สอบย่อยวิชาการต่อสู้เป็นครั้งแรก คุณได้รับ 5,000 จุดทะลวงขีดจำกัด...”
“ยินดีด้วย โฮสต์ โกงข้อสอบเป็นครั้งที่สอง คุณได้รับ 18,000 จุดทะลวงขีดจำกัด...”
...
เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้จุดทะลวงขีดจำกัดของจูอู๋หยางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าก็ทะลุแสนห้าหมื่นจุด
โชคดีที่ในระหว่างการสอบย่อยวิชาการต่อสู้ จูอู๋หยางแอบดูดซับจุดทะลวงขีดจำกัดที่ปั่นป่วนที่สุดไป จึงทำให้จุดทะลวงขีดจำกัดเหล่านี้ไม่ระเบิดออกมา ในขณะเดียวกันก็ดูดซับจุดทะลวงขีดจำกัดไปกว่าสามหมื่นจุดโดยที่ไม่มีใครรู้ตัว ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น
สองชั่วโมงต่อมา การสอบย่อยวิชายุทธศาสตร์และวิชาการต่อสู้ก็สิ้นสุดลง จูจิ้นจงเหลือบมองม้วนกระดาษข้อสอบที่จูอู๋หยางเขียน ส่ายหัวอย่างแผ่วเบา จากนั้นก็จากไปพร้อมกับม้วนกระดาษข้อสอบทั้งสองม้วน
จูอู๋หยางถอนหายใจด้วยความโล่งอก ทิ้งตัวลงนอนบนเตียง หลังจากที่มั่นใจแล้วว่าจูจิ้นจงจากไปแล้ว เขาจึงเริ่มดูดซับจุดทะลวงขีดจำกัดที่หลั่งไหลเข้ามา เพื่อเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของตัวเองอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่ดูดซับจุดทะลวงขีดจำกัดระลอกนี้จนหมดแล้ว ความแข็งแกร่งของจูอู๋หยางก็ใกล้จะถึงระดับหลอมแก่นปราณขั้นกลางแล้ว หากไม่มีอะไรผิดพลาด พรุ่งนี้จูอู๋หยางจะต้องสามารถทะลวงไปถึงระดับหลอมแก่นปราณขั้นกลาง หรือแม้แต่ขั้นปลายได้อย่างแน่นอน
ระหว่างทางกลับตำหนักเฉียนชิง จูจิ้นจงเหลือบมองม้วนกระดาษข้อสอบที่จูอู๋หยางเขียน ในฐานะผู้ดูแลกรมวังใน และยังเป็นยอดฝีมือในขอบเขตเซียน เขาเคยสอบคัดเลือกขุนนางมาก่อน จูจิ้นจงจึงมีความรู้ในด้านยุทธศาสตร์และการต่อสู้ในระดับหนึ่ง
ดังนั้นเขาจึงมั่นใจในสิ่งหนึ่ง นั่นก็คือ ข้อสอบที่จูอู๋หยางทำนั้น ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ แม้ว่าจูอู๋หยางจะพยายามอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม ระหว่างการสอบย่อย ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำ (นั่นเป็นเพราะเขากำลังพยายามอย่างหนักในการปราบปรามจุดทะลวงขีดจำกัด) มีเหงื่อไหลออกมาบนหน้าผาก (นั่นเป็นเพราะเขากลัวจุดทะลวงขีดจำกัดที่ปั่นป่วน) และครุ่นคิดอย่างหนักตลอดเวลา (นั่นเป็นเพราะเขากำลังทำหลาย ๆ อย่างในเวลาเดียวกัน)...
น่าเสียดายที่ข้อสอบที่จูอู๋หยางทำนั้น ยังคงไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ อย่างน้อย ๆ หลังจากที่จูจิ้นจงเหลือบมองไปสองสามครั้ง เขาก็พบว่า ไม่มีคำถามใดเลยที่จูอู๋หยางตอบถูก
แต่เมื่อนึกถึงผลการเรียนของจูอู๋หยางในอดีต และสถานการณ์ที่เขาเผชิญอยู่ในตอนนี้ การที่เขาทำข้อสอบได้แบบนี้ ก็น่าจะปกติแล้วล่ะมั้ง
จูจิ้นจงส่ายหัว จากนั้นก็มอบม้วนกระดาษข้อสอบทั้งสองม้วนให้กับเฉินเตี่ยนโต้วและซินเจิ้นหย่ง หลังจากที่ทั้งสองคนตรวจข้อสอบเสร็จแล้ว เขาจึงนำไปมอบให้กับฮ่องเต้จูเจินอู่
ก่อนจากไป เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเฉินเตี่ยนโต้วและซินเจิ้นหย่ง จูจิ้นจงก็รู้ได้ทันทีว่า ผลการสอบย่อยของจูอู๋หยางคงจะไม่ดีเท่าไหร่ ระหว่างทาง เขาก็แอบเหลือบมองม้วนกระดาษข้อสอบ สีหน้าของเขาก็พลอยบึ้งตึงไปด้วย
ในไม่ช้า จูจิ้นจงก็มาถึงตำหนักเฉียนชิง เขามอบม้วนกระดาษข้อสอบทั้งสองม้วนให้กับฮ่องเต้จูเจินอู่อย่างระมัดระวัง ฮ่องเต้จูเจินอู่วางบันทึกที่กำลังอ่านอยู่ลง หยิบม้วนกระดาษข้อสอบทั้งสองม้วนขึ้นมาอ่าน
ลายมือบนม้วนกระดาษนั้นค่อนข้างเรียบร้อย เหมือนกับที่เคยเห็นเมื่อไม่กี่วันก่อน เพราะได้เชิญอาจารย์ชื่อดังในราชสำนักมาสอน จูอู๋หยางก็ค่อนข้างขยัน เรียนรู้ได้ดี อย่างน้อย ๆ ก็ยังพอรับได้
เพียงแต่คำตอบที่อยู่บนนั้น กลับไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ ผิด ผิด ผิด ผิด... มีแต่คำตอบที่ผิดเต็มไปหมด แทบจะไม่มีคำถามใดเลยที่ตอบถูก และนี่เป็นม้วนกระดาษข้อสอบวิชายุทธศาสตร์ ซึ่งเป็นวิชาที่จูอู๋หยางค่อนข้างถนัด แต่เขาก็ยังคงตอบผิดไปเกือบครึ่ง
ทั้ง ๆ ที่เนื้อหาในข้อสอบ ล้วนเป็นสิ่งที่เฉินเตี่ยนโต้วเพิ่งสอนไปเมื่อเช้านี้เอง ตอนเย็นก็สอบเลย แต่ก็ยังคงมีข้อผิดพลาดมากมายขนาดนี้ ผลการประเมินสุดท้ายก็คือ...
ปานกลางค่อนไปทางแย่!
สีหน้าของฮ่องเต้จูเจินอู่ค่อนข้างบึ้งตึง ยังไงซะเขาก็เป็นถึงองค์ชายของแคว้นจิ่วเจา แต่กลับสอบวิชายุทธศาสตร์ง่าย ๆ ได้คะแนนแค่นี้ ช่างโง่เง่าเต่าตุ่นนัก
แต่หลังจากที่อ่านม้วนกระดาษข้อสอบวิชาการต่อสู้ของจูอู๋หยางแล้ว ฮ่องเต้จูเจินอู่ก็เพิ่งรู้ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า ในหมู่คนเก่งกาจ ย่อมมีคนที่เก่งกาจกว่า เมื่อเทียบกับม้วนกระดาษข้อสอบวิชาการต่อสู้แล้ว ม้วนกระดาษข้อสอบวิชายุทธศาสตร์ยังคงมีคำตอบที่ถูกอยู่บ้าง แต่ในม้วนกระดาษข้อสอบวิชาการต่อสู้ จำนวนคำตอบที่ถูกนั้น น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของม้วนกระดาษข้อสอบวิชายุทธศาสตร์เสียอีก
ไม่ผิดคาด ผลการประเมินของม้วนกระดาษข้อสอบวิชาการต่อสู้ก็คือ...
แย่ค่อนไปทางปานกลาง!
ฮ่องเต้จูเจินอู่รู้สึกว่า หากไม่ใช่เพราะคำนึงถึงหน้าตาของราชวงศ์ ซินเจิ้นหย่งคงอยากจะประเมินจูอู๋หยางว่าแย่มาก ๆ
เมื่อนำผลการประเมินของวิชายุทธศาสตร์และวิชาการต่อสู้มารวมกัน ผลการประเมินโดยรวมของจูอู๋หยางก็คือ แย่ค่อนไปทางดี แทบจะถึงระดับปานกลางอยู่รอมร่อ
ภายในห้องหนังสือที่กว้างขวาง เงียบสงัดราวกับป่าช้า สีหน้าของฮ่องเต้จูเจินอู่มืดครึ้ม เขาโยนม้วนกระดาษข้อสอบของจูอู๋หยางลงบนพื้น “นี่เจ้าแกล้งโง่หรืออย่างไร”
“ไม่ใช่พ่ะย่ะค่ะ!” เมื่อนึกถึงท่าทางที่พยายามอย่างเต็มที่ของจูอู๋หยางในระหว่างการสอบย่อย จูจิ้นจงก็รีบกล่าว “จากการสังเกตของข้าน้อย องค์ชายทรงพยายามอย่างเต็มที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ เพียงแต่ติดที่พรสวรรค์และร่างกาย ดังนั้นผลการประเมินจึงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก”
ฮ่องเต้จูเจินอู่หัวเราะ “เจ้ากำลังบอกว่าเขาโง่เง่าเต่าตุ่น จึงทำข้อสอบได้คะแนนแค่นี้งั้นรึ”
“ข้าน้อยไม่กล้าพ่ะย่ะค่ะ” ใบหน้าของจูจิ้นจงซีดเผือด เขารีบอธิบาย “องค์ชายทรงเป็นถึงรัชทายาทของแคว้นจิ่วเจา ย่อมไม่ใช่คนโง่เง่าเต่าตุ่น เพียงแต่เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้ช้ากว่าองค์ชายคนอื่น ๆ ข้าน้อยเคยเห็นม้วนกระดาษข้อสอบขององค์ชายในอดีต วิชายุทธศาสตร์ส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลาง ส่วนวิชาการต่อสู้นั้น นาน ๆ ครั้งถึงจะได้ระดับปานกลาง ครั้งนี้หากร่างกายขององค์ชายไม่เป็นอะไร และส่งผลต่อการทำข้อสอบ องค์ชายจะต้องไม่ทรงได้ผลการประเมินระดับแย่ค่อนไปทางดีเช่นนี้แน่พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้จูเจินอู่เงียบไป เมื่อนึกถึงข้อมูลของจูอู๋หยางที่เขาเคยอ่าน ก่อนที่จะเลือกจูอู๋หยางเป็นรัชทายาทของแคว้นจิ่วเจา ฮ่องเต้จูเจินอู่ก็เชื่อในคำพูดของจูจิ้นจง
แม้ว่าจูอู๋หยางจะไม่ใช่คนโง่เง่า แต่ก็ไม่ใช่คนฉลาด ก่อนหน้านี้ เขาเคยสอบย่อยมาแล้วหลายครั้ง คะแนนที่ดีที่สุดก็แค่ระดับปานกลางเท่านั้น ไม่เคยได้ระดับปานกลางค่อนไปทางดีเลยสักครั้ง
การที่เขาสามารถได้ผลการประเมินระดับแย่ค่อนไปทางดี ในขณะที่เส้นลมปราณได้รับบาดเจ็บ ดูเหมือนว่า... อาจจะ... อาจจะไม่แย่เกินไปก็ได้มั้ง
แม้ว่าจะทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสียชื่อเสียงไปบ้าง ที่รัชทายาทของประเทศกลับสอบได้คะแนนแย่จนไม่สามารถให้ใครเห็นได้ แต่เมื่อนึกถึงเหตุผลที่เขาเลือกจูอู๋หยางเป็นรัชทายาทของแคว้นจิ่วเจา ฮ่องเต้จูเจินอู่ก็ไม่ได้ติดใจเอาความอีก