บทที่ 49 ห้วงแห่งความว่างเปล่า
“พ...พวกเจ้าสองคนทำอะไรกัน!” นางพูดออกมาเสียงดัง ขณะที่นางตบไปที่ใบหน้าของหลงเฉิน
“ไร้ยางอายที่สุด! ข้าคิดผิดว่าท่านเป็นคนดี!” นางเยาะเย้ย
“ไม่ใช่ ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!” หลงเฉินตะโกนพูดออกมาขณะที่เขาตื่นขึ้นจากความฝัน
“นายน้อย? ท่านฝันร้าย?” เสวี่ยนกล่าวและมองเขาด้วยท่าทางสับสน
“ใช่ มันเป็นฝันร้าย แต่ตอนนี้ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว” หลงเฉินกล่าวพร้อมกับหายใจด้วยความโล่งอก
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” เสวี่ยนกล่าว
“ไม่เป็นไร เจ้าดูทิวทัศน์ด้านนอกต่อเถอะ” หลงเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม เสวี่ยนตอบรับคำพูดของเขาและเข้าสู่โลกของตัวเองอีกครั้ง
เขามองไปทางเหม่ย ซึ่งนางยังคงหลับอยู่
'เป็นฝันที่แปลกยิ่งนัก' เขาคิด
หลงเฉินอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่มีคำพูดใดออกมาจากปากของเขา หลังจากนั้นไม่นาน รถม้าก็หยุดลง
'ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาถึงแล้ว แต่ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าการเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาน้อยลงเมื่อเทียบกับตอนที่ข้าออกจากตระกูลไปที่ป่าทมิฬทางตอนเหนือ?’ หลงเฉินคิดในใจ
“ไปกันเถอะ พวกเรามาถึงแล้ว” หลงเฉินบอกให้พวกนางออกไป ขณะที่คนขับรถม้าเคาะประตูรถม้าเพื่อแจ้งให้เขาทราบว่ากลับมาถึงตระกูลหลงแล้ว
พวกเขาทั้งสามคนลงจากรถม้า ในขณะที่เหม่ยอดไม่ได้ที่จะมองหลงเฉินแปลกๆ เหมือนกับว่าเขาทำอะไรผิด
“นายน้อย ท่านกลับมาแล้ว” เหล่าทหารยามคำนับเขาและอนุญาตให้เขาเข้าไปข้างใน
'นายน้อยจะต้องมีสถานะที่ค่อนข้างดีในตระกูลอย่างแน่นอน ทุกคนดูเคารพเขามาก' เสวี่ยนคิดขณะที่นางมองดูสถานการณ์ ในขณะที่เหม่ยแค่เดิมตามอย่างเงียบๆและก้มหน้าลง
"ท่านแม่!" หลงเฉินเคาะห้องของซือหม่าจืออี้ และทักทายแม่ของเขาทันทีเมื่อนางเปิดประตู
นางรีบเข้าไปสวมกอดเขาแน่นทันทีที่เห็นหลงเฉิน มันทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของความรักของแม่ แม้ว่าจะไม่ใช่แม่ของเขาก็ตาม แต่เขาก็ชอบความรู้สึกนี้
“ข้าดีใจมากที่เจ้ากลับบ้านอย่างปลอดภัย ยินดีต้อนรับกลับบ้าน! เจ้าไม่ได้รับบาดเจ็บตรงไหนใช่ไหม?” หลังจากนั้นไม่นาน นางก็พูดขณะที่นางมองดูเขาอย่างใกล้ชิด เพื่อตรวจร่างกายมองหาบาดแผล
“ท่านแม่! ข้าสบายดี ข้าไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น” หลงเฉินกล่าว เขาสัมผัสได้ถึงความกังวลของนาง
“แน่นอนเจ้าไม่ได้อ่อนแอ เจ้าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด” ซือหม่าจืออี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่แม่ลูกคุยกันอย่างเนิ่นนาน ซือหม่าจืออี้ก็สังเกตเห็นหญิงสาวสองคนยืนอยู่ด้านหลังหลงเฉิน
“หืมมมม? สองคนนี้เป็นใคร? อย่าบอกนะว่าพวกนางเป็นผู้หญิงของเจ้า เจ้ามีผู้หญิงมารุมล้อมแล้ว? เจ้าไม่เด็กเกินไปสำหรับเรื่องพวกนี้อย่างนั้นรึ?” นางถามด้วยสีหน้าตกใจ
หลงเฉินตกใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขามองไปที่ทั้งสองคน และเห็นเสวี่ยนอ้าปากค้าง ในขณะที่เหม่ยยังคงก้มหน้าลง
“ท่านแม่ ท่านพูดจาไร้สาระอะไร? มันไม่ใช่แบบนั้น อีกอย่าง ตามที่แม่บอกข้ายังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องพวกนี้!!” หลงเฉินพูดด้วยสีหน้าเขินอาย
“หืม? น่าเสียดาย ข้าคิดว่าข้ามีลูกสะใภ้ที่น่ารักสองคนเสียแล้ว” ซือหม่าจืออี้หัวเราะ ขณะที่นางพูดติดตลก
“ยังไงก็ตาม ถ้าพวกนางไม่ใช่คนรักของเจ้า แล้วพวกนางเป็นใครกันล่ะ? ทำไมเจ้าถึงพาพวกนางกลับมาที่บ้านพร้อมกับเจ้าด้วย?” นางถามหลงเฉิน
“พวกนางคือผู้หญิงที่ข้าช่วยชีวิตไว้ในป่าทมิฬจากสัตว์อสูร และเนื่องจากพวกนางต้องการงานที่ปลอดภัยเพื่อชดใช้หนี้ พวกนางเลยขอทำงานที่นี่ และข้าก็อนุญาต แล้วพาพวกนางกลับมาด้วย” หลงเฉินกล่าว
“เป็นแบบนั้นนี่เอง ข้าคิดว่าเจ้าไปที่นั่นเพื่อหาประสบการณ์ต่อสู้ แต่เจ้าได้ช่วยชีวิตสาวงามสองคนนี้เอาไว้? ข้าภูมิใจในตัวเจ้ามาก เจ้ากล้าหาญเหมือนพ่อของเจ้าไม่มีผิด” นางพูดด้วยความโศกเศร้าที่สามารถเห็นได้บนใบหน้าของนาง
“ยังไงก็ตาม ในเมื่อเจ้าช่วยพวกนางและให้โอกาสพวกนาง เจ้าก็สามารถให้พวกนางเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของเจ้าได้” นางพูดด้วยรอยยิ้ม
"แล้วพวกเจ้าชื่ออะไร?" ซือหม่าจืออี้ถามขณะมองดูทั้งสองคน
“ข้าชื่อเฉิงเสวี่ยน และนี่คือน้องสาวของข้า เฉิงเหม่ย พวกเราดีใจที่ได้อยู่ต่อหน้าท่าน นายหญิง” เสวี่ยนกล่าวขณะที่นางเดินไปข้างหน้าและแนะนำตัวเอง
“เป็นชื่อที่ดี อย่างไรก็ตาม ในเมื่อตอนนี้พวกเจ้าทั้งสองคนทำงานให้กับเขาแล้ว ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะดูแลลูกชายตัวน้อยของข้าได้เป็นอย่างดี” ซือหม่าจืออี้กล่าวขณะมองไปที่พวกนางทั้งสองคน
“เจ้าค่ะ นายหญิง” ทั้งสองคนพูดพร้อมกัน
หลังจากใช้เวลาอยู่ที่นั่นกว่าสองชั่วโมง หลงเฉินก็ออกจากห้องของแม่พร้อมกับน้องสาวสองคน จากนั้นเขาก็แนะนำพวกนางได้รู้จักหัวหน้าคนรับใช้ของตระกูลหลงในฐานะคนรับใช้ส่วนตัวของเขา และปล่อยพวกนางไว้กับนางเพื่อแนะนำสถานที่ของตระกูลหลงและกฎสำคัญของตระกูล
จากนั้นหลงเฉินก็กลับมาที่ห้องของเขา และล้มตัวลงนอนบนเตียง แล้วหลับตาลง
“อ่า ในที่สุดก็ได้กลับบ้านแล้ว แต่มันก็ยังไม่รู้สึกเหมือนบ้านข้าอยู่ดี แม้ว่าห้องนี้จะมีเตียงที่นอนสบายและห้องที่กว้างกว่าห้องของข้าในโลกที่แล้ว แต่ข้าก็ยังคิดถึงห้องเก่าของข้ามากกว่า บ้าน ครอบครัว เพื่อนมหาวิทยาลัย ข้าจะไม่ได้เจอพวกเขาอีก?” หลงเฉินเริ่มเศร้าเมื่อคิดถึงเรื่องพวกนั้น
“ไม่! ถ้าโลกนั้นมีจริงและโลกนี้มีจริง มันจะต้องมีวิธีไปถึงที่นั่น แม้โอกาสจะมีน้อยมาก แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้”
จอมยุทธที่อยู่ในโลกใบนี้สามารถบินและทำลายล้างทุกสิ่งได้ และนั่นยังไม่ใช่จุดสูงสุดของการฝึกฝนบ่มเพาะพลังเลยด้วยซ้ำ สักวันหนึ่ง ข้าจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ข้าจะไปให้ถึงจุดสูงสุดของโลก และจะไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะสามารถหยุดข้าไม่ให้ข้าบรรลุสิ่งที่ข้าต้องการได้” หลงเฉินพูดด้วยใบหน้าที่กระตือรือร้นขณะที่เขาลุกขึ้นและเริ่มฝึกฝนบ่มเพาะพลัง
'ข้ารู้สึกได้ว่าข้าจะก้าวเข้าสู่ระดับก่อจิตวิญญาณขั้นที่ 6 ในไม่ช้า' หลงเฉินคิดในใจหลังจากฝึกฝนมาหลายชั่วโมง
----------------------
หลงเฉินฝึกฝนจนถึงกลางดึก และสัมผัสได้ว่าในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเขาจะทะลวงผ่านอีกขั้น ตอนนี้เขาหยุดฝึกฝนและนำไข่ที่เขาพบในแหวนมิติออกมา แล้วป้อนพลังปราณของเขาให้กับมันเหมือนกิจวัตรประจำวันของเขา
“ข้าไม่ใช่คนที่ต้องคอยป้อนน้ำป้อนข้าวให้เจ้า รีบออกมาได้แล้วเจ้าตัวน้อย!” หลงเฉินพึมพำกับไข่
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาก็พบว่ามันถึงเวลาที่เขาต้องเข้านอนแล้ว
ในขณะที่หลงเฉินกำลังหลับอยู่ ในที่สุด 1 ใน 100 ส่วนของโลหิตของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีม่วง ห้วงแห่งความว่างเปล่าปรากฏขึ้นใกล้หน้าอกของเขา แล้วดูดจิตสำนึกของเขาเข้าไปข้างใน ในขณะที่ร่างของเขายังคงนอนอยู่บนเตียง มันดูเหมือนกับว่าหลงเฉินยังคงนอนหลับอย่างสงบ