ตอนที่แล้วตอนที่ 8 มารเฮยเย่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10 โอสถชำระไขกระดูก

ตอนที่ 9 บรรพบุรุษผู้อยู่ยงคงกระพัน


ตอนที่ 9 บรรพบุรุษผู้อยู่ยงคงกระพัน

“แล้วตอนนี้ เจ้าอยู่ในขอบเขตใดแล้ว?” แม้ว่าเขาจะกลัวเล็กน้อยเพราะนี่คือ มารเฮยเย่ที่มีชื่อเสียง แต่ลู่ซวนก็ยังคงถามเสียงดัง

“ถ้าเป็นเวลากลางวัน ความแข็งแกร่งของข้าจะอยู่ที่ก่อตั้งรากฐานขั้นกลาง แต่หากเป็นตอนกลางคืนไม่มีใครในขอบเขตวิญญาณแรกเริ่มที่สามารถต่อกรกับข้าได้” หลังจากที่มารเฮยเย่ ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็พูดอย่างตรงไปตรงมา

“อยู่ยงคงกระพันในหมู่ผู้เชี่ยวชาญวิญญาณแรกเริ่ม?” ลู่ซวนรู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง ผู้เชี่ยวชาญระดับนี้สามารถกลายเป็นบรรพบุรุษของสำนักได้แล้ว ภายในรัศมีสามพันลี้ ไม่มีผู้เชี่ยวชาญวิญญาณแรกเริ่มอยู่เลยแม้แต่คนเดียว

ด้วยการมีมารเฮยเย่คอยปกป้องตระกูลลู่ ความคิดหลายอย่างของเขาก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็สามารถนำไปปฏิบัติจริงได้

"ผู้พิทักษ์ซ้าย เจ้าทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ตระกูลลู่คงจะต้องพึ่งพาการปกป้องของเจ้าในอนาคต “ ลู่ซวนหัวเราะเบาๆ แล้วส่งมารเฮยเย่ออกไป

ส่วนสายลับของตระกูลลู่เหล่านั้นได้ถูกจำคุก และเนรเทศ เหล่าผู้อาวุโสจึงถูกทิ้งไว้ในห้องโถงอีกครั้ง

"บัดซบ พวกเขาไม่เห็นหัวเราจริงๆ คิดว่าตระกูลลู่ของเราสามารถเหยียบได้โดยง่ายงั้นรึถึงจะส่งสายลับเข้ามามากมายขนาดนี้” ผู้อาวุโสสองตะคอกอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าน่าเกลียด

“ผู้อาวุโส พวกท่านต้องเตรียมตัวให้พร้อม เราจะออกเดินทางไปที่ศาลาซิงหยู่ในวันรุ่งพรุ่งนี้” หลังจากที่ลู่ซวนคิดอยู่พักหนึ่ง เขาก็พูดออกมาตรงๆ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร

"ฮ่าๆๆ ข้าอยากจะสอนบทเรียนไอ้สารเลวพวกนั้นมานานแล้ว “ ผู้อาวุโสหนึ่งยิ้มอย่างสดใสเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ และพูดออกมา

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในขณะที่ตระกูลลู่เริ่มอ่อนแอลงมากขึ้น ศาลาซิงหยู่ก็มารังแกพวกเขาหลายครั้ง

ตระกูลลู่อดทนอดกลั้นมาจนถึงตอนนี้ และในที่สุดวันนี้ก็มาถึง เมื่อพวกเขามีพลังพอที่จะโต้ตอบ พวกเขาย่อมจะไม่ปล่อยศาลาซิงหยู่ไปง่ายๆ

ยิ่งไปกว่านั้น อีกฝ่ายยังได้ปล้นร้านค้าของตระกูลลู่ และลักพาตัวลู่เหยา นี่เหมือนกับการเหยียบหน้าพวกเขาทุกคน

“พรุ่งนี้ เราจะออกเดินทางกันแต่เช้า และจะพาบรรพบุรุษไปด้วย เราจะทำลายศาลาซิงหยู่ให้สิ้นซาก!” จิตสังหารของลู่ซวนนั้นรุนแรงมาก และเขาพูดพร้อมกัดปันแน่น

........

เวลาผ่านไป และไม่นานวันรุ่งขึ้นก็มาถึง

ผู้นำตระกูลลู่ ลู่ซวน ผู้อาวุโสหนึ่ง ลู่หยวน ผู้อาวุโสสอง ลู่ซาน ผู้อาวุโสสาม ลู่ไห่ พร้อมกับผู้อาวุโสหลายคนในขอบเขตก่อตั้งรากฐาน และศิษย์ชั้นยอดหลายสิบคนทั้งหมดมารวมตัวกัน และมุ่งหน้าตรงไปยังศาลาซิงหยู่

สำหรับลู่เหยา แม้เธอจะเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำแล้ว แต่เธอยังคงไม่สามารถควบคุมพลังได้อย่างเชี่ยวชาญ ดังนั้นเธอจึงอยู่ที่ตระกูลลู่ เพื่อป้องกันศัตรูที่อาจจะใช้โอกาสนี้บุกรุกเข้ามา

ลู่ซวนแบกบรรพบุรุษไว้บนหลังด้วยตัวเอง พวกเขาออกเดินทางด้วยท่าทีแข็งกร้าวนั้นทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายในเมืองเทียนหมิง

“ตระกูลลู่กำลังจะทำอะไร? ผู้อาวุโสสูงสุดของพวกเขาเพิ่งจากไปมิใช่เหรอ? เหตุใดจึงไม่ใช้โอกาสนี้เพื่อพักฟื้น พวกเขากล้าเปิดสงครามจริงๆ หรือ” เจ้าเมืองเทียนหมิงขมวดคิ้วพร้อมด้วยสีหน้าสับสน

นอกจากเจ้าเมืองเทียนหมิงแล้ว สายลับจากกองกำลังอื่นๆ ยังได้รับข่าวด้วย พวกเขาไม่เข้าใจว่าตระกูลลู่เอาความมั่นใจมาจากไหนถึงกล้าปรากฏตัวออกมา พวกเขาไม่กลัวที่จะถูกลอบสังหารหรือยังไงกัน

อย่างไรก็ตาม ด้วยความระมัดระวัง กองกำลังเหล่านี้ไม่ได้ทำสิ่งใดอย่างหุนหันพลันแล่น แต่เลือกที่จะรอดู

ท้ายที่สุดแล้ว ผู้เชี่ยวชาญวิญญาณแรกเริ่ม และแก่นทองคำของตระกูลลู่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าตระกูลลู่มีไพ่ตายอะไรอีกหรือไม่?

เกิดอะไรขึ้นถ้านี่เป็นกับดัก? พวกเขาจะไม่ตกหลุมพรางอย่างโง่เขลา

คนโง่เหล่านั้นที่บุกเข้าไปในตระกูลลู่เมื่อก่อนหน้านี้ ตอนนี้ได้หญ้าขึ้นเต็มหลุมศพแล้ว

ทุกคนค่อนข้างแข็งแกร่ง ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน พวกเขาเดินทางหลายร้อยลี้ และมาถึงศาลาซิงหยู่

ศาลาซิงหยู่ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเทียนหมิงไม่ไกล สำนักนี้ทรงพลังมาก และกล่าวกันว่ามีภูมิหลังที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ มีบรรพบุรุษขอบเขตแก่นทองคำสองคนที่มีชื่อเสียงในพื้นที่แถบนี้

นอกจากนี้ยังมีข่าวลือว่าศาลาซิงหยู่มีรากฐานที่ลึกซึ้ง และความแข็งแกร่งที่เปิดเผยนั้นเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของภูเขาน้ำแข็ง

ดังนั้น หลายสำนักที่ทรงอำนาจมากกว่าศาลาซิงหยู่จึงไม่เต็มใจที่จะยั่วยุขุมพลังนี้

ศิษย์ของศาลาซิงหยู่จึงไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะมีคนมาเคาะประตูบ้านของพวกเขา

ศาลาซิงหยูตั้งอยู่ในหุบเขา ในสำนักมีศิษย์หลายร้อยคน คนที่อ่อนแอที่สุดอยู่ในขอบเขตกลั่นปราณ และหลายสิบคนที่อยู่ในขอบเขตก่อตั้งรากฐาน

หากเป็นการเผชิญหน้าแบบตัวต่อตัว ตระกูลลู่ก่อนหน้านี้ก็ไม่อาจเทียบกับศาลาซิงหยู่ได้จริงๆ

แต่วันนี้แตกต่างจากเมื่อวาน ตอนนี้ตระกูลลู่มีความมั่นใจมากพอที่จะทำลายศาลาซิงหยู่จนสิ้นซาก

“หลิวซิงหยู่อยู่ที่ไหน ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!” เสียงของผู้อาวุโสหนึ่งดังก้องไปทั่วท้องฟ้า และก้องกังวานอยู่ในหุบเขา

ในไม่ช้า ชายวัยกลางคนก็พาศิษย์หลายคน และปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนในตระกูลลู่

“ลู่หยวน สุนัขขี้แพ้ของเจ้ากล้าดียังไงถึงมาที่ศาลาซิงหยู่ของข้าอย่างกําเริบเสิบสานเช่นนี้?” หลิวซิงหยู่เยาะเย้ย และตำหนิอย่างไม่ไส้หน้า ด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม

อีกฝ่ายเป็นเพียงผู้แพ้ที่ไม่อาจทะลวงผ่านเข้าสู่ขอบเขตแก่นทองคำได้ หากไม่ใช่เพระาคำสั่งจากเบื้องบน ตระกูลลู่คงจะถูกทำลายด้วยน้ำมือของเขาไปแล้ว และคงเป็นไปไม่ได้ที่จะยังคงอยู่จนถึงตอนนี้

หลายปีที่ผ่านมา หลิวซิงหยู่เบื่อหน่ายกับตระกูลลู่

แต่เมื่อเขาคิดถึงรางวัลมากมายที่จะมอบให้เขาหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ เขาก็ระงับความไม่พอใจ และดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโล�

“เฮอะ หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อทำลายศาลาซิงหยู่ของเจ้า หากเจ้ารู้ว่าอะไรดีสำหรับตัวเอง จงคุกเข่ายอมแพ้โดยเร็วที่สุดจะได้ไม่ต้องเกิดการต่อสู้ที่ไร้ความหมาย” ผู้อาวุโสหนึ่งดูสงบ แม้จะพูดเช่นนั้น จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาก็ค่อยๆ ลุกโชนขึ้น

ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน แม้จากออร่าหลิวซิงหยู่นั้นแข็งแกร่งกว่าเขามาก และดูเหมือนว่าจะก้าวข้ามขอบเขตก่อตั้งรากฐาน และไปถึงขอบเขตแก่นทองคำแล้ว เขาก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไร

“ทำลายศาลาซิงหยู่ของข้างั้นรึ น่าขัน ดูเหมือเจ้าจะเสียสติไปแล้ว” หลิวซิงหยู่หัวเราะสองครั้งราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลกครั้งใหญ่

แม้ว่าความแข็งแกร่งของศาลาซิงหยู่จะดี แต่ก็ไม่มีค่ายกลป้องกัน มีเพียงศิษย์ที่แข็งแกร่งบางคนที่คอยเฝ้าประตูภูเขาอยู่เท่านั้น

ลู่หยวนจึงลงมือ และกระแทกร่างของศิษย์เหล่านั้นออกไป จากนั้นบุกเข้าไปในศาลาซิงหยู่โดยไม่ลังเลใจ

“ฮึ่ม เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!” ใบหน้าของหลิวซิงหยู่เต็มไปด้วยความโกรธ และเขาก็นำคนอื่นๆ เข้าร่วมการต่อสู้

เดิมที หลิวซิงหยู่ไม่ได้จริงจังกับลู่หยวน แต่เขาก็ต้องเสียใจทันทีหลังได้ปะมือกัน

นั่นเพราะลู่หยวนที่เขาคิดว่าอ่อนแอกว่าตนมากได้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำแล้ว และความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายก็น่ากลัวมาก เขาจึงถูกกดดันอย่างหนัก และดาบในมือของอีกฝ่ายก็คมจนสามารถตัดดาบของเขาได้อย่างง่ายดาย

ยิ่งหลิวซิงหยู่ต่อสู้มากเท่าไร เขาก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น และเขาเริ่มคิดที่จะถอยแล้ว

“ชายคนนี้อยู่ในขอบเขตแก่นทองคำจริงๆ และเขาก็แข็งแกร่งไม่น้อยเลย” ลู่ซวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ในเมื่อศาลาซิงหยู่มีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ทำไมจึงไม่เผยมันออกมา? หรือว่ามีแผนการต่อต้านตระกูลลู่อยู่จริงๆ?

ทันใดนั้น ผู้อาวุโสหนึ่งก็พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับยื่นฝ่ามือทั้งสองออกไป และเงามังกรก็ปรากฏขึ้น กระแทกหลิวซิงหยู่จนกระเด็น

“อั่ก”

ทะเลปราณของหลิวซิงหยู่พลุ่งพล่าน และปั่นป่วน มีเลือดไหลจำนวนมากไหลออกมาจากปากของเขา

“นี่เป็นวิชาฝ่ามืออะไรกัน ทำไมถึงแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ นี่คือรากฐานของตระกูลลู่งั้นรึ?” หลิวซิงหยูหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยายามระงับอาการบาดเจ็บ

“ศิษย์ของศาลาซิงหยู่ฟังคำสั่งข้า ผนึกกำลังกัน และฆ่าพวกเขาซะ!” หลิวซิงหยู่ตะโกนด้วยความโกรธพร้อมกับใบหน้าที่เศร้าหมอง

ลู่หยวนแข็งแกร่งแล้วไงล่ะ? มีศิษย์ของศาลาซิงหยู่หลายร้อยคนอยู่ที่นี่ เมื่อสู้จนเหนื่อยล้าลู่หยวนต้องตายอย่างแน่นอน

และมันไม่สำคัญแม้ว่าพวกเขาจะแพ้หรือไม่ ศาลาซิงหยู่มีคนๆ นั้นอยู่ซึ่งสามารถเอาชนะศัตรูทั้งหมดได้!

เมื่อลู่ซวนเห็นศิษย์ของศาลาซิงหยู่เข้าร่วมการต่อสู้ เขาไม่ลังเลอีกต่อไป และนำคนของตระกูลลู่เข้าปะทะ

ออร่าของผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำหลายคนระเบิดออก ทำให้ทุกคนต่างตกตะลึง

“นี่เป็นไปได้ยังไง?” หลิวซิงหยู่ตกใจมาก เขาคิดไม่ถึงเลยความแข็งแกร่งของตระกูลลู่จะเพิ่มขึ้นมากขนาดนี้หลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันเพียงไม่กี่วัน

ภายใต้การนำของลู่ซวน คนของตระกูลลู่ได้สังหารศัตรูไปเป็นจำนวนมาก พวกเขาเหมือนกับยมทูตที่เก็บเกี่ยวชีวิตศิษย์ของศาลาซิงหยู่อย่างบ้าคลั่ง

ในช่วงเวลาสั้นๆ ศิษย์หลายสิบคนก็เสียชีวิตลงด้วยน้ำมือของลู่ซวน

“ผู้ดูแล ช่วยเราด้วย!”

หลิวซิงหยู่รู้ว่าตนไม่สามารถรอได้อีกต่อไป ไม่เช่นนั้น ศาลาซิงหยู่จะถูกทำลายโดยสิ้นเชิงในวันนี้ ดังนั้นเขาจึงรีบตะโกนไปที่หุบเขาด้านหลัง

เมื่อเขาพูดจบ ชายชราร่างผอมแห้งก็ค่อยๆ ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน

ออร่าบนร่างกายของเขาน่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ราวกับสัตว์ร้ายที่หลับใหลมาเป็นเวลานาน

“เจ้าพวกขยะ แค่เรื่องเล็กๆ น้อยแค่นี้ก็ไม่สามารถจัดการได้ ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเจ้าวังถึงยังเก็บขยะของเจ้าเอาไว้” ชายชราปรากฏตัวต่อหน้าหลิวซิงหยู่ในทันที และพูดขึ้นอย่างไม่ไว้หน้า

“ขออภัยขอรับ” แม้ว่าเขาจะโกรธอยู่ในใจ แต่หลิวซิงหยู่ก็ไม่กล้าหักล้างคำพูดของชายชรา และทำได้เพียงตอบกลับด้วยความระมัดระวัง

“ถอยไปซะ ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าสำนักสวินเต๋าในตำนานนั้นมีความสามารถเพียงใด เจ้าวังถึงได้หวาดกลัวถึงขนาดนั้น” ชายชราร่างผอมแห้งก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และออร่าบนร่างกายของเขาก็ผัวผวน และปะทุด้วยความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

“หรือชายชราคนนี้จะอยู่เหนือขอบเขตวิญญาณแรกเริ่ม?” หลังจากที่ทุกคนรู้สึกได้ถึงออร่า พวกเขาก็พูดด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

แม้ว่าพวกเขาจะได้ยินมานานแล้วว่าศาลาซิงหยู่มีรากฐานที่แข็งแกร่ง แต่ความจริงที่ว่าสัตว์ประหลาดเฒ่าในตำนานนั้นมีอยู่จริงยังคงทำให้ทุกคนตกใจ

“อัญเชิญบรรพบุรุษ!” ผู้อาวุโสสามตะโกนบอกลู่ซวนโดยไม่ลังเลใจ

เขารู้ว่าถ้าชักช้าไปแม้แต่นิดเดียว พวกเขาอาจจะตายกันจนหมดสิ้น

ลู่ซวนรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาพูดเรื่องไร้สาระ ดังนั้นเขาจึงโยนบรรพบุรุษออกไป หลังฉีดพลังปราณเข้าไปในร่างนั้นแล้ว

บูม!!!!

ทันใดนั้น ราวกับว่าโลกกำลังจะพังทลาย ออร่าอันน่าสะพรึงกลัวที่สะกดข่มโลกทั้งใบก็ประทุขึ้น ราวกับว่ามีบางสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ค่อยๆ ลืมตาตื่น

วินาทีต่อมา ร่างของลู่ซุนก็ส่องแสงเจิดจ้า จากนั้นแสงสีทองก็พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา และหมอกปราณที่เป็นดั่งคลื่นก็พุ่งออกมาจากตันเถียนของเขา และกระจายออกไปอย่างบ้าคลั่งรอบตัวเขา

ไม่ว่ามันจะผ่านที่ใดไป ทุกอย่างก็หวนคืนสู่ความว่างเปล่า และศิษย์ของศาลาซิงหยู่ไม่มีเวลาแม้แต่จะกรีดร้อง ก่อนที่พวกเขาจะสลายายไป

แม้แต่ชายชราที่ดูแข็งแกร่งอย่างยิ่งก็ไม่สามารถต่อต้านได้แม้แต่วินาทีเดียว และกลายเป็นผง

บูม!!!

ศาลาซิงหยู่พังทลายลงในทันที และทั่วทั้งหุบเขาดูเหมือนจะประสบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ และเกือบทุกอย่างภายในนั้นถูกทำลายล้างจนสิ้นซาก

มีเพียงคนของตระกูลลู่เท่านั้นที่คุกเข่าลงบนพื้นได้ทันเวลา และเปิดกระตุ้นพลังปราณตามคัมภีร์ฮุ่นหยวน พวกเขาจึงสามารถทนต่อพลังอันน่าสะพรึงกลัว และไม่กลายเป็นเถ้าถ่าน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด