ตอนที่ 114 : กลุ่มอัคคีแดง !
ตอนที่ 114 : กลุ่มอัคคีแดง !
แวร์วูฟกรีดร้องออกมา เหล่าจีโนที่สู้กับผู้ปลุกพลังมนุษย์อยู่นั้นพากันถอยกลับออกมาทันที
พวกมันต่างก็เก็บขวานแล้วนำธนูออกมาเล็งไปที่จุดสีดำที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
ฝั่งมนุษย์พากันคึก สู้แค่ไม่กี่นาที พวกเขาเหลือกันแค่หลักสิบคน พวกเขาพากันรีบถอยกลับไปที่รถม้าและเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้า
“ฮ่าฮ่า ! กำลังเสริมของเรามาแล้ว !”
“ในที่สุดกำลังเสริมก็มาสักที !”
“มัน....อัศวินไวเวิร์น ? จากค่ายที่ใกล้เราที่สุด มันจะไปมีอัศวินไวเวิร์นได้ยังไง ?”
“รึว่าเป็นกองทัพของเมืองฉิน ?”
“ฉันว่าอัศวินไวเวิร์นนี่ดูแกร่งดีจริง ๆ ...”
ในตอนที่ถกเถียงกันอยู่นั้น เงาดำในอากาศก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ลมพัดกระจายออกมาที่พื้นทำให้ทุกคนพากันยกมือขึ้นปิดตา
คนและมังกรนี่คือหลินลั่วกับเห่ยหลง !
“ลงมือ !” เมื่อมังกรเข้ามาในระยะ 100 ม. แวร์วูฟก็ได้ตะโกนสั่งการทันที มันพบว่าบนหลังมังกรนี่มีมนุษย์อยู่ แน่นอนว่านี่ต้องเป็นศัตรู มันต้องลงมือก่อน !
ฟรึบ ฟรึบ...
ทันทีที่แวร์วูฟสั่งการ มันก็มีขวานและธนูกว่าสิบอันที่ถูกยิงและโยนออกมา !
เสียงตัดสายลมดังขึ้นแทบจะทันที การโจมตีเหล่านี้ได้มุ่งหน้าเข้าใส่ผู้มาเยือน ในสายตาพวกมัน อยู่ ๆ ก็มีโล่น้ำแข็ง 9 อันก่อตัวขึ้นตรงหน้ามังกร กันการโจมตีเหล่านี้เอาไว้ !
ในเวลาเดียวกันมังกรที่อยู่กลางอากาศก็อ้าปากออกและพ่นไฟออกมา
“ถอย !”
“ถอยไปก่อน !” ตอนที่แวร์วูฟเห็นโล่น้ำแข็งโผล่มา มันก็ได้ตะโกนสั่งการทันที นักรบจีโนหลายสิบตัวกับแวร์วูฟอีกสองตัวรีบพากันหันกลับและวิ่งหนีออกมา
“กรร !” มังกรคำรามออกมา มันกางปีกออกและรีบไล่ตามไป ไฟที่พ่นออกมายังคงไล่ตามหลังพวกมัน เผานักรบจีโนเป็นเถ้าไปมากกว่าสิบตัวในพริบตา
แวร์วูฟและนักรบจีโนตัวอื่น ๆ อาศัยโอกาสนี้กระจายตัวกันออกเพื่อแยกกันหนี ในฐานะทหารม้า พวกมันรู้ว่าจะสลัดตัวจากศัตรูยังไง
“แกร่งดีจริง ๆ !”
“มังกรแบบไหนนะถึงพ่นไฟที่รุนแรงแบบนี้ได้ ?”
“ไวเวิร์น ?”
“เหี้ย ! ไวเวิร์นพ่นไฟได้ด้วย ! มันคงเป็นไวเวิร์นที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดี มันพ่นไฟได้ด้วย !”
“มันไม่ใช่ไวเวิร์น ไวเวิร์นบ้านไหนทำแบบนี้ได้ ? ไวเวิร์นมันบินได้ด้วยเหรอ ?”
“มันดูคล้ายกับมังกรหลังเหล็กเลย ? แต่มังกรหลังเหล็กน่ะบินไม่ได้ !”
“รึว่ามันเป็นลูกผสม ?”
“ก็เป็นไปได้....”
ผู้คนพากันออกความเห็นกันออกมา ชายวัยกลางคนในรถม้าได้ตะโกนออกมา “มัวแต่คุยอะไรกันอยู่ ? รีบไปเก็บศพ”
“รีบช่วยคนที่ยังรอด เก็บอุปกรณ์จากคนที่ตายมา !”
“การเดินทางครั้งนี้ฉันขาดทุนเละเลย !”
“เหี้ย ! เกิดอะไรขึ้นกับเผ่าออร์คกันวะ ? ทำไมมันถึงรู้ตัวเร็วแบบนี้ ? บัดซบ...”
“บอส ! เราไปจากที่นี่กันดีกว่า ! ขนาดชายแดนยังมีมอนสเตอร์เยอะแบบนี้ มันทำราวกับจะไปทำสงคราม !”
“ไม่ใช่เราแน่ พวกมันต้องไปเปิดสงครามกับกองกำลังอื่นแน่....”
“ผมเองก็คิดแบบนั้น บอส แต่ก่อนที่มาถึงที่นี่ ผมเจอแต่นักรบจีโน ทำไมอยู่ ๆ ถึงมีแวร์วูฟโผล่มาได้ ?”
“บัดซบ !” ชายวัยกลางคนตะโกนออกมา “ครั้งที่แล้วมีสงครามเมื่อ 7-8 ปีก่อน แล้วทำไม...มันถึงเริ่มเร็วแบบนี้ได้”
“แต่มาทำสงครามแบบนี้ก็ดี ครั้งนี้ฉันได้ของดีกลับมาเยอะ ถ้ามีสงครามเกิดขึ้นจริง ๆ งั้นมันอาจจะกินเวลา 2-3 ปี ตอนนั้นของคงราคาแพงขึ้นน่าดู...”
“เก็บศพก่อน ถ้าอยากจะรอดจากที่นี่ก็รีบหน่อย ถ้าอัศวินไวเวิร์นกลับมา เราจะได้บอกข้อมูลกับเขา....”
“บางทีเราอาจจะได้รางวัลตอบแทน....”
ไม่กี่นาทีต่อมาตอนที่พวกเขากำลังเก็บศพเพื่อน มันก็มีร่างขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้นในท้องฟ้า
ชายวัยกลางคนนั้นรออยู่นานแล้ว เมื่อเห็นแบบนั้นเขาก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที
“สวัสดี อัศวินไวเวิร์น ผมจู้เหลียงห้าว หัวหน้ากลุ่มอัคคีแดง ขอบคุณที่ช่วย...ในครั้งนี้”
ตอนที่พูดนั้นจู้เหลียงห้าวก็ต้องอึ้ง
ทำไมคนที่กระโดดลงมาจากหลังไวเวิร์นถึงเด็กแบบนี้ได้ ?
“อัศวินไวเวิร์น ?” หลินลั่วอึ้งกับที่อีกฝ่ายเรียกเขา เขาหันกลับไปมองเห่ยหลง แต่ก็พบว่านี่ไม่ใช่ไวเวิร์น
มันดูไม่เหมือนกับมังกรทั่วไป หลังจากที่ได้ดูดซับผลึกมังกรหลังเหล็กเข้าไป มันก็มีหนามกระดูกและเกล็ดมังกรงอกออกมา มันดูต่างจากมังกรทั่วไป
ไม่แปลกเลยที่คนจะเข้าใจผิดได้
เขาไม่ได้อธิบายอะไรออกมา เขาพูดขึ้น “ไม่เป็นไร เราเป็นคนเหมือนกัน มันเป็นธรรมดาที่จะต้องช่วยเหลือกันในโลกภายนอก”
จู้เหลียงห้าวตาเป็นประกายขึ้นมา เขาถามขึ้น “คุณไม่ได้มาจากจุดเฝ้าระวังใช่รึเปล่า ?”
หลินลั่วส่ายหน้า “ไม่ใช่”
จุดเฝ้าระวัง มันคือแคมป์เล็ก ๆ ที่ตั้งขึ้นนอกเมืองโดยเจ้าหน้าที่ของเมืองฉินเพื่อที่จะตรวจจับที่อยู่ของมอนสเตอร์ด้านนอกอาณาเขตของพวกเขา
แต่ละแคมนั้นมีผู้ปลุกพลังกว่าสิบคนผสมกับทหาร พวกเขาจะคอยจับตาดูกองกำลังต่าง ๆ ในโลกและคอยให้ความช่วยเหลือ
มันมีแคมแบบนี้อยู่เยอะ บางที่อาจจะก่อตั้งเป็นเมืองเพราะตำแหน่งที่ตั้งและวัตถุดิบในพื้นที่นั้น ๆ
“ฉันมาที่นี่เพื่อหาประสบการณ์ ฉันว่าจะเข้าไปลึกอีกหน่อย”
“หาประสบการณ์ ? ในโลกภายนอกเนี้ยนะ ?”
เมื่อได้ยินที่หลินลั่วพูดมา จู้เหลียงห้าวก็ตาเป็นประกาย เขารีบพูดขึ้นมา “น้องชาย ฟังที่ฉันแนะนำไว้ดีกว่า อย่าเข้าไปลึกกว่านี้”
“หือ ? ทำไมล่ะ ?”
“ตอนแรกกลุ่มเรามีคน 50 คน เราเข้าไปในทุ่งลมกระซิบเมื่อครึ่งเดือนก่อน แต่เราโดนล้อมและฆ่าโดยพวกจีโน ในฝูงพวกนั้นยังมีแวร์วูฟอยู่ด้วย !”
“ตอนนี้เราพบว่าที่ชายแดนนั้นมีร่องรอยการเคลื่อนไหวของกองทัพออร์ค ! ฉันสงสัยว่าพวกออร์คคงเข้าโจมตีเมืองฉินอีกรอบ !”
“ในที่สุดเราก็หนีมาที่นี่ได้และอยากจะเอาข่าวนี้กลับไปแจ้งที่เมืองฉินโดยเร็ว ทว่าเราก็โดนพวกมันไล่ล่ามา ถ้าไม่ใช่เพราะนายแล้ว เราคงโดนพวกจีโนกับแวร์วูฟฝูงนี้ฆ่ากันทั้งกลุ่ม เราคงตายกันหมดแล้ว !”
“นายคือผู้มีพระคุณต่อกลุ่มอัคคีแดงของเรา คืนนี้เราขอเลี้ยงข้าวนายเอง !”
“โจมตีเมืองฉิน ?” หลินลั่วส่ายหน้าและพูดขึ้นมา “ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้อยากไปยุ่งกับกองทัพออร์ค อีกอย่างฉันก็ไม่ดื่มด้วย ฉันว่าจะเดินหน้าต่อ”
เขามีเรดาห์อยู่กับตัว การเคลื่อนไหวในระยะ 10 กม.นั้นอยู่ในการรับรู้ของเขาหมด ถ้าเขาพบกับกองทัพออร์ค เขาก็แค่หนีไปอีกทาง
เขาเชื่อว่าด้วยความสามารถของเห่ยหลงแล้ว การจะหนีจากพวกนั้นไม่ใช่เรื่องยาก
“เฮ้อ น้องชาย อย่าหุนหันไปเลย...” จู้เหลียงห้าวอยากจะกล่อมหลินลั่ว นักผจญภัยที่อยู่ตัวคนเดียวและยังเป็นถึงอัศวินไวเวิร์นน่ะ ถ้าพวกเขาดึงเข้าร่วมกลุ่มได้ พวกเขาจะหาเงินได้ก้อนโต !
แต่ประโยคต่อมาของหลินลั่วก็ทำให้จู้เหลียงห้าวระวังตัวขึ้นมาทันที “มีอะไรอยู่ในรถม้า ?”
จู้เหลียงห้าวพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “มีพี่ชายกับน้องสาวฉัน พวกเขาบาดเจ็บ ฉันว่าจะพาพวกเขาไปรับการรักษา !”
“จริงเหรอ ?” น้ำเสียงของหลินลั่วยังคงเดิมไม่เปลี่ยน ทว่าสายตาเขาก็สอดส่องมองไปรอบ ๆ
มันมีศพกว่า 20 ร่างกองทับซ้อนกันและโดนราดน้ำมันเตรียมที่จะเผา
เขาเดินทางมาจากเมืองฉิน ถึงจะเป็นมังกรดำ ทว่าการจะบินกลับไปก็ต้องใช้เวลาเป็นวัน
ถ้าคนกลุ่มนี้คิดจะกลับไปที่เมืองฉินจริง ๆ งั้นก็ต้องใช้เวลาถึงครึ่งเดือน
แน่นอนว่าพวกเขาคงไม่อาจจะขนศพกลับไปได้ พวกเขาคงได้แต่เผาศพที่นี่ พวกเขาจะเผาศพทิ้ง แต่ไม่มีทางทิ้งอุปกรณ์สวมใส่ของพวกนี้
คนกลุ่มนี้อาจจะเป็นนักผจญภัยทั่วไป
เขามาที่นี่ตามที่เรดาห์ตรวจจับได้ เขาฆ่านักรบจีโนไป ถึงมีมอนสเตอร์หลายตัวหนีไปได้ ทว่าหลินลั่วก็ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่
ยังไงวะเมื่อได้พบคนอื่นที่นี่ ถ้าเขาช่วยได้ เขาก็จะช่วย
....
ตอนที่เขาเปิดใช้งาน [ เรดาห์ชีวิต ] เพื่อหาเส้นทางในการเดินทางต่อ อยู่ๆเขาก็พบจุดสีแดงในกลุ่มนักผจญภัยพวกนี้ !
ศัตรู !
น้ำเสียงของหลินลั่วเย็นชาขึ้นมา “มีอะไรอยู่ในรถ ?”
จู้เหลียงห้าวพูดขึ้นมา “น้องชาย พี่สะใภ้กับพี่ชายฉัน ทำไมนายถึงไม่เชื่อ ?”
ผู้ปลุกพลังรอบ ๆ เห็นว่าบรรยากาศดูแปลก ๆ พวกเขาพากันเข้าไปล้อมหลินลั่วเอาไว้ เมื่อเห็นว่าผู้ปลุกพลังพวกนี้ล้อมเขาเอาไว้ หลินลั่วก็ไม่ได้กลัวแม้แต่น้อย
“ฉันจะถามอีกครั้ง มีอะไรอยู่ในรถม้า ?”
สีหน้าของจู้เหลียงห้าวเปลี่ยนไป สายตาเขาสั่นไหว มือที่อยู่ด้านหลังสะบัดส่งสัญญาณห้ามไม่ให้ทุกคนลงมือ
เขายิ้มออกมาและพูดขึ้น “ในเมื่อน้องชายสนใจ แน่นอนว่าฉันก็ไม่ใจแคบหรอก...”
จู้เหลียงห้าวเดินไปที่รถม้า เขากัดฟันพูดขึ้น “น้องชาย นายมาดูเองสิ !”
ในรถม้ามีผู้หญิงอยู่
มันมีกรงที่ทำด้วยเหล็ก มันมีคน 7-8 คนอยู่ด้านใน พวกนี้เป็นเด็กสาวอายุ 12-13 ปี พวกนี้มีหน้าตาเหมือนกับจีโน
พวกเธอมีหูสีขาวเทา หน้าตาที่มีขน หางที่งอกมาที่หลัง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าพวกเธอเป็นตัวอะไรกันแน่
แวร์วูฟ !
แวร์วูฟตัวเมีย !
กลุ่มของจู้เหลียงห้าวนั้นคือพวกขายทาส !
หลินลั่วเห็นว่าแวร์วูฟพวกนี้พากันแยกเขี้ยวใส่เขาและคำรามออกมาเบา ๆ ด้วยสายตาแค้นเคือง
แทบทุกคนมีบาดแผลฟกช้ำและแผลลึกถึงกระดูก ตัวของพวกเธอโชกเลือด
จู้เหลียงห้าวลดม่านประตูลงและพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “น้องชาย ฉันไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรจากนาย !”
“มอนสเตอร์พวกนี้เป็นศัตรูของเรา แวร์วูฟเด็กพวกนี้น่ะคือถ้วยรางวัลของเรา ! หลังจากที่จับพวกมันกลับไปฝึกที่เมืองฉินได้ มันจะกลายเป็นหมาที่ภักดีของเรา !”
“น้องชาย นายอาจจะยังไม่รู้ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาในเมืองฉิน แทบทุกกองกำลังต่างก็มีการขายทาส !”
“ใช่สิ น้องชาย ถ้านายช่วยพาเรากลับไปที่เมืองฉิน พี่ชายคนนี้จะให้นายเลือกทาสไปสักตัว นายว่าไง ?”
“ทาสแวร์วูฟน่ะหัวรั้นก็จริง แต่ถ้ายอมเชื่อฟังคำสั่งแล้ว มันจะกลายเป็นหมาที่ภักดีที่สุด !”
“มันเหมือนกับการฝึกหมานั่นแหละ !”
หลินลั่วพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “ทาส ? ฉันคิดว่าทาสน่ะ...”