ตอนที่ 10 โอสถชำระไขกระดูก
ตอนที่ 10 โอสถชำระไขกระดูก
"นี่..." ทุกคนในตระกูลลู่กลืนน้ำลายดังเอื๊อก และตกใจกับภาพตรงหน้า
“แม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าได้เห็นพลังของบรรพบุรุษ แต่มันก็น่าหลงใหลมากจริงๆ หากลูกหลานอย่างเรามีความแข็งแกร่งถึงหนึ่งในพันของท่าน เกรงว่าตระกูลเราจะสามารถปกครองโลกใบนี้ได้” ผู้อาวุโสสามพูดกับตัวเอง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเคารพ และโหยหา
“คิดไม่ถึงว่าในศาลาซิงหยู่จะมีใครบางคนที่อยู่เหนือขอบเขตวิญญาณแรกเริ่ม โชคดีที่เราพาบรรพบุรุษมาด้วยในการต่อสู้ครั้งนี้ ไม่เช่นนั้น เราคงจะได้จบสิ้นอยู่ที่นี่จริงๆ” ลู่ซวนเช็ดเหงื่อจากหน้าผาก และพูดด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย
หากชายชราคนนั้นไม่วางท่ามากเกินไป ด้วยฐานพลังยุทธ์เหนือขอบเขตวิญญาณแรกเริ่ม พวกเขาทั้งหมดคงจะตายอยู่ที่นี่ด้วยการโจมตีไม่กี่ครั้ง โดยไม่มีโอกาสกระตุ้นพลังอมตะในร่างของบรรพบุรุษ
( ***ขอเปลี่ยนจากพลังโกลาหล เป็นพลังอมตะนะครับ )
“ผู้อาวุโสสาม ท่านเห็นเหมือนกับข้าหรือไม่ว่าเส้นผมของบรรพบุรุษกลายเป็นสีขาว!” จู่ๆ สีหน้าของลู่ซวนก็เปลี่ยนไป แล้วเขาก็ตะโกนด้วยความหวาดกลัว
ผู้อาวุโสสามตกใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้จึงรีบตรงเข้ามาหาลู่ซวน
แม้ว่าร่างของลู่ซุนจะยังคงเหมือนชายหนุ่ม แต่บัดนี้มีผมสีขาวอยู่ที่ขมับของเขา ซึ่งทำให้ดูมีอายุมากขึ้นเล็กน้อย
“นี่…” เมื่อผู้อาวุโสสามเห็นสิ่งนี้ เขาก็ตกใจ และร่างกายของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย
หากไม่ใช่เพราะการดำรงอยู่ของบรรพบุรุษ ตระกูลลู่คงจะถูกทำลายไปหลายครั้งแล้ว ลู่ซุนคือ ผู้พิทักษ์ของตระกูลลู่ และที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพวกเขา
“เฮ้อ... หลังจากผ่านไปหลายปี พลังอมตะในร่างกายของบรรพบุรุษคงจะถดถอยไปมาก ท่านจึงแสดงเค้าลางของความแก่ชราออกมา” ผู้อาวุโสสามถอนหายใจลึกๆ แล้วค่อยๆ พูดบางอย่างออกมาดังๆ ด้วยความรู้สึกหวาดกลัวในใจ
หากไม่ได้รับการคุ้มครองจากบรรพบุรุษ ตระกูลลู่จะสามารถอยู่รอดต่อไปได้จริงหรือ?
“นายน้อย โปรดนำบรรพบุรุษกลับไปที่ตระกูลก่อน หลังข้าจัดการเรื่องของศาลาซิงหยู่เสร็จสิ้นแล้ว เราค่อยหารือกันเพื่อหาแนวทางแก้ไข” หลังจากที่ผู้อาวุโสสามครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเขาก็กล่าวกับลู่ซวน
ต้นกำเนิดของศาลาซิงหยู่นั้นลึกลับมาก และมีผู้เชี่ยวชาญที่อยู่เหนือขอบเขตวิญญาณแรกเริ่ม คาดว่ามีสิ่งดีๆ มากมายอยู่ในนั้น ซึ่งสามารถเสริมความแข็งแกร่งของตระกูลลู่ได้
ลู่ซวนกังวลมาก เขาจึงแบกบรรพบุรุษไว้บนหลัง และหายตัวไปจากสายตาของทุกคนด้วยความเร็วสูง
จากนั้น ผู้อาวุโสสามก็นำเหล่าศิษย์ตระกูลลู่คนอื่นๆ เริ่มเก็บกวาดสิ่งต่างๆ ในศาลาซิงหยู่อย่างไร้ยางอาย
ความมั่งคั่งของศาลาซิงหยู่เกินกว่าจินตนาการของทุกคน ที่นี่มีของดีมากมาย และมีสมบัติฟ้าดินอยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงทองคำ และเงินอีกนับไม่ถ้วน
นอกจากนี้ผู้อาวุโสสามยังพบคัมถีร์อันทรงพลังหลายเล่ม และอาวุธวิเศษอีกหลายชิ้น
เพื่อที่จะขนส่งทุกสิ่งจากศาลาซิงหยู่กลับไปยังตระกูลลู่ ผู้อาวุโสสามต้องใช้เวลาสองวันเต็มในการเคลื่อนย้ายสมบัติเหล่านี้
ในคืนวันที่สาม ผู้อาวุโสหลายคนของตระกูลลู่มารวมตัวกันอีกครั้ง พวกเขามองดูบรรพบุรุษของตนที่มีผมหงอกอยู่บนขมับ และดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“เกรงกว่าพลังของบรรพบุรุษใกล้จะหมดลงแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราใช้พลังของท่านไปหลายต่อหลายครั้ง มีความเป็นไปได้ว่าอีกไม่นานร่างของบรรพบุรุษอาจจะสลายไป” สักพักผู้อาวุโสหนึ่งก็พูดขึ้นในที่สุด
ความตื่นเต้นหลังทำลายศาลาซิงหยู่หายไปในทันที และมันก็เหมือนกับเมฆสีดำทมิฬที่ห้อยอยู่เหนือหัวของทุกคน ทำให้ใบหน้าของพวกเขาดูน่าเกลียดอย่างยิ่ง
“ในความคิดของข้า ก่อนที่พลังของบรรพบุรุษจะหมดลง เราควรขอให้ปรมาจารย์อาวุธปรับแต่งร่างของท่านให้กลายเป็นศพสงคราม เพื่อที่เราจะได้มีชีวิตรอดไปได้นานขึ้นอีกสักพัก” จู่ๆ ผู้อาวุโสสองก็พูดขึ้น
“ฮึ่ม เจ้ากล้าพูดเช่นนั้นขึ้นมาได้ยังไง ศพสงครามงั้นรึ นั่นจะเป็นการหมิ่นเกียรติของบรรพบุรุษมากเกินไปแล้ว!” เมื่อผู้อาวุโสสามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็แทบจะเป็นลมด้วยความโกรธ และตะโกนออกมาเสียงดัง
“น้องสาม ข้าเชื่อว่าถ้าวิญญาณของบรรพบุรุษอยู่ในสวรรค์ ท่านจะเข้าใจว่าทำไมเราถึงต้องทำเช่นนี้” ผู้อาวุโสสองมีความคิดนี้มานานแล้ว แต่เขาไม่กล้าพูดออกมา
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้อาวุโสสูงสุดเป็นผู้ศรัทธาในตัวบรรพบุรุษอย่างยิ่ง หากเขากล่าวถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขาอาจจะถูกผู้อาวุโสสูงสุดทุบตีจนตาย
แต่ตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดเสียชีวิตแล้ว ผู้นำตระกูล ลู่ซวนยังเด็กอยู่ ยกเว้นผู้อาวุโสไม่กี่คน ไม่มีใครในตระกูลลู่ที่สามารถปราบปรามเขาได้ นั้นทำให้เขากล้าพูดถึงความคิดนี้
“แค่เราขุดบรรพบุรุษขึ้นมาจากโลงเพื่อต่อสู้กับศัตรูก็ถือว่าล้ำเส้นแล้ว ตอนนี้เจ้ากลับต้องการปรับแต่งบรรพบุรุษให้เป็นหุ่นเชิด เจ้าบ้าไปแล้วงั้นรึ?” ผู้อาวุโสที่สามเริ่มโกรธมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไร สายจาของเขาก็ยิ่งน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
ผู้อาวุโสหนึ่งมองดูทั้งสองคนที่กำลังโต้เถียงกันอยู่ และสับสนมาก เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี
พูดตามตรง เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ของตระกูลลู่ในตอนนี้ การปรับแต่งบรรพบุรุษให้เป็นศพสงครามถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
แต่นั่นคือ บรรพบุรุษของตระกูลลู่ บรรพบุรุษของพวกเขา! หากพวกเขาทำเช่นนี้จริงๆ อะไรคือความแตกต่างระหว่างพวกเขากับสัตว์เดรัจฉาน?
เมื่อเห็นว่าการโต้เถียงเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ผู้อาวุโสสาม และผู้อาวุโสสองก็จ้องหน้ากัน ราวกับว่าพวกเขาจะเริ่มต่อสู้ หากอีกฝ่ายยังไม่เห็นด้วยกันตน
ลู่ซวนถอนหายใจเบาๆ และเดินไปข้างหน้าทุกคน
“ผู้อาวุโสทั้งสองไม่จำเป็นต้องทะเลาะกันอีกต่อไป ในความคิดของข้า ด้วยสมบัติฟ้าดินมากมายที่เราได้รับจากศาลาซิงหยู่ เราสามารถใช้บางส่วนเพื่อหล่อเลี้ยงร่างของบรรพบุรุษได้” ดวงตาของลู่ซวนเป็นประกาย มีร่องรอยของความเจ็บปวดทางร่างกาย แต่เขาก็ยังกัดฟัน และพูดออกมา
“นายน้อย ด้วยฐานพลังยุทธ์ของบรรพบุรุษ สมบัติฟ้าดินเหล่านั้นเป็นเพียงน้ำหยดเดียวในถัง แม้ว่าจะใช้พวกมันทั้งหมด แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้บรรพบุรุษของเราฟื้นตัว” ผู้อาวุโสสองถอนหายใจลึกๆ
“หลายปีมานี้ เราพึ่งพาบรรพบุรุษเพื่อเอาชีวิตรอด เราติดหนี้ชีวิตท่านมากจนเกินจะนับไหว แม้จะฟื้นฟูได้เพียงหนึ่งในหมื่น ข้าก็จะไม่ลังเล!” ลู่ซวนมองไปที่ผู้อาวุโสสอง และพูดอย่างเด็ดขาด
เมื่อผู้อาวุโสสองเห็นดวงตาของลู่ซวนที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เขาก็ค่อยๆ ส่ายหัว และล้มเลิกความคิดก่อนหน้านี้ในที่สุด
“ข้าจะรีบไปเชิญหมอมา” ผู้อาวุโสสามยิ้มกว้าง และรีบจากไปหลังจากพูด
ลู่ซุนจ้องมองพวกเขาตั้งแต่ต้นจนจบด้วยรอยยิ้มที่ฉายชัดในดวงตาของเขา เขาค่อนข้างพอใจกับผู้นำตระกูลลู่คนปัจจุบัน
แม้ว่าลู่ซวนจะยังเด็กอยู่ แต่เขาก็สง่าราศีของผู้นำตระกูล ซึ่งทำให้ลู่ซุนมีความสุขมาก
"ติ๊ง ตระกูลลู่ได้ทำลายศาลาซิงหยู่ และชื่อเสียงของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก แต้มชื่อเสียง +100"
"ติ๊ง ร้านค้าของระบบได้เปิดขึ้นแล้ว และฟังก์ชันลอตเตอรี่ได้เปิดใช้งานแล้ว”
เมื่อได้ยิน ลู่ซุนก็ตรวจสอบฟังก์ชันใหม่ของระบบ
สำหรับร้านค้า ของข้างในนั้นก็ดูวิจิตรตระการตา แต่ส่วนใหญ่ก็มีราคาแพงจนน่าขัน ซึ่งทำให้ลู่ซุนเลิกให้ความสนใจ
ตอนนี้ลู่ซุนมีแต้มชื่อเสียงที่น้อยจนน่าสมเพช เขาเพียง 100 แต้มเท่านั้น แต่เขาสามารถหมุนลอตเตอรี่ระดับต่ำได้
“ระบบ หมุนลอตเตอรี่หนึ่งครั้ง” ลู่ซุนพึมพำอย่างไม่ใส่ใจ เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับอะไรดีๆ
มันเป็นแค่ลอตเตอรี่ระดับต่ำที่สุด บางทีเขาอาจจะไม่ได้รับอะไรเลย
"ติ๊ง เริ่มการหมุนลอตเตอรี่"
"ติ๊ง ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ได้รับรางวัลเป็น ‘โอสถชำระไขกระดูก’ ซึ่งสามารถช่วยให้คนที่กินปรับปรุงรากกระดูกของตนได้"
หากเขาจำไม่ผิด ในร้านค้าของระบบ โอสถชำระไขกระดูกเม็ดนี้ต้องใช้แต้มชื่อเสียงถึง 3,000 แต้มในการซื้อ
“ดูเหมือนวันนี้ ข้าจะค่อนข้างโชคดี” ลู่ซุนยิ้มเล็กน้อย