ตอนที่แล้วตอนที่ 37 วิชาควบคุมลม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 39 มู่ชิง

ตอนที่ 38 จิตสำนึก


ตอนที่ 38 จิตสำนึก

กลับถึงเรือนเล็ก หลินมู่เข้าไปในห้องเงียบ

หยิบแผ่นหยกที่บันทึกวิชาควบคุมลมออกมาจากอกเสื้อ ส่งพลังวิญญาณเข้าไป แล้วหลินมู่เริ่มศึกษาอย่างละเอียด

หลินมู่ได้ศึกษาศาสตร์วิชาทั้งห้าอย่างครอบคลุม ในด้านวิชาอาคมหลินมู่ถือว่ามีความเชี่ยวชาญในระดับหนึ่งแล้ว

ดังนั้นการเรียนวิชาควบคุมลมจึงเป็นเรื่องง่ายดาย เมื่อเข้าใจเนื้อหาในแผ่นหยกอย่างถ่องแท้ หลินมู่จึงเริ่มทดลองใช้วิชาควบคุมลม

เพียงขยับนิ้วมือเล็กน้อย หลินมู่ก็รู้สึกตัวเบาหวิวราวกับล่องลอยอยู่บนสรวงสวรรค์

สำเร็จ!

แววตาหลินมู่ฉายแววดีใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องมายังลานบ้าน

ใต้ต้นไม้โบราณสองต้น หลินมู่เริ่มฝึกฝนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเช่นเคย

เมื่อเวลาผ่านไป การฝึกวิชาควบคุมลมก็มากขึ้นเรื่อย ๆ หลินมู่รู้สึกว่าร่างกายของตนเองเบาขึ้นราวกับจะเหาะเหินไปตามสายลม

ยามค่ำคืน วิชาควบคุมลมของหลินมู่ก็เริ่มเห็นผลแล้ว

ด้วยพลังของวิชาควบคุมลม เท้าของหลินมู่สามารถลอยขึ้นจากพื้นได้ครึ่งฉื่อ เขารู้สึกราวกับมีสายลมพยุงตัวเองไว้สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระด้วยแรงลม

แต่ด้วยข้อจำกัดของแรงลม ความเร็วในการเคลื่อนที่จึงช้ามาก และแต่ละครั้งที่ลอยตัวกลางอากาศได้ไม่นานนัก เพียงชั่วชงชาเท่านั้น

แต่หลินมู่ก็รู้สึกยินดีอย่างแท้จริง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้บินอย่างแท้จริง

หลุดพ้นจากข้อจำกัดของปุถุชน สามารถเคลื่อนที่กลางอากาศได้อย่างอิสระ

นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เมื่อวิชาควบคุมลมของหลินมู่ก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ เวลาที่เขาสามารถลอยตัวกลางอากาศได้ก็ยาวนานขึ้น ความสูงก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย หลินมู่ลอยตัวกลางอากาศ เอื้อมมือก็สามารถเด็ดใบไม้ที่อยู่ตรงหน้าอกได้

หลินมู่ฝึกวิชาควบคุมลมติดต่อกันสามวัน

บ่ายวันที่สาม หลินมู่สามารถลอยตัวได้สูงกว่าหนึ่งจั้ง และลอยตัวอยู่กลางอากาศได้นานถึงครึ่งก้านธูป

ณ จุดนี้ ถือว่าวิชาควบคุมลมของหลินมู่มีความก้าวหน้าในระดับหนึ่ง สามารถรับมือกับสถานการณ์ทั่วไปได้ แต่หากต้องเผชิญกับกระสุนเพลิงสี่วิถีของหม่าฮวาหยวน โอกาสที่จะหลบได้ก็ยังไม่มากนัก เพราะตอนนี้หลินมู่ยังไม่สามารถควบคุมวิชานี้ได้อย่างใจนึก การใช้วิชาควบคุมลมยังต้องใช้เวลาพอสมควร หลินมู่จึงตัดสินใจที่จะพยายามเพิ่มความเร็วในการใช้วิชานี้

วิชาควบคุมลมไม่ได้ต้องการความชำนาญในการใช้นิ้วมือมากนัก แต่ในบรรดาวิชาขั้นต้น การใช้วิชาควบคุมลมต้องใช้พลังวิญญาณเป็นจำนวนมาก เหตุผลที่หลินมู่ยังไม่สามารถควบคุมได้อย่างใจนึก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะขอบเขตยุทธ์ของเขายังต่ำ อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะยังไม่คุ้นเคยกับวิชาควบคุมลมมากพอ

วิชาใดก็ตามหากต้องการใช้ได้อย่างคล่องแคล่ว ต้องผ่านการฝึกฝนหลายพันครั้ง

เรื่องนี้ไม่อาจเร่งรัดได้ ต้องอาศัยความพยายามอย่างหนักเท่านั้น

ยังเหลือเวลาอีกสองเดือนก่อนการประลองใหญ่ หลินมู่ยังมีเวลาฝึกฝนอีกมาก

นอกจากการฝึกวิชาควบคุมลม หลินมู่ยังไม่ลืมที่จะฝึกตนในมิติวังวนจันทรา ตอนนี้เขาไม่คิดที่จะปิดบังความสามารถอีกต่อไป จึงตั้งใจฝึกฝนมากขึ้น เขาดื่มยาผนึกวิญญาณวันละขวดเพื่อช่วยเพิ่มขอบเขตยุทธ์

หลังจากที่เลื่อนขั้นสู่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเจ็ด หลินมู่ก็เริ่มปรับตัวเข้ากับยาผนึกวิญญาณได้แล้ว

การดื่มยาผนึกวิญญาณวันละขวดไม่ได้ทำให้ขอบเขตยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้นเร็วเกินไป ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ พลังวิญญาณในร่างกายก็ยังสามารถควบคุมได้อย่างอิสระ

แต่ในขณะเดียวกัน หลินมู่ก็พบว่ายิ่งเขาดื่มยาผนึกวิญญาณมากขึ้นเท่าไหร่ ประสิทธิภาพของยาก็ลดลงมากขึ้นเท่านั้น

เดิมทีหลินมู่ใช้ยาผนึกวิญญาณเพียงสามสิบขวด ก็สามารถเลื่อนจากขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นหกไปสู่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเจ็ดได้ แต่ตอนนี้หลินมู่คาดว่าหากใช้แค่ยาอย่างเดียว เขาต้องใช้ยาอย่างน้อยร้อยกว่าขวดถึงจะเลื่อนระดับจากขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเจ็ดไปสู่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นแปด

นี่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยาผนึกวิญญาณเป็นเพียงยาระดับหนึ่ง เมื่อขอบเขตยุทธ์เพิ่มขึ้น ประสิทธิภาพก็จะลดลงเรื่อย ๆ เมื่อถึงขอบเขตสร้างรากฐาน ยาผนึกวิญญาณก็จะไม่เกิดผลใด ๆ เลย

การฝึกตนเป็นเรื่องน่าเบื่อหน่าย ไม่มีอะไรสนุก ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและความพยายามเท่านั้น

หลินมู่ฝึกวิชาควบคุมลมทุกคืนในลานบ้าน ส่วนกลางวันก็นั่งฝึกตนในมิติวังวนจันทรา

วันเวลาผ่านไปอย่างเร่งรีบ และมีความหมาย

ช่วงเวลาเช่นนี้ดำเนินไปเพียงแปดวัน หญ้าวิญญาณในมิติวังวนจันทรา ก็สุกงอมอีกครั้ง!

กลิ่นหอมของยานี้หอมชื่นใจ หลินมู่ยืนอยู่ท่ามกลางหญ้าวิญญาณรู้สึกเคลิบเคลิ้ม

การเก็บเกี่ยวยาครั้งนี้ก็ไม่ต่างจากครั้งก่อน ๆ เพียงแต่หลินมู่ตั้งใจปลูกหญ้าวิญญาณแปดชนิดที่ใช้ในการปรุงยาผนึกวิญญาณเพิ่มขึ้น

หลินมู่ใช้เวลาหนึ่งวันเก็บหญ้าวิญญาณทั้งหมดเข้าไปในกระท่อม ครั้งนี้เขาได้ส่วนผสมสำหรับปรุงยาผนึกวิญญาณทั้งหมดห้าร้อยส่วน มากกว่าครั้งที่แล้วถึงสองร้อยส่วน

หลังจากการเก็บเกี่ยวยาครั้งนี้ หลินมู่รู้สึกได้ถึงความต้องการยาผนึกวิญญาณจำนวนมากอย่างยิ่ง

ยิ่งขอบเขตยุทธ์สูงขึ้น ยิ่งต้องการยาผนึกวิญญาณมากขึ้น

ยาห้าร้อยขวดก่อนหน้านี้ หลินมู่คิดว่าน่าจะเพียงพอจนถึงขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นสิบ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไปถึงแค่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเก้าก็ถือว่าดีแล้ว

หลินมู่ใช้จอบวิญญาณปฐพีพรวนดินอีกครั้ง ครั้งนี้เขาตัดสินใจที่จะใช้ที่ดินวิญญาณทั้งหมดปลูกหญ้าวิญญาณแปดชนิดที่ใช้ปรุงยาผนึกวิญญาณ

หลินมู่ใช้เวลาอีกหนึ่งวันจึงปลูกเสร็จบนที่ดินวิญญาณทั้งหมดหกหมู่

การเพาะปลูกครั้งนี้มีจำนวนมาก หลินมู่ประเมินคร่าว ๆ ว่าเมื่อเก็บเกี่ยวได้ อย่างน้อยจะได้ส่วนผสมหนึ่งพันสองร้อยส่วน!

ส่วนผสมเหล่านี้น่าจะเพียงพอสำหรับเขาจนถึงขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นสิบ

หลังจากปลูกเสร็จ หลินมู่ก็รู้สึกสบายใจ

ชีวิตกลับสู่สภาพเดิม ฝึกวิชาควบคุมลมและฝึกตนทุกวัน

นอกจากการฝึกตน หลินมู่ยังไม่ลืมที่จะฝึกฝนวิชาอาคมที่เคยเรียนมาก่อนหน้านี้ ทั้งเคล็ดหลอมโลหะ เคล็ดเพลิงโรมรัน เคล็ดวารีมรกต และเคล็ดปฐพีแน่นหนา เขามักจะฝึกฝนอยู่เสมอเพื่อไม่ให้ลืม

แม้แต่เคล็ดจิตแห่งดารา หลินมู่ก็ไม่เคยละทิ้ง ยังคงสละเวลาฝึกฝนทุกวัน

แม้จิตสำนึกของหลินมู่จะอยู่ในระดับจิตดั่งเส้นไหม ซึ่งมีคุณภาพเทียบเท่ากับจิตสำนึกของผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐาน แต่ในด้านปริมาณก็ยังคงเป็นจิตสำนึกของขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นเจ็ด ซึ่งยังด้อยกว่าผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นแปดอยู่เล็กน้อย

เคล็ดจิตแห่งดารามีบันทึกวิธีการฝึกฝนจิตสำนึก หลินมู่ฝึกฝนตามนั้นทุกวัน รู้สึกว่าจิตสำนึกของเขามีความก้าวหน้า แม้ว่าความก้าวหน้าจะไม่มากนัก แต่เมื่อสะสมไปเรื่อย ๆ ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่น้อยเลย

สิ่งที่ทำให้หลินมู่ประหลาดใจคือ เขาพบวิธีการใช้จิตสำนึกแบบหนึ่งในเคล็ดจิตแห่งดารา

วิชานี้มีชื่อว่า “หนามจิตสำนึก” ตามที่บันทึกไว้ในแผ่นหยก คือการรวมจิตสำนึกให้เป็นหนามแหลม ปล่อยออกไปโจมตีทะเลแห่งจิตสำนึกของฝ่ายตรงข้าม ทำให้ฝ่ายตรงข้ามเกิดอาการมึนงงชั่วขณะ

ในการต่อสู้กับศัตรู อาการมึนงงเพียงชั่วครู่ก็เพียงพอที่จะตัดสินแพ้ชนะ หรือแม้แต่ความเป็นความตายได้

แต่ “หนามจิตสำนึก” ก็มีข้อเสีย คือไม่สามารถใช้กับคนที่มีระดับจิตสำนึกสูงกว่าตนเองได้ มิเช่นนั้นจิตสำนึกจะถูกสะท้อนกลับ ทำให้ทะเลแห่งจิตสำนึกสั่นสะเทือน ถือเป็นเรื่องอันตรายยิ่งแล้ว

หากจิตสำนึกได้รับบาดเจ็บเป็นเรื่องที่ยากจะรักษา แม้จะรักษาหายได้ก็ต้องใช้เวลานานมาก

ยิ่งไปกว่านั้นเงื่อนไขในการใช้ “หนามจิตสำนึก” ก็เข้มงวดมาก ประการแรกคือต้องบรรลุถึงระดับจิตดั่งเส้นไหม ประการที่สองคือต้องมีความตั้งใจแน่วแน่ มีความเชื่อมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้า จึงจะสามารถทำลายการป้องกันจิตสำนึกของฝ่ายตรงข้าม บุกเข้าไปในทะเลแห่งจิตสำนึกของพวกเขา และทำให้พวกเขามึนงงได้

หลินมู่ชอบ “หนามจิตสำนึก” นี้มาก

ในการประลองใหญ่ ผู้เข้าร่วมล้วนเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณ ย่อมไม่มีผู้ใดมีจิตสำนึกแข็งแกร่งกว่าเขา

หากในการต่อสู้ หลินมู่ใช้ “หนามจิตสำนึก” กะทันหัน จะทำให้คู่ต่อสู้ตั้งรับไม่ทันแน่นอน

ท่านี้สามารถใช้เป็นท่าไม้ตายเพื่อเอาชนะศัตรูได้

แต่ “หนามจิตสำนึก” ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฝึกฝน ต้องอาศัยการรวมจิตสำนึกให้เข้มข้นอย่างมาก แล้วปล่อยหนามจิตสำนึกเล็ก ๆ ออกไปโจมตีทะเลแห่งจิตสำนึกของฝ่ายตรงข้าม

กระบวนการนี้เจ็บปวดมาก ทุกครั้งที่หลินมู่รวมจิตสำนึก เขาจะรู้สึกเวียนหัว บางครั้งก็ปวดหัวจนแทบจะทนไม่ไหว

ความเจ็บปวดเสียดแทงราวกับเข็มทิ่มแทง คล้ายคลื่นที่ซัดเข้ามาเป็นระลอก ๆ ทำให้แทบจะทนไม่ได้

หลินมู่กัดฟันฝืนฝึกต่อไป ทุกครั้งที่ฝึกเสร็จ เสื้อผ้าของเขาจะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ นิ้วทั้งสิบนิ้วซีดขาวเพราะความเจ็บปวด

ห้าวันต่อมา ในที่สุดหลินมู่ก็ฝึกฝน “หนามจิตสำนึก” จนสำเร็จ

อย่างน้อยตอนนี้ เวลาที่เขาใช้ท่านี้ เขาจะไม่รู้สึกเวียนหัวอีกต่อไป

แต่ประสิทธิภาพของมันจะเป็นอย่างไร ยังต้องรอการพิสูจน์… อาจจะต้องรอจนกว่าการประลองใหญ่ของศิษย์สำนักนอกจะเริ่มขึ้นจึงจะทราบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด