ตอนที่ 33 จิตดั่งเส้นไหม
ตอนที่ 33 จิตดั่งเส้นไหม
หลินมู่มองส่งจางลั่วสวีที่เดินจากไปพลางส่ายหัว ก่อนจะเดินกลับไปยังเรือนพัก
เมื่อกลับถึงเรือน หลินมู่ปิดประตูตรงไปยังห้องฝึกตน
หลินมู่นั่งลงบนเบาะ หยิบแผ่นหยกสีน้ำเงินเข้มที่บันทึกเคล็ดวิชาดาราจิตออกมาจากอกเสื้อ
แผ่นหยกนี้คือสมบัติล้ำค่าที่สุดที่เขาได้มาจากหอซ่อนวิถี
แม้เคล็ดวิชาดาราจิตจะเป็นเพียงวิชาที่ไม่สมบูรณ์ และมีข้อเสียอยู่บ้าง แต่สำหรับหลินมู่แล้วมันคือสมบัติอันล้ำค่า
เคล็ดวิชาดาราจิตนี้ฝึกยากมาก คนทั่วไปแทบจะฝึกไม่สำเร็จ แต่เพียงแค่ชั้นแรกก็เพียงพอแล้วสำหรับหลินมู่ จุดประสงค์ของหลินมู่ไม่ได้ต้องการให้จิตสำนึกแข็งแกร่งขึ้นมากมายนัก เพียงแค่ต้องการจะเล่นแร่แปรธาตุได้โดยไม่เหนื่อยล้าเท่านั้น ในระหว่างเล่นแร่แปรธาตุ ฝาเตาจะเปิดออกไม่ได้ สถานการณ์ภายในเตาทั้งหมดจะต้องใช้จิตสำนึกตรวจสอบเท่านั้น
นี่เป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่สำหรับจิตสำนึก ตลอดมาหลินมู่ใช้พลังจิตสำนึกของตัวเองหนักหนาสาหัสเกินไป
หลินมู่หวังว่าเคล็ดวิชาดาราจิตจะช่วยบรรเทา และลดภาระของเขาลงได้บ้าง
หลินมู่เริ่มศึกษาเคล็ดวิชาดาราจิตอย่างละเอียด โดยการถ่ายทอดพลังวิญญาณเข้าไป แม้จะเป็นเพียงวิชาที่ไม่สมบูรณ์แต่กลับลึกซึ้งยิ่งนัก เพียงแค่ชั้นแรกก็มีเนื้อหาไม่ต่ำกว่าหมื่นตัวอักษร หลินมู่อ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายสิบรอบกว่าจะเข้าใจความหมาย แต่ก็ยังไม่กระจ่างแจ้งนัก
หลังจากศึกษาอย่างละเอียดแล้ว หลินมู่จึงเข้าใจว่าจิตสำนึกมีความสำคัญต่อผู้ฝึกตนมากเพียงใด
ไม่ว่าจะเป็นการเล่นแร่แปรธาตุ การร่ายเวท หรือแม้แต่การต่อสู้กับผู้อื่น ล้วนแต่ควบคุมด้วยจิตสำนึก แม้แต่การเข้าใจพลังวิญญาณฟ้าดินก็ขึ้นอยู่กับความเฉียบแหลมของจิตสำนึกของแต่ละคน
เคล็ดวิชาดาราจิตได้บันทึกวิธีการฝึกฝนจิตสำนึกและวิธีการใช้จิตสำนึกหลายวิธีไว้อย่างละเอียด
สิ่งเหล่านี้ดึงดูดความสนใจหลินมู่ได้มาก!
หลินมู่ละทิ้งความคิดฟุ้งซ่าน แล้วทำตามเคล็ดวิชาที่แผ่นหยกกล่าวไว้ จิตใจจมลงสู่ทะเลแห่งจิตสำนึก ทันทีที่เข้าสู่ภายใน สายตาของเขาแข็งค้างด้วยความตกตะลึง
ภายในทะเลแห่งจิตสำนึกกว้างใหญ่ไพศาล แต่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย พื้นที่หลายแห่งมืดมิดราวกับหมึก มีเพียงเศษเสี้ยวของจิตสำนึกอยู่กลางทะเล ปล่อยแสงสลัวออกมา แสงนั้นริบหรี่ราวกับจะถูกความมืดรอบข้างกลืนกินได้ทุกเมื่อ
หลินมู่ไม่เคยเข้ามาในทะเลแห่งจิตสำนึกมาก่อน เขาเพียงแต่รู้ว่าจิตสำนึกของเขาอ่อนแอแต่ไม่เคยคิดว่าจะอ่อนแอถึงเพียงนี้
ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับภาพที่เห็นในทะเลแห่งจิตสำนึก แต่ตอนนี้เขาก็มีความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้นบ้างแล้ว เมื่อเห็นเศษเสี้ยวของจิตสำนึกที่อาจถูกความมืดกัดกินได้ทุกเมื่อ เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมา
หลินมู่ท่องคาถาตามที่แผ่นหยกกล่าวไว้ ทันใดทะเลแห่งจิตสำนึกก็เกิดความปั่นป่วนขึ้น
เศษเสี้ยวของจิตสำนึกที่ล่องลอยอยู่เริ่มรวมตัวกันอย่างช้า ๆ ที่ใจกลางทะเลแห่งจิตสำนึก แสงสลัวที่กระจัดกระจายมารวมกันก่อตัวเป็นพื้นที่หนึ่งในใจกลางทะเลแห่งจิตสำนึก
เศษเสี้ยวของจิตสำนึกอยู่ใกล้กัน ภายใต้การควบคุมของหลินมู่ เศษเสี้ยวเหล่านั้นเริ่มหลอมรวมกันทีละสอง แม้จะช้าแต่ก็เป็นหนึ่งเดียวกันไม่เกิดการต่อต้านใด ๆ
ยิ่งเศษเสี้ยวของจิตสำนึกรวมกันมากขึ้นเท่าใด ความเร็วในการหลอมรวมก็ยิ่งช้าลงเท่านั้น แต่หลินมู่ก็ยังคงอดทน ควบคุมทุกอย่างอย่างระมัดระวังตามที่เคล็ดวิชาดาราจิตกล่าวไว้
ด้วยความพยายามอย่างไม่ลดละของหลินมู่ ในที่สุดเศษเสี้ยวของจิตสำนึกก็หลอมรวมกันเป็นลูกกลม ๆ ลอยเคว้งคว้างอยู่ในความว่างเปล่า
หลินมู่ไม่หยุดพักแม้แต่น้อย ลูกกลมเริ่มหดตัวลงเรื่อย ๆ และเล็กลงต่อเนื่อง
ทุกครั้งที่ลูกกลมหดเล็กลง หลินมู่ก็รู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น ความเจ็บปวดนี้ไม่ใช่ความเจ็บปวดทางกาย แต่เป็นความเจ็บปวดทางจิตโดยตรง ไม่อาจหลบเลี่ยงได้
ยิ่งลูกกลม ๆ นั้นหดเล็กลงเท่าไหร่ ความเจ็บปวดของหลินมู่ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น ความเจ็บปวดเช่นนี้ไม่สามารถบรรเทาได้ทำได้เพียงอดทนอย่างเงียบ ๆ
ร่างกายของหลินมู่สั่นเทา เหงื่อไหลอาบหน้า ร่างกายร้อนระอุราวกับหม้อต้ม
ลูกกลมหดตัวช้าลงเรื่อย ๆ แต่ความเจ็บปวดยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นราวกับเจ็บปวดถึงขั้วหัวใจ
ภายใต้แรงกดดันอย่างต่อเนื่องของหลินมู่ ในที่สุดลูกกลมก็ทนไม่ไหวระเบิดออกทันที
เหมือนดอกไม้ไฟที่สว่างไสว เบ่งบานในทะเลแห่งจิตสำนึกที่มืดมิด สวยงามตระการตา
ความเจ็บปวดอย่างถาโถมในฉับพลัน กระทั่งทำหลินมู่หมดสติไป
……
……
สามวันต่อมา หลินมู่ตื่นขึ้นอย่างช้า ๆ ร่างกายปวดเมื่อย ไม่มีเรี่ยวแรง พื้นที่เย็นเฉียบทำให้ความเจ็บปวดชัดเจนยิ่งขึ้น
หลินมู่พยายามลุกขึ้นนั่ง ไม่สนใจความเจ็บปวด รีบเข้าไปในทะเลแห่งจิตสำนึกเพื่อดูว่าตอนนี้เป็นอย่างไร
ภายในทะเลแห่งจิตสำนึกยังคงมืดมิด แต่เหนือความว่างเปล่าที่มืดมิดมีแสงสว่างปรากฏขึ้น
ใช่แล้ว มีเพียงแสงเดียว…
เส้นบาง ๆ คล้ายเส้นไหมสีเงินทอดยาวข้ามทะเลแห่งจิตสำนึก...
แสงสีเงินขาวจาง ๆ ส่องประกายเจิดจ้าในความว่างเปล่าที่มืดมิด แตกต่างจากเศษเสี้ยวที่กระจัดกระจายก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง
หลินมู่ดีใจอย่างบอกไม่ถูก นี่คือชั้นแรกของเคล็ดวิชาดาราจิต… จิตดั่งเส้นไหม!
หลินมู่ตระหนักได้ในทันทีว่าเคล็ดวิชาดาราจิตนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน!
เคล็ดวิชานี้แปลกประหลาดยิ่งนัก มันรวบรวมจิตสำนึกที่สับสนวุ่นวายทั้งหมดเข้าด้วยกัน หลอมรวมเป็นลูกกลม ๆ จากนั้นบีบอัดลูกกลมนั้นจนถึงขีดสุด ลูกกลมก็จะระเบิดเองแต่จิตสำนึกไม่ได้หายไปกลับเหมือนได้เกิดใหม่ กลายเป็นเส้นไหมสีเงินที่สว่างไสว
ไม่แตกสลายก็ไม่สร้างใหม่ แตกสลายแล้วจึงสร้างใหม่!
ผู้ที่สร้างเคล็ดวิชานี้ขึ้นมาต้องเป็นอัจฉริยะอย่างแน่นอน!
หลังจากที่จิตสำนึกรวมตัวเป็นเส้นไหม หลินมู่ก็รู้สึกได้ทันทีถึงความแตกต่างจากเดิม
เขารับรู้ถึงพลังวิญญาณฟ้าดินได้ละเอียดอ่อนขึ้น คิดอะไรได้ลึกซึ้ง และมีสมาธิมากขึ้น ไม่ลังเลหรือฟุ้งซ่านเช่นเมื่อก่อนอีกต่อไป
นี่เป็นเพียงปรากฏการณ์ภายนอกเท่านั้น หลินมู่กลืนเม็ดยาชีวิต นั่งสมาธิปรับลมปราณ เวลานี้เขาพบว่าความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว!
การค้นพบนี้ทำให้หลินมู่ดีใจอย่างบอกไม่ถูก!
ตลอดมาหลินมู่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับรากวิญญาณห้าธาตุ ความเร็วในการฝึกฝนที่ช้าเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเขา หากไม่ใช่เพราะโชคชะตาที่ทำให้เขาค้นพบมิติพิเศษภายในจี้วังวนจันทรา ปลูกหญ้าวิญญาณ และปรุงโอสถเพื่อเพิ่มขอบเขตยุทธ์ด้วยโอสถเหล่านั้น ตอนนี้เขาคงยังต้องทนอยู่กับการถูกเหยียดหยาม และคำพูดดูถูกจากผู้อื่น ทั้งยังคงถูกหม่าฮวาหยวนรังแก
เห็นได้ชัดว่าพรสวรรค์ในการฝึกฝนนั้นสำคัญเพียงใด!
เคล็ดวิชาดาราจิตได้แก้ปัญหานี้ให้เขาจากแก่นแท้ การเปลี่ยนแปลงของจิตสำนึกคือการเปลี่ยนแปลงของตัวเขาเอง นับจากนี้ไปแม้จะไม่ต้องพึ่งยาผนึกวิญญาณ เขาก็สามารถฝึกฝนได้ทันกับศิษย์ทั่วไป แต่แน่นอนว่ายังคงมีความแตกต่างอยู่บ้างเมื่อเทียบกับศิษย์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่น
หลินมู่เชื่อว่าเขาสามารถชดเชยสิ่งเหล่านี้ได้ด้วยความพยายามและโอสถ
ท้ายที่สุดแล้วพรสวรรค์ในการเล่นแร่แปรธาตุก็เป็นพรสวรรค์เช่นกัน เขาเชื่อมั่นว่าตนเองไม่ด้อยไปกว่าใครในด้านนี้!
การรับรู้ถึงพลังวิญญาณฟ้าดินที่เพิ่มขึ้นทำให้หลินมู่ตื่นเต้นอย่างมาก ผลลัพธ์นี้สำคัญกว่าโอสถผนึกวิญญาณหนึ่งพันขวดเสียอีก เคล็ดวิชาดาราจิตได้ยกระดับคุณสมบัติของเขาขึ้นอย่างแท้จริง!
ความเร็วในการฝึกฝนของผู้ฝึกตนนั้นขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ ความรู้พื้นฐาน โอสถ และหินวิญญาณ รวมถึงความเข้าใจในพลังวิญญาณฟ้าดิน
ในสี่สิ่งนี้ นอกจากพรสวรรค์ และความรู้พื้นฐานแล้ว อีกสองสิ่งที่เหลือหลินมู่ก็ไม่ด้อยไปกว่าใคร ในด้านโอสถเขายังเหนือกว่าศิษย์ภายนอกส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ
หลินมู่ตื่นจากสมาธิ รู้สึกสบายตัวไปทั่ว
หลังจากบรรลุถึงขอบเขตจิตดั่งเส้นไหม หลินมู่รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าความเร็วในการพัฒนาขอบเขตยุทธ์ของเขาเพิ่มขึ้นมาก
ขอบเขตสร้างรากฐานไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป…