บทที่ 91 เคล็ดวิชามังกรแท้
เมื่อมองยังหลินซวนและหลินหานคงที่ค่อยๆ เคลื่อนหายไปในยามวิกาล หลินชางหลางก็หันศีรษะมองย้อนไปในทิศทางของเมืองฉีซาน พร้อมกับแววตาอันเป็งประกายก่อนพึมพำกับตนเอง
“หลัวหมิงซานรอข้าก่อนเถอะ วันนั้นต้องมาถึงในอีกไม่นานนี้แน่!”
หลินชางหลางเชื่ออย่างสนิทใจในพรสวรรค์ของหลินหานคง ว่าเขาจะต้องมีชื่อเสียงเลื่องลือแน่หลังจากเข้าฝึกฝนที่สำนักซวนหยวน!
ณ เมืองฉีซาน
จวบจนกระทั่งดึกดื่น หลัวเฉิงจึงได้กลับมายังเรือนเล็กๆ ของตน
เขาวางกล่องหยกที่บรรจุสมุนไพรระดับสี่ดาวไว้ จากนั้นจึงถอดกระบี่ยาวที่เขาออกจากเอว
กระบี่เล่มนี้เคยเป็นของหลินอวี้เหลียงมาก่อน นับแต่นี้ เขาจะใช้มันเพื่อฝึกฝนให้เป็นประโยชน์ต่อตัวเขาเอง
หลังคิดเช่นนั้น ทันใดเขาก็ชักกระบี่ยาวออกจากฝัก ก่อนปรากฏแสงวาวเย็นจากคมกระบี่อันท่วมท้น
“คุณภาพของกระบี่นี้นับว่าไม่ธรรมดา แต่ช่างน่าเสียดายนักที่มันไม่ใช่อาวุธสมบัติระดับดาว”
หลัวเฉิงรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
อาวุธสมบัติระดับดาวนั้นก็เฉกเช่นเดียวกับวิญญาณยุทธ์ มันจะถูกจัดระดับตามความแข็งแกร่งของดาวที่มีอยู่นั่นเอง
เพียงว่า มูลค่าของอาวุธสมบัติระดับดาวนั้นสูงมาก เพียงแค่ราคาเริ่มต้นของอาวุธสมบัติระดับหนึ่งดาวก็มากถึงแสนตำลึงแล้ว
หลัวเฉิงส่ายศีรษะแล้วถือกระบี่ยาวย่างเท้าไปยังลานฝึกยุทธ์
เขายืนอยู่ที่นั่นแล้วชี้กระบี่ตนไปยังแผ่นหินขนาดใหญ่เบื้องหน้า ในหัวก็นึกถึงฉากการสังหารหลินเย่ในใจ ทันใดก็ร่ำกระบี่ออกไปอย่างฉับพลัน
ประกายแสงกระบี่วาบหนึ่ง ทว่ากับไร้ซึ่งเสียงสะท้านห้วงอากาศ บนแผ่นหินขนาดใหญ่ได้ปรากฏรอยฟันลึกของกระบี่ทอดยาวกว่าห้าฉื่อ!
“นี่น่ะหรือ คือพลังของวรยุทธระดับสี่ดาว! ช่างทรงพลังกว่าวรยุทธระดับสามดาวยิ่งนัก”
หลัวเฉิงพึมพำด้วยความพอใจในเพลงกระบี่ตน เนื่องจากว่า นี่เป็นเพียงกระบวนท่าแรกจากสยบสวรรค์สี่กระบวน อีกทั้งเขาก็เพิ่งเริ่มต้นฝึกเท่านั้น
วรยุทธระดับสี่ดาวเป็นวรยุทธระดับกลาง ขณะที่วรยุทธระดับสามดาวเป็นเพียงวรยุทธระดับเริ่มต้นเท่านั้น ทว่า ความแข็งแกร่งของพลังที่รีดเค้นออกมา กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เขาไม่คิดรีบร้อนรีบฝึกเพลงกระบี่แต่อย่างใด หลัวเฉิงเดินไปยังกลางลานฝึกยุทธ์แล้วนั่งลงขัดสมาธิ
“ดูท่า ข้าคงต้องลองฝึกเคล็ดวิชาควบคุมมังกรสวรรค์อีกครั้ง!”
ตั้งแต่ได้รับวิชาควบคุมมังกรสวรรค์มา หลัวเฉิงยังไม่ได้จริงจังกับการฝึกฝนมากนัก เขาหลับตาลงแล้วค่อยๆ เข้าสู่ห้วงแห่งการฝึกฝนเคล็ดวิชาทันที
ซึ่งที่เขาฝึกฝนอยู่นี้คือขั้นแรกของเคล็ดวิชาควบคุมมังกรสวรรค์
ขั้นแรกของเคล็ดวิชาควบคุมมังกรสวรรค์ เรียกว่าเคล็ดวิชามังกรแท้ ซึ่งมีทั้งหมดเก้าขั้น เมื่อแต่ละขั้นถูกฝึกฝนจนถึงระดับสูง ปราณแท้ในร่างของผู้ฝึกยุทธ์จะได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!
หลัวเฉิงปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ของตนออกมาและปฏิบัติตามคำชี้แนะของเคล็ดวิชาทันใด ขณะในหัวนั้นจินตนาการว่าตนเป็นมังกรแท้จริงที่เหยียบย่ำอยู่บนผืนพิภพนี้
ทันใดนั้น ความเร็วของวังวนปราณแท้ในตันเถียนก็เพิ่มขึ้นสิบเท่า! พร้อมกับคลื่นเสียงคำรามมังกรที่กึกก้องสะท้านออกมา กระทั่งดาราจักรในวิญญาณยุทธ์ที่เคยสงบ ก็กลับส่องแสงเป็นประกายระยิบระยับ
ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ครั้นเมื่อรุ่งสางมาเยือน หลัวเฉิงก็ลืมตาตนขึ้นพร้อมกับหายใจออกอย่างช้าๆ
“การฝึกฝนเคล็ดวิชาควบคุมมังกรสวรรค์นั้นมิใช่ง่ายเลย…”
ตามคำชี้แนะของเคล็ดวิชาควบคุมมังกรสวรรค์ เมื่อเริ่มฝึกเคล็ดวิชามังกรแท้ ปราณมังกรจะควบแน่นรวมกับตันเถียน! หลังทะลวงเข้าสู่ขั้นต่อไปปราณมังกรจะเกิดการเปลี่ยนแปลง
ที่ขั้นเก้าของเคล็ดวิชามังกรแท้ ปราณมังกรจะถูกขัดเกลาจนครบเก้าครั้ง และผู้ฝึกยุทธ์จะสามารถครอบครองพลังที่แท้จริงของมังกรได้!
แม้นจะฝึกฝนมาตลอดทั้งคืน ทว่า ตันเถียนของหลัวเฉิงกับไร้ซึ่งการเปลี่ยนแปลงใด
หลัวเฉิงก็หาได้ใส่ใจในเรื่องนี้มากนัก
เนื่องจาก หากร้อนใจในการฝึกฝนเคล็ดวิชา มันก็ดุจเดียวกับการกลืนเต้าหู้ร้อนๆ ด้วยเรื่องเช่นนี้เขาจะบรรลุเคล็ดวิชาชั้นยอดดั่งเคล็ดวิชาควบคุมมังกรสวรรค์ง่ายๆ ได้อย่างไร
“พลังปราณแท้มังกรนั้น ว่ากันว่ามีพลังมหาศาลเกินกว่าสองแสนจิน!”
หลังคิดเรื่องนี้ ดวงตาของหลัวเฉิงก็ว่าวาวโรจน์ลุกโชติช่วงประดุจเปลวเพลิง
มันช่างเป็นเรื่องที่น่าครั่นคร้ามยิ่งนัก หากมีพลังหมัดที่รุนแรงกว่าสองแสนจิน แม้นเป็นผู้แข็งแกร่งในขั้นเขตแดนลึกลับ ก็เกรงว่าอาจแหลกสลายไปในชั่วพริบตาด้วยหมัดเดียว!
หลัวเฉิงส่ายศีรษะแล้วระงับความคิดฟุ้งซ่านเหล่านี้
เพราะตอนนี้ แม้แต่ปราณมังกรก็ยังไม่ควบแน่นในตันเถียนเขา ไหนเลยจะกล้านึกถึงพลังขั้นเก้าของมังกรแท้ได้เล่า
หลัวเฉิงหยิบป้ายหยกที่อวิ๋นเหมิงลี่มอบไว้ให้เขา เมื่อเหลียวมองมันอีกครั้ง ดวงตาเขาก็กลับสั่นไหว
“วันนี้ข้าจะต้องใช้เวลาอยู่กับท่านปู่และท่านพ่อให้มากๆ หลังหลอมโอสถแล้วมอบให้ผู้อาวุโสโม่หลินแล้ว มันก็ถึงเวลาที่ข้าจะต้องไปสำนักซวนหยวน”
ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของหลัวเฉิง เขาจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาคือผู้ฝึกยุทธ์วัยเยาว์อันดับหนึ่งของเมืองฉีซานหรือไม่
แม้นจะอาศัยอยู่ในเมืองฉีซานต่อไป มีแต่จะทำให้สูญเสียพรสวรรค์ และเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์เท่านั้น
หลัวเฉิงต้องรีบไปยังสำนักซวนหยวนโดยเร็วที่สุด เขาจะได้รู้ว่าอัจฉริยะภายนอกนั้น แข็งแกร่งมากขนาดไหน
ในอีกสามวันถัดมา หลัวเฉิงก็หลอมโอสถระดับสี่ดาวสามกล่องหยกนั้นอย่างต่อเนื่อง
นอกเหนือจากนั้น เขาก็ได้ฝึกฝนเพลงกระบี่ทะลายสวรรค์สี่กระบวนในยามเช้า และฝึกฝนปราณมังกรแท้ในยามวิกาล