ตอนที่แล้วบทที่ 79 คาถากำจัดความชั่วร้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 81 งานเลี้ยงยามค่ำ

บทที่ 80 คฤหาสน์ขุนนางจื่อซาน


ในขณะเดียวกัน ในย่านอื่นของเมืองหนานเหมิน

หลิวเสี่ยวหยูพักอยู่ที่คฤหาสน์ขุนนางจื่อซาน อย่างไรก็ตาม เธอกลับรู้สึกกังวลอย่างมากและต้องการออกไปค้นหาน้องสาวของเธออย่างมาก

เธอเป็นปลาคาร์พขั้นสูงในบอมแบ็ค และเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวของตระกูลที่ฝึกวิชาเวทมนตร์ น่าเสียดายที่เธอไม่มีพลังแข็งแกร่งพอจะแปลงร่างเป็นมนุษย์ ในวันหนึ่งที่เธอกับน้องสาวเล่นสนุกอย่างร่าเริงกันโดยไม่คาดฝัน พวกเธอก็บังเอิญเจอต้นไม้ที่มีองุ่นสีแดงอำพันสองลูก เธอให้องุ่นที่ใหญ่กว่าแก่น้องสาว เป็นการช่วยให้น้องสาวเพิ่มพลังฝึกวิชาได้ห้าร้อยปี ส่วนเธอกินองุ่นที่เล็กกว่า เป็นการช่วยให้เธอเพิ่มพลังได้สามร้อยปี

ด้วยผลเช่นนี้ พวกเธอทั้งสองจึงได้รับพลังวิเศษมากพอที่จะแปลงร่างเป็นมนุษย์

ทันทีที่กินองุ่นไป เจ้าปีศาจเต่าร้ายก็ปรากฏตัวขึ้น

ระหว่างที่กำลังหลบหนี สองพี่น้องก็พลัดหลงกัน

หลิวเซียวหยูสั่งน้องสาวไว้ว่าให้ไปพบกันที่เมืองหนานเหมิน เธอจึงรีบไปรอที่นั่นก่อนเพื่อรอให้น้องสาวมาถึง

และเมื่อเธอเดินทางเร่ร่อนเข้ามาถึงสวนตระกูลหลี่ ที่ตั้งอยู่นอกเมืองหนานเหมิน เธอก็ได้พบชายหนุ่มรูปงามคนหนึ่ง ชายหนุ่มผู้นั้นดูเหมือนชนชั้นสูง แต่กลับอ่อนโยนและเป็นมิตร

เขาเดินมาหาเธอ เขาถามชื่อและถิ่นกำเนิดของเธอ

เธอตอบกลับอย่างฉับไวว่าเธอคือหลิวเซี่ยวหยู ลูกสาวชาวประมงริมแม่น้ำ เธอพลัดหลงกับน้องสาวและกำลังจะไปยังเมืองหนานเหมินเพื่อตามหาน้องของเธอ

ชายหนุ่มแนะนำตัวว่าชื่อเซียอัน เป็นเจ้าของคฤหาสน์จื่อซานและได้เชิญเธออย่างสุภาพให้ไปพักอยู่ที่คฤหาสน์ของเขา เขาได้กล่าวว่าเขาสามารถใช้ประโยชน์จากอำนาจที่เขามีเพื่อช่วยตามหาน้องสาวของเธอได้อย่างรวดเร็ว เซียอันให้เหตุผลว่าถ้าหลิวเสี่ยวหยูต้องตามหาด้วยตนเองก็คงเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร

ด้วยความที่หลิวเสี่ยวหยูนั้นอาศัยมายาวนาน แต่ไม่เคยออกจากแม่น้ำของเธอเลย ด้วยความที่ขาดประสบการณ์ในโลกมนุษย์ ทำให้เธอถูกเซียอันโน้มน้าวได้ง่ายๆ

เธออยู่บนดินแดนที่ไม่คุ้นเคยกับชายหนุ่มผู้เอาใจใส่และอ่อนโยนคนหนึ่ง จิตใจของเธอเหมือนหญิงสาวที่บริสุทธิ์ ไร้เดียงสา และตกหลุมรักอย่างรวดเร็ว เธอคิดถึงตัวเองเหมือนเป็นหนึ่งในปีศาจหญิงในนิทานเล่าขานที่พบเจอสามีในอุดมคติของตนเองเมื่อพวกก้าวเท้าเข้าสู่ดินแดนแห่งมนุษย์

หลิวเสี่ยวหยูจินตนาการอนาคตที่ซึ่งเธอจะได้แต่งงานกับชายผู้นี้ไว้และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เมื่อเธอได้พบกับน้องสาวของตน

เมื่อเวลาล่วงเลยไป หลิวเสี่ยวหยูก็เริ่มรู้สึกว่าบางอย่างผิดปกติ เซียอันขุนนางแห่งจื่อซานจะออกเดินทางแต่เช้าและกลับดึกทุกวัน โดยตารางเวลาที่ยุ่งทำให้เขามีเวลาแวะมาเยี่ยมเธอได้เพียงครั้งคราว

แต่ข่าวคราวใดๆ ของน้องสาวเธอนั้นไม่มีเลย

แต่เธอก็ไม่ได้สงสัยในคำสัญญาของเซียอัน ความกังวลเดียวของเธอคือเรื่องน้องสาวที่ไร้เดียงสาของเธอ

เธอคิดเพียงว่าหากน้องสาวของเธอไม่ได้โชคดีเหมือนกับเธอที่ได้เจอกับคนดีๆ อย่างเซียอัน แล้วเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง

เธอทนไม่ได้อีกต่อไป จึงออกจากห้องไปหาเซียอัน เธออยากบอกเขาว่าเธอหวังเพียงที่จะออกจากคฤหาสน์และไปตามหาน้องสาวของเธออีกแรง บางทีด้วยสายสัมพันธ์ของพี่น้อง เธออาจจะหาน้องสาวที่หายไปของเธอเจอในทันที

ในช่วงไม่กี่วันหลังมานี้ ข้ารับใช้ในคฤหาสน์เริ่มคุ้นเคยกับเธอแล้ว เธอเดินไปยังห้องทำงานของเซียอันโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง

เมื่อมองเห็นแสงเทียนที่ยังสว่างวาบอยู่ในห้อง เธอจึงสรุปว่าเขายังอยู่ในห้องทำงาน

เมื่อหลิวเซียวหยูเดินเข้าไปใกล้ เธอก็ได้ยินเสียงพูดคุยมาจากด้านในห้องทำงานนั้น

ในห้องทำงาน..

เซียอันกำลังบรรเลงพิณหย่าฉิน [1] ยาวโบราณที่วางอยู่บนโต๊ะ

เขากล่าวด้วยความมหัศจรรย์ "อสูรไม้จันทน์หอมโบราณคงถูกใช้เพื่อทำให้เป็นเครื่องมือล้ำค่าได้อย่างดี แต่ตอนนี้มันได้ถูกใช้เพื่อทำให้เป็นฉินอันไร้ค่า ช่างเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรเสียจริงๆ "

“ท่านชายอาจคิดว่านี่เป็นของไร้ค่า แต่สำหรับผู้รักพิณแล้ว มันเป็นสมบัติล้ำค่าอย่างแท้จริง ท่านเองก็ทุ่มเทอย่างมากเพื่อครอบครองพิณนี้มิใช่หรือขอรับ” คนรับใช้ของคฤหาสน์ตอบพร้อมรอยยิ้มประจบ

"พิณโบราณรูปว่าวทำจากไม้จันทน์นี้เป็นเพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่งเพื่อใช้เข้าใกล้ซูหลิงเสวี่ย ความพยายามที่ต้องใช้เพื่อเอาชนะความภาคภูมิใจของโรงเรียนดนตรีใต้มิใช่เรื่องเล็ก" เซี่ยอันหัวเราะ "พ่อของข้าได้มอบหมายภารกิจอันน่าเบื่อให้ข้าเสียแล้ว"

“ข่าวลับที่คุณชายได้รับจากพระราชวัง ที่ว่าเฉินชิงเหยียนแห่งโรงเรียนดนตรีใต้อาจจะแต่งงานกับรัชทายาท หากว่าซูหลิงเสวี่ยซึ่งเป็นเพื่อนของเฉินชิงเหยียนได้แต่งงานเข้ามาในคฤหาสน์ของเรา ชะตากรรมในอนาคตของคุณท่านก็จะสดใส” คนรับใช้กล่าวพร้อมยกย่อง "ท่านชายเซี่ย วิธีการเกี้ยวพาราสีหญิงของท่านช่างไม่มีใครเทียบได้และเหมาะเจาะลงตัวกับงานนี้มากขอรับ"

"อย่ามาทำให้ข้าดูเหมือนพวกที่จ้องจะเกาะผู้หญิงกิน" เซี่ยอันโต้ตอบขณะที่เขามองไปทางผู้รับใช้ของเยา "ถ้าไม่ใช่เพราะว่าซูหลิงเสวี่ยนั้นงดงามและมีชื่อเสียง ข้าก็คงไม่ยอมหรอก"

คนรับใช้พยักหน้าซ้ำๆ "ขอรับๆ "

ตามปกติแล้วบรรดาเหล่าศิษย์ภายในของโรงเรียนดนตรีใต้จะไม่มีทางคบหาผู้ใดในช่วงเวลานี้ ถึงแม้จะมีคนที่คบหากันก็ล้วนแต่รอที่จะเปิดเผยหลังจากที่ได้กำหนดศิษย์เอกประจำรุ่นขึ้นมาและสิ้นสุดการแข่งขันไปเสียก่อน มิฉะนั้นมันจะมีผลกระเทือนไปถึงคะแนนนิยมอย่างร้ายแรง

อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่มีการประกาศ แต่ก็มีหลายคนได้ตกลงคบหากันเป็นการส่วนตัวและมีความสัมพันธ์โดยไม่เป็นที่รู้จักของผู้อื่น

ความตั้งใจของเซี่ยอันในการตามหารักแรกอย่างซูหลิงเสวี่ยยังคงมั่นคง

แม้ว่าเธอจะดูเหมือนเทพีที่ยากจะเอื้อมสำหรับผู้คนนับไม่ถ้วน แต่เธอก็ไม่ได้อยู่เหนือวิสัยของเขาผู้เป็นขุนนางที่มีชนชั้นจักรพรรดิ สำหรับเขาอะไรก็ย่อมเป็นไปได้

ยิ่งไปกว่านั้น จากประสบการณ์ในอดีตของเซี่ยอัน ยิ่งใครเป็นเทพธิดามากเท่าไหร่ ผู้คนก็ยิ่งไม่กล้าเข้าใกล้เธอมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นมันอาจจะง่ายกว่าด้วยซ้ำที่จะชนะใจเธอ ตราบใดที่เขาได้เข้าใกล้เธอได้และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเธอ การทำให้เธอหลงใหลอาจไม่ยากอย่างที่คิด

"แล้วเจ้าได้คุยเรื่องธุรกิจกับท่านพ่อของข้าหรือยัง" เซียอันถาม "ท่านสนใจแต่การบ่มเพาะเพื่อยืดชีวิต แต่วัสดุต่างๆ ก็มาจากคฤหาสน์ทั้งนั้น ถ้าฝ่ายวาฬตะวันออกตัดการทำธุรกิจกับเราจริงๆ ท่านคงจะบ่มเพาะอย่างสบายแบบนี้มิได้แล้วล่ะ"

"ท่านน่าจะทราบเรื่องนี้แล้วขอรับ แต่ขณะนี้ท่านอยู่ระหว่างจุดเปลี่ยนสำคัญของการกลั่นวิชา และไม่มีเวลาจัดการกับเรื่องทางโลก.. ท่านเซีย ท่านคงต้องจัดการเรื่องนี้ก่อนนะขอรับ" คนรับใช้กล่าวอย่างสิ้นหวัง

"เฮ้อ นี่คงเป็นขีดจำกัดของท่านพ่อสินะ ถึงแม้จะใช้ทรัพยากรไปมากมายแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถก้าวเข้าสู่ขั้นสูงสุดของระดับที่หกได้ หากมิใช่เพราะธุรกิจค้ามนุษย์ พวกเราคงล้มละลายไปแล้ว เหตุใดจึงไม่รู้จักยอมแพ้เสียทีนะ" เซียอันกล่าวพร้อมกับแฝงความเย้ยหยัน

"ถ้าท่านยอมก็เท่ากับว่าท่านถึงวาระนะขอรับ" คนรับใช้ไม่กล้าโต้เถียงมากไปกว่านั้นและทำได้เพียงยิ้ม "หากท่านสู้แล้วก้าวขึ้นสู่ระดับที่ 7 ได้ ท่านก็จะมองโลกได้กว้างยิ่งขึ้นกว่าเดิม"

"หึหึ แล้วก็ถึงคราวบั้นปลายชีวิตน่ะสิ..." เซี่ยอันยิ้มเยาะ

เสียงหัวเราะของเขามีความหมายชัดเจนถึงความไม่แยแส

เห็นได้ชัดว่าคนรับใช้ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ความรักของพ่อลูกคู่นี้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินและยิ้มอย่างเก้อเขิน

ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่ข้างใน หลิวเสี่ยวหยูก็ได้ยินและรู้สึกใจหายอยู่ด้านนอก

เธอไร้เดียงสาแต่ไม่โง่ เธอสามารถเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของเซียอันได้อย่างชัดเจน

เช่นนี้ก็แสดงว่าสามีในอุดมคติที่เธอคิดว่าได้พบเจอแท้จริงแล้วเป็นเพียงคนขี้โกงที่เล่นกับความไร้เดียงสาของเธอ หลิวเสี่ยวหยูคิดในใจ

เธอต้องการจะออกจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุด

แต่เมื่อเธอหันหลังกลับก็ร้องตกใจออกมา "อ๊าย..."

หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่ามีร่างสูงโปร่งปรากฏอยู่ข้างหลังเธอแล้ว เขาแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีดำและแสดงท่าทีเยือกเย็นและนิ่งเฉย เขายังเงียบราวกับผี

หลิวเสี่ยวหยูเห็นชายชุดดำก็หัวเราะเย็นชา ออกมา "หึๆ "

เขาไม่รีรอที่จะยกมือฟาดหน้าผากเธอ

ผั้วะ!

เมื่อฝ่ามือของเขากระแทก หลิวเสี่ยวหยูก็ล้มหมดสติไปทันที แม้ว่าเธอจะได้พลังมาหลายร้อยปี เธอก็ยังไม่สามารถต่อสู้กลับได้เลย

เซี่ยอันที่ได้ยินเสียงจึงตะโกนถาม "อาจารย์ลู่หรือ"

"ท่านเซีย..." ชายชุดดำที่ถูกเรียกว่าอาจารย์ลู่เอ่ยน้ำเสียงวายร้าย "ข้าพบเด็กสาวคนนี้แอบฟังอยู่ด้านนอก"

"เธออยู่ตรงนั้นนานเพียงใดแล้ว" เซียอันถาม

"น่าจะสักพักใหญ่ทีเดียว" ลู่ตอบ

"เห้อ.." เซียอันส่ายหัวแล้วถอนหายใจ "ด้วยความไร้เดียงสาและความบริสุทธิ์ของเธอ ข้าเลยอยากลองมีความรักที่บริสุทธิ์ดู ช่างน่าเสียดาย"

"ถ้าอย่างนั้น จะให้ฆ่านางเลยหรือไม่" อาจารย์ลู่เอ่ยถามอย่างไม่แยแส ขณะกดศีรษะของหลิวเสี่ยวหยูด้วยมือขวาราวกับว่าเขาได้ทำเช่นนี้มาหลายครั้งแล้ว

“เฮ้อ…อย่าได้สิ้นเปลืองเลย” เซียอันพูดพลางโบกมือ “พาไปที่กระท่อมนอกเมือง แล้วขายพร้อมกับของชุดต่อไปซะ”

"ขอรับ"

จากนั้นอาจารย์ลู่ก็ปล่อยหลิวเสี่ยวหยูแล้วอุ้มเธอขึ้น หลังจากนั้นไม่นานก็หายไป

เซียอันมองดูอาจารย์ลู่หายลับไปในระยะไกล

เมื่อกะประมาณว่าอาจารย์ลู่ไปไกลพอแล้ว เซียอันก็หัวเราะเยาะและกล่าวว่า "เขาช่างเป็นคนแปลกประหลาด เขาไม่เคยสนใจผู้หญิง ในหัวมีแต่เรื่องจะฆ่าเสียให้ได้"

"หึๆ .." ผู้รับใช้ที่เคยชินกับนิสัยของเซียอันที่ชอบพูดลับหลังคนอื่นแล้ว จึงได้แต่ยิ้มและตอบ "ท่านลู่ได้สืบทอดวิชาแปลกประหลาดแห่งดาราเจ็ดสังหาร เขาอาจจะโหดเหี้ยม แต่ตราบใดที่ใจยังจงรักภักดีต่อท่านก็ถือว่าดี"

"เจ็ดสังหาร.."

เซียอันหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง

"ก่อนหน้าเมื่อข้าขอให้เขาสอนกระบวนท่านั้น เขาก็จะบอกว่าข้าไม่มีวาสนาที่จะได้เรียนรู้ หึ”

1. พิณหยก เป็นอีกชื่อหนึ่งของพิณโบราณ หรือที่เรียกว่ากู้ฉิน ทั้งคู่เป็นเครื่องดนตรีชนิดเดียวกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด