ตอนที่แล้วบทที่ 48 พลิกโฉมเปลี่ยนร่าง ขจัดสิ่งสกปรกและฟื้นฟูร่างกาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 50 พลังของยาหนึ่งชาม

บทที่ 49 เหนือความสมบูรณ์แบบ


การทะลวงขีดจำกัดอย่างต่อเนื่อง  ทำให้จูอู๋หยางได้รับจุดทะลวงขีดจำกัดเพิ่มขึ้นอีกกว่าหมื่นจุด  จุดทะลวงขีดจำกัดกว่าแสนจุดก่อนหน้านี้ยังใช้ไม่หมด  ตอนนี้กลับได้รับจุดทะลวงขีดจำกัดเพิ่มขึ้นอีก  ต่อให้จูอู๋หยางไม่อยากยกระดับความแข็งแกร่งก็คงทำไม่ได้แล้ว

พลังปราณรูปแบบพิเศษหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด  พลังปราณและเลือดในร่างกายของจูอู๋หยางก็หลอมรวมและแปรเปลี่ยนเป็นเลือดปฐพีมากขึ้นเรื่อยๆ

สัดส่วนของเลือดปฐพีในร่างกายของจูอู๋หยางกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

สิบเปอร์เซ็น... สิบเอ็ดเปอร์เซ็น... สิบสองเปอร์เซ็น... สิบสามเปอร์เซ็น... สิบห้าเปอร์เซ็น... ยี่สิบเปอร์เซ็น... ยี่สิบห้าเปอร์เซ็น... จนถึงยี่สิบแปดเปอร์เซ็น!

พลังปริศนาที่แปรเปลี่ยนมาจากจุดทะลวงขีดจำกัดทั้งหมด  ก็ถูกจูอู๋หยางใช้จนหมด  ส่วนระดับความแข็งแกร่งของเขานั้น  เพิ่มขึ้นจากตอนที่ฮองเฮาจ้าวฟางหัวยังไม่มาก็อย่างน้อยสามเท่า

พลังปราณและเลือดที่แปรเปลี่ยนไปเกือบสามส่วน  ทำให้ร่างกายของจูอู๋หยางได้รับการยกระดับอย่างมาก  การยกระดับครั้งนี้เป็นไปอย่างทั่วถึง  ช่วยให้จูอู๋หยางทะลวงขีดจำกัดในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การชำระล้างร่างกายขั้นต้นเสร็จสมบูรณ์  รากฐานเต๋าไร้ตำหนิที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว  กลับได้รับการยกระดับขึ้นอีกเล็กน้อยด้วยขอบเขตนี้

หลอมเปลี่ยนเลือดนั้นมีผลลัพธ์ในการเปลี่ยนกระดูกและชำระล้างร่างกาย  ดังนั้นการที่เป็นเช่นนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก

อย่างไรก็ตาม  การยกระดับของรากฐานเต๋าไร้ตำหนิทำให้จูอู๋หยางเข้าใจอย่างชัดเจนอีกครั้งว่า  บนโลกนี้ไม่น่าจะมีรากฐานเต๋าไร้ตำหนิที่สมบูรณ์แบบ  มีแต่รากฐานเต๋าไร้ตำหนิที่แข็งแกร่งกว่า

ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน  ยิ่งเป็นโลกแห่งการฝึกฝนด้วยแล้ว

แม้ว่าจะมีรากฐานเต๋าไร้ตำหนิ  แต่เมื่อระดับความแข็งแกร่งของผู้ฝึกฝนเพิ่มสูงขึ้น  ในระหว่างกระบวนการทะลวงขีดจำกัด  ย่อมต้องเกิดข้อบกพร่องและจุดอ่อนขึ้นบ้างเป็นธรรมดา  รากฐานเต๋าไร้ตำหนิย่อมได้รับผลกระทบไปด้วย

ดังนั้น  จึงจำเป็นต้องซ่อมแซมและปรับปรุงรากฐานเต๋าไร้ตำหนิอย่างต่อเนื่อง  ทำให้รากฐานเต๋าไร้ตำหนิสมบูรณ์แบบ  หรือก้าวหน้ายิ่งขึ้นไป

การมาเยือนของฮองเฮาจ้าวฟางหัว  ทำให้จูอู๋หยางตระหนักถึงความโหดร้ายของโลกนี้อีกครั้ง  ยิ่งไปกว่านั้น  เมื่อเห็นว่าแม้แต่ฮองเฮาแห่งแคว้นจิ่วเจายังมาเยี่ยมจูอู๋หยาง  ในภายหลังย่อมต้องมีองค์ชายองค์หญิง  และนางสนมในวังมาเยี่ยมจูอู๋หยางอีกแน่นอน

เมื่อถึงตอนนั้น  ต่อให้จูอู๋หยางไม่อยากได้รับจุดทะลวงขีดจำกัดก็คงทำไม่ได้  ก็อย่างที่ว่า  ต้นไม้ต้องการอยู่นิ่งๆ  แต่ลมกลับไม่หยุดพัด  จูอู๋หยางไม่อยากทะลวงขีดจำกัดเร็วขนาดนี้แล้ว  แต่สถานการณ์โดยรอบและระบบโอกาสพิเศษ  คงไม่ยอมทำตามใจเขาอย่างแน่นอน

ชีวิตช่างยากลำบากเสียจริง!

ข้าใช้ชีวิตอย่างสงบเสงี่ยม  ไม่ทำอะไรเกินเลย  และไม่สุงสิงกับใคร...  นับตั้งแต่ที่ข้าเดินทางมายังโลกนี้  ข้าก็เอาแต่อยู่แต่ในห้องนอน  ไม่เคยก้าวขาออกไปไหน  กิน  นอน  ขับถ่าย  ทุกอย่างทำในห้องนี้หมด  ไม่สนใจเลยว่าผู้อ่านจะรู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่  ถ้าหากมีผู้อ่านที่สามารถมองเห็นเรื่องราวของข้าได้  แต่โอกาสก็น้อยมาก

พวกผู้อ่านจากโลกใบนั้น  คงไม่สามารถเดินทางข้ามมิติตามข้ามาได้  ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีมุมมองของพระเจ้า  สามารถสังเกตเห็นทุกการกระทำของข้า  ดังนั้น  ความทุกข์ทรมานเหล่านี้  มีเพียงข้าเท่านั้นที่เข้าใจ

การที่ทำให้ชายหนุ่มผู้รักสุขภาพ  ชื่นชอบการออกกำลังกาย  ชอบว่ายน้ำ  วิ่ง...  จากโลกใบนั้น  ต้องมาเป็นแบบนี้  มันไม่ง่ายเลยจริงๆ

แต่ถึงอย่างนั้น  ก็ยังมีเรื่องวุ่นวายมาให้ข้าจัดการไม่หยุดหย่อน  ด้วย "ความช่วยเหลือ"  จากเรื่องวุ่นวายเหล่านี้  ระดับความแข็งแกร่งของข้าจึงพุ่งทะยาน  ความเร็วในการยกระดับนั้นช่างน่ากลัว

ขอบเขตที่นักสู้คนอื่นๆ  ต้องใช้เวลาหลายปี  หลายสิบปี  หรือแม้แต่ชั่วชีวิตกว่าจะไปถึง  แต่จูอู๋หยางกลับใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็สามารถไปถึงได้แล้ว

นักสู้ระดับหลอมเปลี่ยนเลือดขั้นต้นวัยสิบเจ็ดปี  แถมยังมีรากฐานการฝึกฝนที่แข็งแกร่งขนาดนี้  ทั่วทั้งแคว้นจิ่วเจาคงไม่มีใครเทียบ  ในสถานการณ์ปกติ  อัจฉริยะภายนอก  แม้จะเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากในรอบร้อยปี  เมื่ออายุสิบเจ็ดปี  อย่างมากก็แค่หลอมไขกระดูกก็เก่งมากแล้ว  เป็นไปไม่ได้ที่จะมีรากฐานการฝึกฝนแบบจูอู๋หยาง

แม้แต่อัจฉริยะเหล่านั้นจะได้รับความช่วยเหลือจากสมุนไพรและของวิเศษ  และยาเม็ดวิเศษ  อย่างมากก็แค่มีระดับความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับจูอู๋หยาง  แต่จูอู๋หยางไม่ได้กินสมุนไพรและของวิเศษ  หรือยาเม็ดวิเศษใดๆ  เลย  แน่นอนว่าไม่นับรวมครั้งที่ถูกวางยา

อัจฉริยะแบบนี้  จูอู๋หยางก็จนปัญญา

“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่สามารถเอาความดีความชอบของระบบมาเป็นของตัวเองได้อย่างหน้าด้านๆ เป็นครั้งที่สองในชีวิต คุณได้รับ 222 จุดทะลวงขีดจำกัด  เนื่องจากความสำคัญของระดับความแข็งแกร่ง  จุดทะลวงขีดจำกัดเก้าในสิบส่วนจะถูกใช้เพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของโฮสต์โดยอัตโนมัติ!”

ระบบโอกาสพิเศษนี่มันช่างน่ารำคาญจริงๆ  เรื่องอะไรก็สามารถจัดว่าเป็นโอกาสพิเศษได้  น่าเบื่อจริงๆ

จูอู๋หยางล้มตัวลงนอนบนเตียง  ครุ่นคิดว่าต่อไปเขาควรทำอย่างไร  มังกรเขียวซ่อนเร้นฝึกฝนจนถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว  ไม่สามารถพัฒนาไปได้มากกว่านี้แล้ว

งั้นก็หลบไปฝึกฝนหมัดเก้ามังกรและก้าวย่างมายาในห้องฝึกฝนลับก็แล้วกัน  ยกระดับความสามารถในการต่อสู้และความสามารถในการเอาตัวรอด  แบบนี้ถึงจะมีโอกาสรอดชีวิตมากขึ้น

คิดได้ดังนั้น  จูอู๋หยางก็เข้าไปในห้องฝึกฝนลับ  ล็อกห้องจากด้านใน  เริ่มฝึกฝนหมัดเก้ามังกรและก้าวย่างมายาอย่างหนัก

“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ฝึกฝนหมัดเก้ามังกรเป็นครั้งที่สองในชีวิต คุณได้รับ 400 จุดทะลวงขีดจำกัด...”

“ขอแสดงความยินดีกับโฮสต์ที่ฝึกฝนก้าวย่างมายาเป็นครั้งที่สองในชีวิต คุณได้รับ 400 จุดทะลวงขีดจำกัด...”

...

ไม่ผิดคาด  แค่ฝึกฝนไปได้ครู่เดียว  จูอู๋หยางก็ได้รับจุดทะลวงขีดจำกัดเพิ่มขึ้นเกือบพันจุด  ทำให้ระดับความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย  จุดทะลวงขีดจำกัดอิสระก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

ในเวลานี้  จุดทะลวงขีดจำกัดอิสระที่จูอู๋หยางมี  ก็เกือบสองหมื่นจุดแล้ว  แต่สำหรับจุดทะลวงขีดจำกัดอิสระเหล่านี้  จูอู๋หยางไม่ได้ตั้งใจจะใช้กับหมัดเก้ามังกรและก้าวย่างมายา

เพื่อที่จะรักษาชีวิตเล็กๆ  ของตัวเอง  และปกปิดระดับความแข็งแกร่ง  จูอู๋หยางจึงตัดสินใจที่จะฝึกฝนเคล็ดวิชาลับในการปกปิดอีกหนึ่งอย่าง  เพื่อใช้ร่วมกับมังกรเขียวซ่อนเร้น  เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

ตามหลักการแล้ว  มังกรเขียวซ่อนเร้นระดับขั้นสมบูรณ์  สามารถช่วยให้นักสู้ขอบเขตหลอมร่างกาย  ปกปิดไม่ให้นักสู้ระดับขอบเขตเซียนขั้นสมบูรณ์ตรวจสอบพบ  แต่ก็ต้องดูด้วยว่าเป็นนักสู้ระดับขอบเขตเซียนขั้นสมบูรณ์แบบไหน  สำหรับนักสู้ระดับขอบเขตเซียนขั้นสมบูรณ์ที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาลับในการตรวจสอบขั้นสูง  โอกาสที่จูอู๋หยางจะปกปิดได้นั้นมีน้อยมาก

ยิ่งไปกว่านั้น  แม้ว่าจูอู๋หยางจะเป็นนักสู้ขอบเขตหลอมร่างกาย  แต่เขามีรากฐานการฝึกฝนที่แข็งแกร่งมาก  ความแข็งแกร่งโดยรวมเหนือกว่านักสู้คนอื่นๆ  ในระดับเดียวกัน  เรียกได้ว่าเป็นตัวประหลาดในหมู่นักสู้ขอบเขตหลอมร่างกาย

บวกกับระบบโอกาสพิเศษที่มักจะมาป่วนในช่วงเวลาสำคัญ  ดังนั้น  มังกรเขียวซ่อนเร้นระดับขั้นสมบูรณ์อาจเพียงพอสำหรับนักสู้ทั่วไป  แต่สำหรับจูอู๋หยางแล้ว  ยังคงไม่เพียงพอ

ดังนั้น  เขาจึงจำเป็นต้องฝึกฝนวิชาเคล็ดวิชาลับในการปกปิดอีกหนึ่งอย่าง  เพื่อยกระดับความสามารถในการปกปิด  แบบนี้ถึงจะสามารถปกปิดไม่ให้ฮ่องเต้สติเฟื่องอย่างจูเจินอู่ตรวจสอบพบ

เพราะจูเจินอู่นั้น  ไม่เพียงแต่จะมีความแข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งของแคว้นจิ่วเจา  แต่ยังฝึกฝนเคล็ดวิชาลับในการตรวจสอบขั้นสูงอีกด้วย

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด