ตอนที่แล้วบทที่ 32 พวกเจ้าไม่ได้มาช่วยข้า
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 34 ทักษะที่เหนือกว่า

บทที่ 33 ใครคือคนโง่?


"ยินดีด้วย โฮสต์ถูกมองว่าเป็นคนโง่เป็นครั้งแรกในชีวิต ได้รับ 800 จุดทะลวงขีดจำกัด..."

"ยินดีด้วย โฮสต์ถูกมองว่าเป็นคนโง่เป็นครั้งที่สองในชีวิต ได้รับ 600 จุดทะลวงขีดจำกัด..."

"ยินดีด้วย โฮสต์ทะลวงระดับสู่ระดับหลอมห้าอวัยวะขั้นปลายเป็นครั้งแรกในชีวิต ได้รับ 2,600 จุดทะลวงขีดจำกัด..."

...

ไอ้โง่ที่ไหนมันมองว่าข้าเป็นคนโง่กัน พูดตามตรง แบบนี้ก็นับว่าแผน "เต่าจำศีล" ของข้าได้ผลแล้วสิ ข้าควรจะดีใจไม่ใช่รึไง

แต่มันน่าเจ็บใจตรงที่ การถูกมองว่าเป็นคนโง่ ดันทำให้ได้รับจุดทะลวงขีดจำกัด แถมยังได้เยอะขนาดนี้อีก จะเวอร์เกินไปแล้ว ระบบโอกาสพิเศษ นายให้รางวัลน้อยลงหน่อยไม่ได้รึไง?

เมื่อคิดถึงจูจือซานและจูไห่เทาที่เพิ่งจะจากไป จูอู๋หยางก็คิดได้ ไอ้สองคนนั่นแหละที่มองว่าเขาเป็นคนโง่ ไม่รู้เลยว่าความคิดของพวกมันถูกเขามองทะลุปรุโปร่งไปหมดแล้ว

ใครกันแน่ที่เป็นคนโง่ พวกแกต่างหากที่โง่!

"ยินดีด้วย โฮสต์ถูกมองว่าเป็นคนโง่เป็นครั้งที่สามในชีวิต ได้รับ 400 จุดทะลวงขีดจำกัด..."

นี่มัน... ข่าวลือเริ่มแพร่กระจายแล้วงั้นเหรอ จูจือซานและจูไห่เทาช่วยกันโปรโมต "ฉายาคนโง่" ให้กับเขาอีกแล้วสินะ ไอ้สองคนสารเลวนี่ ช่างไร้ยางอายจริง ๆ!

ข้าอุตส่าห์เป็นโล่กำบังให้พวกแกแท้ ๆ พวกแกกลับทำกับข้าแบบนี้ได้ลงคอ

จูอู๋หยางได้แต่รู้สึกจนใจ ถูกจุดทะลวงขีดจำกัดจำนวนมหาศาลถล่มใส่จนแทบขาดใจ

จูอู๋หยางไม่รู้เลยว่า บางเรื่องแม้เขาจะเดาถูกไปบ้าง แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เขาคิดผิด

...

ภายในห้องหนังสือของจูหลี่ปัว องค์ชายแปดสิบเก้า ในตำหนักไท่อัน ภายในวังหลวงของแคว้นจิ่วเจา

จางหมิงลี่เดินเข้ามาในห้องหนังสือของจูหลี่ปัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม จูหลี่ปัวกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ ไม่ได้ฝึกฝนวิชาแต่อย่างใด

เมื่อเห็นจูหลี่ปัว จางหมิงลี่ก็สั่งให้คนรับใช้คนอื่น ๆ ออกไป ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

"มีเรื่องอันใดที่ทำให้ท่านแม่มีความสุขเช่นนี้ หรือว่าฝีมือของท่านแม่แข็งแกร่งขึ้น?" จูหลี่ปัวเอ่ยถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นท่าทางยิ้มไม่หุบของจางหมิงลี่

จางหมิงลี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม "ข้ากำลังหัวเราะเยาะจูอู๋หยางต่างหาก เจ้าคนโง่นั่น ถูกข้าพูดจาหว่านล้อมไปไม่กี่คำ ก็ถึงกับน้ำตาคลอ รู้สึกละอายใจจนแทบจะมุดหนีไปอยู่ใต้ผ้าห่ม"

"ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นคนซื่อ ๆ แบบนี้ ไม่เหมือนกับเชื้อพระวงศ์คนอื่น ๆ เลยสักนิด ทั้งไร้เล่ห์เหลี่ยมโดยสิ้นเชิง ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะถูกผลักดันขึ้นมาเป็นแพะรับบาป ต่อให้ตายไปก็ไม่น่าสงสาร"

"ท่านแม่ วันนี้ท่านไปเยี่ยมจูอู๋หยางมาหรือ?" จูหลี่ปัวขมวดคิ้วเล็กน้อย

จางหมิงลี่พยักหน้า "ถ้าไม่ไปปลอบใจเขาสักหน่อย ใครจะรู้ว่าเขาจะคิดสั้นอีกหรือเปล่า พวกเราอุตส่าห์ดันเขาขึ้นไปเป็นองค์ชายรัชทายาท เพื่อให้เขาเป็นโล่กำบังให้กับพวกเรา เขาจะตายง่าย ๆ แบบนี้ไม่ได้"

"ท่านแม่ พวกเราไม่ควรออกหน้ามากเกินไป" จูหลี่ปัวถอนหายใจ "แบบนี้มันดูน่าเกลียดเกินไป พวกเรากำลังเอาตัวรอด จนลืมความยับยั้งชั่งใจไปหมดแล้ว"

คิ้วของจางหมิงลี่ขมวดเข้าหากัน "พูดจาแบบนี้กับแม่ได้ยังไง สิ่งที่ข้าทำไป ล้วนเป็นการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างเรากับจูอู๋หยาง เพราะตามแผนที่เราวางไว้ พวกเราคือคนสนิทที่สุดของจูอู๋หยางในวังหลวงแห่งนี้ ถ้าแม้แต่พวกเรายังไม่ไปเยี่ยมเขา ไอ้ขี้ขลาดคนนั้นคงเสียใจจนฆ่าตัวตายแน่"

"ไม่ใช่แค่แม่เท่านั้น พรุ่งนี้เจ้าก็ต้องไปเยี่ยมจูอู๋หยางด้วย ไปพูดเกลี้ยกล่อมเขาสักหน่อย บอกใบ้แผนการของฮ่องเต้สติเฟื่องให้เขารู้บ้าง เพื่อให้เขาวางใจและอยู่ในตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทต่อไป เป็นโล่กำบังให้กับพวกเรานาน ๆ"

"นี่..." จูหลี่ปัวลังเลเล็กน้อย

จางหมิงลี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ในเมื่อเรื่องราวมันมาถึงขั้นนี้แล้ว คำพูดที่คนอื่นอยากจะพูด พวกเขาก็ต้องพูดอยู่ดี ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้จูอู๋หยาง ไอ้โง่นั่น สบายใจ อย่าให้เขามาทำลายแผนการของพวกเรา"

"ก็ได้ ข้าเข้าใจแล้ว" จูหลี่ปัวหัวเราะอย่างขมขื่น "ท่านแม่ วันนี้ตอนที่ท่านไปที่ตำหนักองค์ชาย ท่านให้องครักษ์ระดับขอบเขตเซียนไปตรวจสอบความแข็งแกร่งของจูอู๋หยางหรือไม่?"

จางหมิงลี่ส่ายหน้า "ไม่ได้ทำแบบนั้น ไม่ใช่ว่ามีเว่ยอันไฉกับเสี่ยวฝูจื่ออยู่แล้วหรือ พวกเขากำลังจับตาดูจูอู๋หยางอยู่ทุกวัน ถ้าความแข็งแกร่งของจูอู๋หยางมีอะไรผิดปกติ พวกเขาจะรีบรายงานพวกเราทันที"

"แต่ในวังหลวงแห่งนี้ ใครจะรู้ว่าจูอู๋หยางแอบไปฝึกฝนเคล็ดวิชาลับอะไรมาบ้าง" ดวงตาของจูหลี่ปัวเป็นประกาย "เพื่อความปลอดภัย ในทุก ๆ ช่วงระยะเวลาหนึ่ง พวกเราก็ควรจะส่งองครักษ์ระดับขอบเขตเซียนไปตรวจสอบด้วยตัวเอง ป้องกันไม่ให้จูอู๋หยางเล่นละครตบตาพวกเรา"

จางหมิงลี่ยิ้มออกมา "ดูจากท่าทางขี้ขลาดและโง่เง่าของจูอู๋หยางแล้ว เขาคงไม่มีทางฉลาดแกมโกงขนาดนั้นหรอก ถ้าเขาเก่งจริง ๆ คงไม่ถูกผลักดันขึ้นมาเป็นองค์ชายรัชทายาทแบบนี้หรอก แถมยังไม่มีแม้แต่พลังที่จะต่อต้าน"

"กันไว้ดีกว่าแก้" จูหลี่ปัวยิ้ม "แม้ว่าโอกาสจะน้อยนิด แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ข้าจะไปเยี่ยมจูอู๋หยางพอดี จะถือโอกาสให้องครักษ์ระดับขอบเขตเซียนไปตรวจสอบความแข็งแกร่งของเขาด้วย"

จางหมิงลี่พูดอย่างจนใจ "ก็ได้ ๆ เจ้ามันขี้ระแวงเกินไปแล้ว"

...

แม้ว่าจูอู๋หยางจะรู้ว่าพรุ่งนี้จูหลี่ปัวจะมาหาเขา แต่เขาไม่คิดเลยว่าจูหลี่ปัวจะรอบคอบขนาดนี้ ถึงกับต้องพาองครักษ์ระดับขอบเขตเซียนมาตรวจสอบความแข็งแกร่งของเขาโดยเฉพาะ

ภายใต้การตรวจสอบอย่างตั้งใจเช่นนี้ นักรบระดับขอบเขตเซียนขั้นปลายย่อมสามารถมองทะลุความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาได้อย่างแน่นอน แม้แต่นักรบระดับขอบเขตเซียนขั้นกลาง ก็มีโอกาสไม่น้อยที่จะมองทะลุความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาเช่นกัน

ในฐานะที่เป็นถึงองค์ชายที่มีอำนาจมากที่สุดคนหนึ่งในแคว้นจิ่วเจา จูหลี่ปัวสามารถเรียกใช้กำลังพลระดับขอบเขตเซียนขั้นกลาง หรือแม้แต่ระดับขั้นปลายได้อย่างง่ายดาย

วิกฤตกำลังคืบคลานเข้ามาอีกครั้ง

ถ้าจูหลี่ปัวรู้ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาเข้า ผลลัพธ์ที่รอเขาอยู่ คงไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่ ภัยพิบัติอาจจะมาเยือนในทันที

แต่ตอนนี้ ความแข็งแกร่งของเขายังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมากเท่าไหร่ การปกปิดตัวเองก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น และยิ่งมีโอกาสสูงที่จะถูกเปิดเผยความจริง

โชคดีที่เขามีสัมผัสที่เฉียบคม หลังจากที่ดูดซับจุดทะลวงขีดจำกัดในรอบนี้จนหมดแล้ว เขาก็นำจุดทะลวงขีดจำกัดอิสระที่เหลืออยู่ทั้งหมดไปเพิ่มความเชี่ยวชาญใน "มังกรเขียวซ่อนเร้น" และฝึกฝนมันอย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับ "มังกรเขียวซ่อนเร้น" ให้สูงขึ้นไปอีก

การมาเยือนของจูจือซานและจูไห่เทา ทำให้เขาได้รับจุดทะลวงขีดจำกัดอิสระมามากมาย หลังจากที่ดูดซับจุดทะลวงขีดจำกัดอิสระเหล่านี้แล้ว ความเชี่ยวชาญใน "มังกรเขียวซ่อนเร้น" ของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก ใกล้จะถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีพรสวรรค์ที่โดดเด่น ความเร็วในการฝึกฝน "มังกรเขียวซ่อนเร้น" นั้นเร็วมาก พอถึงวันพรุ่งนี้ เขาน่าจะก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่ง

5 2 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด