การจะคุยกับเทพนี่มันยากกว่าที่คิดอีกนะ (อ่านฟรี 21/10/2567)
“ข้ามีหน้าที่ให้เจ้าไปทำ ถ้าเจ้าทำสำเร็จข้าจะประทานพรให้เจ้าโชคดีอย่างมหาศาลหนึ่งปีเต็ม! แต่ถ้าล้มเหลวข้าก็จะประทานพรให้เจ้าอยู่ดี” เทพแห่งโชคลาภยิ้มออกมาอย่างน่าเชื่อถือ ถ้าไม่ติดว่าเย่เซวียนได้เห็นหน้าต่างภารกิจที่ขึ้นมาก่อนหน้านี้เขาก็คงเชื่อไปแล้ว
ชายหนุ่มพยายามที่จะไม่คิดอะไรในใจทั้งสิ้น เพื่อป้องกันไม่ให้ความคิดบางอย่างมันผุดออกมา ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายต้องรับรู้ได้เป็นแน่!
‘โอ้! ช่างน่าสนใจยิ่งนัก ภารกิจอะไรเหรอครับท่านเทพ?’ เย่เซวียนพยายามปั้นรอยยิ้มบนใบหน้าพลางคิดในใจ
“ภายในหนึ่งสัปดาห์ เจ้าต้องทำให้มีผู้คนมากราบไหว้ตัวข้าให้ได้หนึ่งหมื่นคน! ให้พวกเขาบอกต่อบุคคลอื่นเพื่อเพิ่มชื่อเสียงให้กับศาลเจ้าแห่งนี้! เป็นไง ง่ายใช่ไหมล่ะ? เจ้ามีแต่ได้กับได้!” เทพแห่งโชคลาภกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงน่าเชื่อถือ เย่เซวียนต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อไม่ให้เกิดความคิดในใจ
‘แต่ผมจะไปทำให้คนมากราบไหว้ท่านได้ยังไงกัน? แค่ไปเชิญชวนก็อาจจะมีคนมาแค่ไม่กี่คนหรอกครับ อีกอย่างเวลาก็จำกัดแค่เจ็ดวันเอง’ ชายหนุ่มตอบโต้กลับไป เพราะเขาได้รับภารกิจมาแล้ว จะปฏิเสธก็ไม่ได้ อย่างน้อยลองต่อรองดูเสียหน่อยก็ยังดี
“อืม ที่เจ้าพูดมาก็ถูก เอาเป็นว่าถ้าเจ้ามีอะไรให้ข้าช่วยก็บอกมาได้เลย แต่หน้าที่ของเจ้าและระยะเวลายังคงเดิมนะ” เทพแห่งโชคลาภทำเหมือนจะคล้อยตามในตอนแรก แต่แล้วก็กล่าวออกมาด้วยท่าทางไม่สะทกสะท้านอยู่ดี
‘…ศาลเจ้าแห่งนี้ชื่ออะไรเหรอครับ?’ เย่เซวียนนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ก่อนที่เขาจะกล่าวในใจขึ้นมาอีกรอบ
“ศาลเจ้าเทพแห่งโชคลาภNO.1” เทพแห่งโชคลาภกล่าวออกมาด้วยเสียงอันดัง รัศมีสีทองเปล่งปลั่งส่องออกมาจากตัวของเขาจนชายหนุ่มตาแทบบอด
ดูเหมือนว่าเทพเจ้าจะมีนิสัยที่แปลกประหลาดกว่าที่เขาเคยคิดไว้สินะ
‘เดี๋ยวผมขอเดินสำรวจรอบศาลเจ้าสักหน่อยนะครับ จะได้คิดหาวิธีในการทำให้ผู้คนมากราบไหว้ท่านไปด้วย’ เย่เซวียนที่ไม่รู้จะทำอะไรจึงบอกกล่าวกับอีกฝ่ายไป
“ได้สิ เช่นนั้นให้นางสวรรค์กับเจ้ากิเลนไร้ประโยชน์ไปกับเจ้าด้วยก็แล้วกัน มีอะไรก็ถามทั้งสองได้เลย” เทพแห่งโชคลาภตอบรับก่อนจะโบกมือเป็นเชิงให้ไปไหนก็ไป หลังจากนั้นเขาก็เดินไปหยิบแก้วสุราที่มีคนนำมาไหว้ขึ้นดื่ม
ดูเหมือนว่าเวลาเทพเจ้าจะดื่มกินของถวาย เมื่อพวกเขาสัมผัสของสิ่งใดวิญญาณของสิ่งนั้นก็จะหลุดออกมาโดยที่ร่างตั้งต้นยังอยู่ ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจง่ายกว่านั้นก็คือพวกเขาสามารถดึงกายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ ได้โดยที่กายหยาบยังคงเดิมนั่นเอง
“รับทราบเจ้าค่ะ/ขอรับ ท่านเทพ” นางสวรรค์และกิเลนทองกล่าวตอบรับออกมาพร้อมกัน
‘เช่นนั้นขอรบกวนท่านทั้งสองพาผมชมรอบ ๆ ศาลเจ้าหน่อยนะครับ’ เย่เซวียนกล่าวกับทั้งสองด้วยความสุภาพ
หลังจากนั้นทั้งสามก็เดินไปรอบ ๆ ศาลเจ้าเพื่อสำรวจสิ่งต่าง ๆ ภายใน โดยมีนางสวรรค์และกิเลนทองเป็นผู้นำทาง ชายหนุ่มพบว่าศาลเจ้าแห่งนี้แม้จะมีขนาดกว้างถึงหนึ่งไร่ แต่กลับมีสิ่งปลูกสร้างไม่มากนัก เทพรูปปั้นให้สักการะก็มีเพียงสองจุด
หนึ่งก็คือบริเวณที่องค์เทพแห่งโชคลาภตั้งอยู่ซึ่งจุดนี้จะอยู่ด้านในสุดของศาลเจ้าแห่งนี้ มีรูปปั้นของนางสวรรค์หนึ่งองค์ตั้งเอาไว้ข้างกาย เป็นอาคารชั้นเดียวแบบโล่งกว้าง สามารถต้อนรับผู้คนที่เข้ามากราบไหว้พร้อมกันได้นับร้อยคน
อีกแห่งหนึ่งก็คือรูปปั้นกิเลนทองคำขนาดสองเมตรที่ตั้งอยู่หน้าประตูทางเข้าศาลเจ้า ที่ฐานของรูปปั้นมีกระถางธูปขนาดใหญ่อยู่หนึ่งใบ และมีโต๊ะที่ใช้วางของไหว้อีกสิบโต๊ะ
‘ศาลเจ้าแห่งนี้...มีเทพเจ้าน้อยกว่าที่คิดอีกนะครับ’ หลังจากเดินครบจบหนึ่งรอบ เย่เซวียนก็กล่าวขึ้นมาในใจ
ครึ่งหลัง
“ก็ไม่แปลกหรอก ศาลเจ้าที่นี่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าไรน่ะ” นางสวรรค์ตอบกลับมา
‘แต่จากที่เห็นก็มีคนมาเยอะเลยนะครับ’ เย่เซวียนกล่าวแย้งในใจ
“นั่นก็เพราะวันนี้เป็นวันหยุดเท่านั้นแหละ แล้วตอนนี้ก็ช่วงพักเที่ยงพอดี ถ้าเป็นวันปกติแทบจะร้างผู้คนเลยล่ะ” คราวนี้เป็นกิเลนทองที่ตอบกลับมา มันเปลี่ยนจากการบินเป็นการลงมาเดินด้วยเท้าแทนแล้ว เวลามันเดินแต่ละก้าวจะทำให้ร่างกลมสั้นของมันส่ายไปมาดูน่าตลก ผิดกับตอนที่มันแปลงร่างเป็นกิเลนยักษ์เพื่อดูดควันเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อมาคิดดูแล้ว การใช้กิเลนที่เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อดูดควันนี่มัน...ก็ค่อนข้างจะสิ้นเปลืองเกินไปหรือเปล่า?
“นอกจากนี้ผู้คนก็แค่มาไหว้ จุดธูปเทียนฟรี มีน้อยนักที่จะบริจาคเงินให้ทางศาลเจ้า ทำให้เงินที่จะสร้างอะไรเพิ่มเติมมันไม่มียังไงล่ะ” นางสวรรค์กล่าวอธิบายออกมาต่อ
‘แล้วแต่แรกศาลเจ้านี้สร้างขึ้นมาได้ยังไงเหรอครับ? ใครเป็นคนดูแลกัน?’ เย่เซวียนกล่าวถามออกมาต่อ เพราะเขาแทบไม่มีความรู้เรื่องพวกนี้เลย
“ก็จากเงินของผู้คนนพื้นที่นั่นแหละ ปัจจุบันศาลเจ้าแห่งนี้ก็อยู่ในการดูแลของตระกูลหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้รับการใส่ใจอะไรนัก” นางสวรรค์ตอบกลับมา
‘แล้วส่วนใหญ่ผู้คนจะมากันทำไมเหรอครับ?’ ชายหนุ่มกล่าวถามออกมาเพื่อคิดหาวิธีในการดึงผู้คนเข้าศาลเจ้า สิ่งจำเป็นก็คือเขาจะต้องรู้ก่อนว่าผู้คนมาเพราะสาเหตุอะไร
“เงินทอง หน้าที่การงาน ขอพร ขอโชคลาภ ความรัก บ้าน รถ ที่ดิน ถามไถ่ดวงชะตา สะเดาะเคราะห์ เสริมดวง ต่อชีวิต สาปแช่งผู้อื่น มีมาทุกรูปแบบนั่นแหละ” นางสวรรค์นับนิ้วไปพลางตอบคำถามของชายหนุ่มตรงหน้าไปด้วย
‘เอ่อ เอาเป็นช่วยบอกห้าอันดับแรกที่นิยมที่สุดให้หน่อยได้ไหมครับ’ เย่เซวียนถามอีกฝ่ายด้วยความจนใจ เล่นมีทุกรูปแบบขนาดนี้ก็เหมือนไม่ได้คำตอบอะไรเลยนั่นแหละ
“โชคลาภ เงินทอง ความรัก ถามไถ่ดวงชะตา ทำบุญ น่าจะห้าอย่างนี้แหละ เห็นได้ทุกวัน” นางสวรรค์ครุ่นคิดอยู่เล็กน้อยก่อนจะตอบชายหนุ่มกลับไป
‘อืม..แล้วเทพเจ้าเขาเลือกยังไงเหรอครับว่าจะให้พรของใครสมหวัง? ในเมื่อผู้คนที่มากราบไหว้มีหลายคน’ ชายหนุ่มเอามือกุมคางก่อนจะถามต่อ
ความจริงแล้วสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเองก็คาใจมานานแล้วเช่นกัน
“ก็ดูคำขอและสิ่งที่ต้องการใช้แลกเปลี่ยนยังไงล่ะ!” คราวนี้เป็นกิเลนตัวอ้วนที่ตอบคำถามของชายหนุ่ม มันวาดรูปภาพบางอย่างด้วยแสงสีทองขึ้นมากลางอากาศเพื่อประกอบการอธิบาย
“การที่เทพจะประทานพรให้มนุษย์ได้นั้น จะต้องใช้พลังบุญที่สะสมมาของตนเองเป็นการแลกเปลี่ยน ดังนั้นแล้วถ้าคำขอที่ไม่คุ้มค่า รวมถึงคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลก็จะไม่มีวันเป็นจริงหรอก” กิเลนทองชี้ไปยังรูปที่แทนตัวของเหล่าเทพหลังจากนั้นก็ชี้ไปยังอีกรูปที่เขียนไว้ว่าพลังบุญ
‘คำขอที่ไม่คุ้มค่าและไม่สมเหตุสมผลคือยังไงเหรอครับ?’ เย่เซวียนกล่าวถามออกมาด้วยความคาใจ
คำขอมันก็ไม่น่าจะแตกต่างกันมากนัก แล้วแบบไหนถึงจะเรียกว่าไม่คุ้มค่าและไม่สมเหตุสมผลล่ะ?
“คำขอที่ไม่คุ้มค่าก็จำพวกต้องการมากแต่เสียน้อย เช่นขอให้ได้เงินหนึ่งล้านแต่จะนำน้ำแดงสิบหยวนมาถวายเป็นของตอนแทน” เจ้ากิเลนวาดรูปภาพประกอบไปด้วยพลางกล่าวอธิบาย
“ส่วนคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลก็ตรงตามชื่อยกตัวอย่างเช่น ขอให้สอบผ่านแต่ไม่อ่านหนังสือ ไม่ตั้งใจเรียน ขอให้ร่ำรวย แต่วัน ๆ ไม่ทำอะไรเลย” พอเจ้ากิเลนอธิบายจบก็ทำให้ชายหนุ่มนึกภาพตามได้อย่างชัดเจน คำขอพวกนี้มันก็ไม่น่าจะประทานพรให้จริง ๆ นั่นแหละ
‘...แล้วต้องทำยังไงนะ ผู้คนถึงจะมากราบไหว้ศาลเจ้าแห่งนี้’ ชายหนุ่มครุ่นคิดพลางเดินไปมาเป็นวงกลม
‘ผมนึกวิธีดี ๆ ออกแล้วล่ะ! แต่คงต้องขอความร่วมมือจากท่านเทพและทั้งสองท่านหน่อย’ เย่เซวียนพยายามคิดหาวิธีในการเรียกผู้คนมากราบไหว้อยู่เกือบห้านาที ในที่สุดเขาก็คิดออกจนได้
วิธีนี้จะต้องใช้ได้ผลอย่างแน่นอน!
ที่ใดมีความหวัง ที่นั่นย่อมหลอกล่อให้มนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลสมารวมตัวกันได้อย่างไม่อยากนัก!
ปล.ทุกสิ่งเป็นเรื่องสมมุตินะครับ ไม่ต้องไปคิดหาเหตุผลอะไรกับมันมาก