ตอนที่ 42: ความยากเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
ตอนที่ 42: ความยากเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด
“พระเจ้า เข้าไปแล้ว! พวกเขาเข้าดันเจี้ยนระดับนรกไปแล้ว!”
ด้านนอกปราสาทเงา กลุ่มผู้เล่นจากเมืองพายุฟ้าคะนองรู้สึกกระสับกระส่ายอีกครั้งหลังจากเห็นแสงสีแดงโลหิตจากประตูปราสาทเงาสาดส่องออกมาขณะพาหวังยวนกับเจ็ดคนที่เหลือเข้าไป
พูดตามตรง ผู้เล่นส่วนใหญ่คิดว่าสิ่งที่เรียกว่า "การท้าทายดันเจี้ยนระดับนรก" เป็นเรื่องล้อเล่น ในช่วงเวลานี้ที่ทุกคนไม่สามารถผ่านระดับทั่วไปได้ ระดับนรกจึงเป็นความยากที่ไม่แม้แต่จะคิดถึง
เรื่องทั้งหมดล้วนเป็นความสนุกสนาน แต่ใครจะคาดคิดว่ามันกลับกลายเป็นความจริง
หากตายในดันเจี้ยนระดับนรกก็จะเสียหนึ่งเลเวล
การเพิ่มเลเวลคือสิ่งจำเป็นไม่ใช่เหรอ?
แต่ใครจะคิดว่าหวังยวนถึงกับเปิดดันเจี้ยนระดับนรกจริง
ชายผู้นี้… ไม่มีขีดจำกัดจริงหรือ?
ทุกคนตกตะลึง
เมื่อวานซืนไม่มีใครเคยได้ยินชื่อหนิวต้าลี่ แต่เมื่อวานกลับกลายเป็นคนมีชื่อเสียงในเมืองหลังจากสังหารสมาคมมังกรดำด้วยตัวคนเดียว
แม้คิดว่าการจัดการกิลด์ขนาดใหญ่เพียงลำพังจะเป็นจุดสูงสุดของชีวิตหวังยวน แต่นึกไม่ถึงว่าหมอนี่จะทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นได้อีก
มันคือการท้าทายการรับรู้ของผู้เล่นคนอื่นตลอดเวลา
“ว่าไงนะ? เขาลงเดิมพันจริงเหรอ?”
ทางฝั่งสมาคมมังกรดำ มังกรท่องโลกประหลาดใจระคนยินดีที่ทราบว่าทีมของหวังยวนวางเงินเดิมพัน
ที่น่าแปลกยิ่งกว่าคือหวังยวนถึงกับกล้าท้าทายดันเจี้ยนระดับนรก
ข่าวดีคือดูเหมือนว่าการประจบประแจงของเขาทำให้ชายผู้นี้ฮึกเหิมขึ้นไม่น้อย หลังจากทำเช่นนี้ หวังยวนจึงกล้าท้าทายเขาเพื่อหวังจะเพิ่มชื่อเสียง
ทุกอย่างอยู่ในแผนของเขาเรียบร้อยแล้ว
"ฮ่าฮ่าฮ่า!"
เมื่อคิดถึงตรงนี้ มังกรท่องโลกจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดัง
…
ไม่เพียงแค่เมืองพายุฟ้าคะนองเท่านั้น แต่ด้วยความช่วยเหลือสมาคมมังกรดำ ทำให้ข่าวที่หวังยวนกำลังท้าทายดันเจี้ยนระดับนรกกลายเป็นที่โด่งดังบนเว็บบอร์ดทั่วไปจนแพร่สะพัดไปยังเมืองหลักแห่งอื่น
เมืองแสงศักดิ์สิทธิ์ สำนักงานกิลด์มังกรโผทะยานเลิศล้ำ
“ว่าไงนะ ดันเจี้ยนระดับนรกเหรอ? ทีมไหน?” ประธานของมังกรโผทะยานเลิศล้ำนามมังกรโผทะยานทั่วหล้าขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนี้
“หนิวต้าลี่เป็นใคร ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน”
“ชิ... ก็นึกว่ากิลด์ขนาดใหญ่ที่ตั้งทีมกันขึ้นมา ดันกลายเป็นคนที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเนี่ยนะ” มังกรโผทะยานทั่วหล้าโบกมือหลังจากได้ยินเช่นนี้ “อย่าไปให้ความสนใจกับข่าวนี้เลย มันก็แค่กลุ่มผู้เล่นระดับต่ำที่ไม่มีทักษะแต่อยากสร้างความสนใจเพราะหิวแสงเท่านั้น ความคืบหน้าดันเจี้ยนของพวกเราไปถึงไหนแล้ว?”
“ไปถึงฉากที่สองแล้ว”
"เหอะเหอะ!" มังกรโผทะยานทั่วหล้าเย้ยหยัน “ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะไปได้สวย หากไม่มีอะไรผิดพลาด กิลด์ของพวกเราจะเป็นกิลด์แรกที่ผ่านระดับเอลีท! ไกลสุดทั่วหล้า คุณจะสู้เพื่อเป็นกิลด์ชั้นนำในเซิร์ฟเวอร์โกบอลหรือเปล่า!!”
…
“พระเจ้า! นี่คือปราสาทเงาระดับนรกใช่ไหม? มันต้องสมจริงขนาดนี้เลยเหรอ? แอบน่าขนลุกขนพองนิดหน่อยแฮะ”
“นั่นน่ะสิ… ฉากถูกเปลี่ยนเป็นตอนกลางคืน ดูพระจันทร์นั่นสิ เหมือนมีเลือดหยดลงมาเลย”
ในตอนนี้ พวกสุ่ยหลิงหลงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจขณะมองฉากที่อยู่ตรงหน้า
คนเหล่านี้ล้วนเคยต่อสู้ในปราสาทเงาระดับปกติมาก่อน ทำให้เคยเห็นฉากทั้งหลายในดันเจี้ยน
แต่ฉากในตอนนี้เหมือนกับโลกสองใบที่แตกต่างกันเมื่อเทียบกับฉากที่เคยเห็นก่อนหน้านั้น
ในดันเจี้ยนระดับนรก ไม่เพียงแต่ฉากน่าขนลุกและน่าสะพรึงมากขึ้นเท่านั้น แต่ผู้เล่นถึงขั้นสามารถสัมผัสได้ถึงอากาศเย็นเยือกกับกลิ่นของซากศพที่เน่าเปื่อยอีกด้วย เทียบกับปราสาทเงาระดับปกติแล้ว มันให้ความรู้สึกเหมือนกับอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
มันทำให้เกิดอาการเย็นสันหลังวาบขึ้นมา
แม้แต่หวังยวนผู้เป็นชายอาจหาญยังรู้สึกเสียวซ่านที่หนังศีรษะ
กลับกัน โครงกระดูกที่อยู่ด้านหลังต่างตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
“ว้าว เป็นปราสาทเงาจริงด้วย” เสี่ยวไป๋เอ่ยคำด้วยความตื่นเต้น “นับตั้งแต่จบการศึกษาจากสถาบันต่อสู้มืออาชีพก็ไม่เคยมาปราสาทเงาอีกเลย คาดไม่ถึงว่าจะได้มาสถานที่แห่งนี้อีกครั้งหลังจากกลับชาติมาเกิดใหม่”
"นั่นสิ... ฉันไม่ได้เข้าสู่อาณาจักรลับแห่งนี้มานานกว่าสิบปีแล้ว มันนานจนเกือบลืมวิธีต่อสู้ไปเลย" ต้าไป๋เอ่ยคำอย่างมีอารมณ์เช่นกัน
สิ่งที่เรียกว่าอาณาจักรลับคือดันเจี้ยนในเกมที่คงอยู่ก่อนจะเกิดวันสิ้นโลก ภายใต้การดำเนินการของสหภาพวิชาชีพของรัฐบาลกลาง มันจึงกลายเป็นพื้นที่ทดสอบสำหรับสถาบันต่อสู้มืออาชีพในเมืองหลักสำคัญ
หลังจากมาถึงวันสิ้นโลก ยอดฝีมือไม่เพียงใช้อาณาจักรลับเพื่อพัฒนาความสามารถการต่อสู้และสั่งสมประสบการณ์ วัสดุ อุปกรณ์สวมใส่และของจำเป็นสำหรับแต่ละอาชีพเท่านั้น แต่ยังสามารถสำรวจเศษเสี้ยวประวัติศาสตร์ก่อนจะเกิดวันสิ้นโลกในอาณาจักรลับได้อีกด้วย
ประวัติศาสตร์หลังเกิดวันสิ้นโลกถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของอาณาจักรลับ
นั่นคือสาเหตุที่ไม่มียอดฝีมือคุ้นเคยกับประวัติศาสตร์สักคน
เพราะก่อนจะสำเร็จการศึกษา พวกเขาทราบเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ประวัติศาสตร์ก่อนเกิดวันสิ้นโลกในอาณาจักรลับมาแล้ว
ทว่าอาณาจักรลับเพียงคงอยู่ในสถาบันต่อสู้มืออาชีพที่มีไว้สำหรับให้ยอดฝีมือหน้าใหม่ใช้ทำการทดสอบเท่านั้น
เมื่อยอดฝีมือออกจากสถาบันต่อสู้แล้วก็จะไม่สามารถเข้าสู่อาณาจักรลับได้อีกต่อไป ถึงอย่างไรสมรภูมิแท้จริงย่อมน่าสะพรึงยิ่งกว่าอาณาจักรลับ ยามยอดฝีมือก้าวเข้าสู่สมรภูมิ การพัฒนาที่อาณาจักรลับสามารถมอบให้ยอดฝีมือได้ก็ยิ่งน้อยลง
ในฐานะโครงกระดูกที่อาวุโสที่สุดของหวังยวน ต้าไป๋เคยเป็นอาจารย์ของเสี่ยวไป๋กับหม่าซานเอ๋อร์ผู้เป็นน้องชาย เป็นเพราะจบการศึกษามานานกว่าสิบปี จึงเป็นธรรมดาที่จะไม่ได้เข้าอาณาจักรเป็นเวลานาน
“มันจะยากขนาดไหนกัน...”
หม่าซานเอ๋อร์เอ่ยคำ "เข้าจุดตรวจสะพานในฉากแรกกับการตอบโต้แบบเรียลไทม์ในฉากที่สองเป็นเพียงการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่มีเพียงลีโอริคในฉากสุดท้ายที่ค่อนข้างยากพอสมควร แต่สำหรับพวกเรามันก็แค่นั้น"
“ใช่แล้ว! อาณาจักรลับระดับต่ำเหล่านี้ไม่มีการเคลื่อนไหวเชิงกลยุทธ์ระดับสูงเกินไปหรอก” ต้าไป๋เอ่ยคำอย่างมั่นคง
…
“เข้าจุดตรวจสะพาน? ตอบโต้แบบเรียลไทม์?”
หวังยวนสับสนอย่างสิ้นเชิงและไม่เข้าใจว่าสิ่งที่พวกเขาเรียกว่ากลยุทธ์มันคืออะไร หรือว่าหมายถึงกลยุทธ์ดันเจี้ยน?
“ไอ้หยา... ทำไมถึงมีสะพานอยู่ที่นี่? ตามคู่มือทั่วไปแล้วเห็นบอกว่าแค่เดินเข้าไปก็พอแล้ว”
ขณะหวังยวนกำลังสงสัยก็ได้ยินเสียงยิงไปเรื่อยเปื่อยตะโกนจากด้านข้าง
หวังยวนรีบเงยหน้าขึ้น ดังคาด สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือสะพานแขวน
ส่วนปลายทางของสะพานคือประตูเหล็กสองบาน
ผู้คนทั้งหลายเดินข้ามสะพานแขวนจนมาถึงประตู ทันทีที่ผ่านประตูเหล็ก พวกเขาจึงพบฝูงหมาป่าสีดำเดินไปมาอยู่ภายในลาน
หมาป่าเงา
เลเวล: 30
ค่าพลังชีวิต: 10000
ค่าพลังมานา: 1000
สกิล: เขี้ยวแวมไพร์ เงาจู่โจม
แนะนำภูมิหลัง: หมาป่าเงาที่ถูกเลี้ยงดูโดยลีโอริคจนถูกกัดกร่อนโดยพลังมารจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตอันเดด ครอบครองพลังที่แก่กล้ายิ่งกว่าตอนมีชีวิต
พวกสุ่ยหลิงหลงหลั่งเหงื่อเย็นออกมา
“เดี๋ยวนะ? ความยากเพิ่มขึ้นห้าเท่าไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมปริมาณถึงเพิ่มขึ้นห้าเท่าด้วยล่ะ” วีรชนเป็นหนึ่งมองมอนสเตอร์ที่อยู่หลังประตูขณะสูดไอเย็นเข้าไป
ในดันเจี้ยนระดับปกติ หมาป่าเงาทั่วไปเลเวล 15 จะเดินเร่ร่อนอยู่ภายในลาน
ไม่เพียงแต่คุณสมบัติมีเพียงหนึ่งในห้าของมอนสเตอร์เหล่านี้เท่านั้น แต่จำนวนยังมีแค่ 20 ตัวอีกด้วย
ขอเพียงรับมืออย่างระมัดระวังก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
แต่ตอนนี้หมาป่าเงากำลังเดินอยู่รอบลานไปทั่วจนกลายเป็นกลุ่มก้อนสีดำขนาดใหญ่ จำนวนอย่างต่ำอยู่ที่หลักร้อย…
แปลกชะมัด มันไม่ใช่แค่การกำราบในเชิงปริมาณเท่านั้น
มอนสเตอร์มีระยะความเกลียดชังเป็นของตัวเอง เมื่อมีหมาป่ายี่สิบตัว พื้นที่ลานจึงมากเพียงพอที่จะทำให้ความเกลียดชังกระจายออกไป ผู้เล่นจึงสามารถล่อออกมาฆ่าทีละตัวได้
แต่ตอนนี้ลานไม่ได้มีขนาดใหญ่ แถมจำนวนหมาป่าเงาที่อยู่ภายในยังเพิ่มขึ้นอีกห้าเท่า ทำให้สภาพดูแออัดยิ่ง ส่งผลให้ความเกลียดชังของหมาป่าเงาซ้อนทับมากยิ่งขึ้น
ในกรณีนี้ หากผู้เล่นโจมตีหนึ่งในนั้นเข้า ความเกลียดชังทั้งหมดจะถูกกระตุ้นขึ้นมา
หากมอนสเตอร์ชั้นยอดนับร้อยกรูกันเข้ามาเมื่อไหร่…
ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ