ตอนที่แล้วตอนที่ 28 ทุกวิถีทาง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 30 ภาพยาจิตวิญญาณ

ตอนที่ 29 ผลลัพธ์ขั้นต้น


ตอนที่ 29 ผลลัพธ์ขั้นต้น

หลินมู่จ้องมองควบแน่นปราณแห่งธาตุไม้สีเขียวมรกตตรงหน้า ดวงตาเปล่งประกายระยับ

ในที่สุดหลังจากตรากตรำฝึกฝนอย่างหนัก เคล็ดหญ้าพฤกษาขั้นแรกก็สำเร็จ!

แต่จะได้ผลจริงหรือไม่ยังต้องพิสูจน์กันอีกที หลินมู่คิดพลางผุดกายออกจากมิติวังวนจันทรา

เมื่อมาถึงลานบ้าน สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ต้นไม้โบราณสองต้นที่สูงเสียดฟ้า เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายตัดสินใจไม่ลงมือ

แต่แล้วสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นกลุ่มหญ้าเล็ก ๆ ที่มุมสวน คราวนี้เขาไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเดินตรงไปที่กลุ่มหญ้า นิ้วมือทั้งสิบขยับอย่างรวดเร็ว ไม่นานพายุหมุนสีเขียวมรกตก็ก่อตัวขึ้นตรงหน้าเขา จิตสำนึกของเขาขยับเล็กน้อย แรงดูดมหาศาลก็เกิดขึ้น แสงสีเขียวมรกตพวยพุ่งออกมาจากใบหญ้า พุ่งเข้าสู่พายุหมุน แสงสว่างส่องประกายเจิดจ้าแย่งกันเข้าสู่พายุหมุน ในชั่วพริบตากลุ่มหญ้าก็เหี่ยวเฉาลงอย่างรวดเร็ว

สายลมพัดผ่าน ใบหญ้าแห้งก็กลายเป็นผุยผงปลิวหายไปกับสายลม

หลินมู่สูดหายใจลึกด้วยความตกตะลึง พลังทำลายล้างของมันร้ายกาจเกินไป

พายุหมุนสีเขียวมรกตสลายไปในพริบตา ลูกปัดแก่นแท้แห่งพฤกษาสีเขียวสดใสปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของหลินมู่ หมุนวนไปมาไม่หยุด

ลูกปัดแก่นแท้แห่งพฤกษาหนึ่งเม็ดนี้ สกัดมาจากกลุ่มหญ้าทั้งกลุ่ม เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตอันบริสุทธิ์ ชวนให้รู้สึกสดชื่นอย่างประหลาด

หลินมู่รู้ดีว่าลูกปัดแก่นแท้แห่งพฤกษาไม่อาจเก็บไว้ได้นาน มันจะสลายไปในไม่ช้า เขาอยากทดลองพลังของมัน จิตสำนึกจึงเคลื่อนไหวอีกครั้งพาร่างกลับเข้าสู่มิติวังวนจันทรา

เมื่อมายืนอยู่ริมผืนดินวิญญาณ หลินมู่ดีดนิ้วเบา ๆ ส่งลูกปัดแก่นแท้แห่งพฤกษาสีเขียวสดใสไปยังต้นกล้าชิงเจียนชางที่ยังคงมีสีเหลืองอ่อน ๆ แสงสีเขียววาบขึ้น ลูกปัดถูกดูดซึมเข้าสู่ต้นกล้า

หลินมู่จ้องมองต้นกล้าชิงเจียนชางไม่วางตา แม้แต่จะกระพริบก็ไม่

ภายใต้สายตาของหลินมู่ ต้นกล้าชิงเจียนชางเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับมีเวทมนตร์ เสกให้ใบสีเขียวขยายใหญ่ขึ้น ลำต้นหนาขึ้น และข้อปล้องยืดยาวขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกือบจะสูงถึงเข่าของหลินมู่ ความเร็วในการเติบโตที่บ้าคลั่งจึงค่อย ๆ ช้าลง แต่ก็ยังเร็วกว่าต้นกล้าหญ้าเจ็ดดาวที่อยู่ข้าง ๆ มาก

ตอนนี้ต้นชิงเจียนชางต้นนี้ไม่สามารถเรียกว่าต้นกล้าได้อีกต่อไป รูปร่างของมันแทบไม่ต่างจากชิงเจียนชางที่โตเต็มที่

หลินมู่ยืนตะลึงกับภาพตรงหน้า

พลังของลูกปัดแก่นแท้แห่งพฤกษานั้นเหนือความคาดหมายของเขา เขาไม่เคยคิดฝันว่ามันจะทรงพลังได้ถึงเพียงนี้

“ได้ผลดีขนาดนี้เชียว!?” หลินมู่พึมพำกับตัวเองด้วยความตกตะลึงและตื่นเต้น

หลินมู่รู้สึกว่าความเหนื่อยยากที่ผ่านมาไม่ได้สูญเปล่า… ทุกอย่างคุ้มค่าแล้ว!

ความแข็งแกร่งอันน่าทึ่งของลูกปัดแก่นแท้แห่งพฤกษา ทำให้เขาเล็งเห็นโอกาสมหาศาลทางการค้า

หลินมู่คิดว่าหากใช้ลูกปัดแก่นแท้แห่งพฤกษาเร่งการเติบโตของหญ้าวิญญาณจำนวนมากอย่างนี้ต่อไป เขาจะต้องมีวัตถุดิบสำหรับการเล่นแร่แปรธาตุมากมายมหาศาล ด้วยฝีมือการเล่นแร่แปรธาตุของเขา การจะได้หินวิญญาณมาครอบครองก็คงเป็นแค่เรื่องของเวลา

แต่ความคิดนี้ของหลินมู่ดูจะมองโลกในแง่ดีเกินไปหน่อย!

แท้จริงแล้วฤทธิ์ของลูกปัดแก่นแท้แห่งพฤกษาไม่ได้ยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้ วิธีใช้ลูกปัดแก่นแท้แห่งพฤกษาที่ดีที่สุดคือการบดให้แตกละเอียด แล้วให้หญ้าวิญญาณแต่ละต้นดูดซับพลังไปพร้อม ๆ กัน เพื่อเติบโตไปด้วยกัน แต่หลินมู่อยากทดลองพลังของมัน จึงรวบรวมแก่นแท้จากกลุ่มหญ้าทั้งหมดไปไว้ที่ต้นกล้าชิงเจียนชางเพียงต้นเดียว ผลลัพธ์ที่ได้จึงเกินกว่าที่บันทึกไว้ในแผ่นหยกสารถึงสามส่วน

โชคดีที่ชิงเจียนชางเป็นพืชที่มีพลังชีวิตแข็งแกร่ง หญ้าวิญญาณทั่วไปไม่อาจทนรับแก่นแท้พืชมากมายขนาดนั้นได้ในคราวเดียว หากเป็นยาสูบเยือกแข็งซึ่งเป็นหญ้าวิญญาณที่บอบบางคงถูกเร่งการเติบโตจนตายไปแล้ว!

แต่ถึงอย่างนั้น หลินมู่ก็ยังคงตื่นเต้นดีใจ นี่มันเป็นเรื่องน่ายินดีอย่างไม่คาดคิด!

ในลานบ้านมีต้นไม้โบราณสองต้นที่แตกกิ่งก้านสาขาเขียวชอุ่ม เต็มไปด้วยพลังชีวิต แต่ด้วยกฎของสำนัก หลินมู่จึงไม่สามารถแตะต้องมันได้

อีกอย่างหลินมู่ไม่ต้องการเป็นจุดสนใจ หากต้นไม้โบราณสองต้นในสวนตายลงอย่างปริศนา เหล่าศิษย์จากโถงคุมกฎต้องมาตรวจสอบแน่ เมื่อถึงตอนนั้นผู้คนจะมามุงดูกันมากมาย ซึ่งขัดกับความตั้งใจของหลินมู่ที่ต้องการใช้ชีวิตอย่างเงียบๆ ไม่เป็นที่สะดุดตา

หลินมู่รู้ดีว่าวาสนาของเขายังมาไม่ถึง พลังของเคล็ดหญ้าพฤกษาช่างร้ายกาจเกินไป ไม่อาจใช้พร่ำเพรื่อได้

หากวันหนึ่งมีโอกาสออกจากสำนักสู่ป่าอันกว้างใหญ่ไพศาล เคล็ดหญ้าพฤกษาต้องเป็นประโยชน์อย่างแน่นอน!

ในที่สุดหลินมู่ก็ได้เรียนรู้เคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุครบทั้งห้าแล้ว!

ตลอดเวลาครึ่งปีที่ผ่านมา หลินมู่ได้เรียนรู้เคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุทั้งหมด ทำให้เขาเริ่มมีความเข้าใจในวิชาคาถาอาคมมากขึ้น

เคล็ดวิชาพื้นฐานห้าธาตุนี้เป็นเพียงวิชาขั้นต้น บทฝึกทั้งห้าบทภายในหยกสื่อสารล้วนฝึกได้ถึงแค่ขั้นที่สาม ส่วนขั้นต่อ ๆ ไปนั้นไม่มีบันทึกไว้ก็คงไม่แปลกอะไร เพราะแผ่นหยกนี้เป็นของที่ผู้ฝึกตนขอบเขตสร้างรากฐานท่านหนึ่งทิ้งไว้ คนทั่วไปหากฝึกถึงขั้นที่สามได้ก็ถือว่ายากแล้ว เพราะการเพาะปลูกพืชผักนั้นไม่จำเป็นต้องใช้วิชาล้ำลึกอะไรมากมายอย่างเช่น เคล็ดหยกวารี คนทั่วไปหากฝึกฝนเพียงเล็กน้อยก็สามารถบรรลุถึงขั้นที่สองได้แล้ว หากขยันหมั่นเพียรอีกหน่อย ใช้เวลาสักปีสองปีก็อาจฝึกถึงขั้นที่สามได้ แต่เคล็ดหยกวารีขั้นที่สองก็เพียงพอแล้วสำหรับการเพาะปลูกในผืนดินวิญญาณ สามารถร่ายเวทเรียกฝนได้อย่างง่ายดาย ใครเล่าจะทุ่มเทฝึกฝนให้เหนื่อยยากเพื่อไปให้ถึงขั้นที่สูงกว่านั้น?

วิชาคาถาอาคมในปัจจุบัน ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ฝึกตน

สาเหตุประการแรกคือการเรียนรู้นั้นซับซ้อนยุ่งยากเกินไป แม้แต่เคล็ดหญ้าพฤกษาซึ่งเป็นวิชาธาตุไม้ขั้นต้น ยังฝึกยากถึงเพียงนี้ แล้ววิชาขั้นสูงกว่านั้นเล่าจะยากเย็นแสนเข็ญสักเพียงใด?

คนทั่วไปคงไม่อาจเรียนรู้ได้ง่าย ๆ สาเหตุประการที่สองคือวิชาคาถาอาคมนั้นมีพลังต่อเนื่องไม่มากพอ เมื่อผู้ฝึกตนบรรลุถึงขอบเขตสร้างรากฐานแล้ว ก็สามารถเหาะเหินเดินอากาศ หลบหลีกวิชาคาถาอาคมทั่วไปได้อย่างง่ายดาย

ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่มักฝึกฝนขอบเขตยุทธ์อย่างหนักในช่วงขอบเขตกลั่นลมปราณจนไม่สนใจสิ่งอื่น

หลังจากสร้างรากฐานแล้ว จึงค่อยเริ่มเรียนรู้เคล็ดวิชาดาบ กลายเป็นจอมดาบ

สำนักดาบพันปักษาเป็นสำนักแห่งจอมดาบ ศิษย์หลายคนต่างเดินตามเส้นทางเดิม ๆ นี้

คนที่เรียนรู้ทั้งวิชาห้าธาตุ และวิชาเล่นแร่แปรธาตุอย่างหลินมู่นั้น ในสำนักดาบพันปักษามีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น

แน่นอนว่าพรสวรรค์ในการเรียนรู้วิชาห้าธาตุของเขาก็ไม่มีใครเทียบได้เช่นกัน!

ในสำนักดาบพันปักษา ทุกคนต่างใฝ่ฝันอยากจะเป็นจอมดาบ

ความแข็งแกร่งของจอมดาบนั้นเป็นที่ประจักษ์!

พวกเขาใช้เพียงดาบเล่มเดียวในมือ พิชิตโลก และได้มาซึ่งทุกสิ่งที่ต้องการ…

ในฐานะสำนักแห่งจอมดาบ สำนักดาบพันปักษายิ่งเป็นเช่นนั้น พวกเขาไม่สนับสนุนให้ศิษย์เรียนรู้วิชาขั้นต่ำเหล่านี้ กลับกันพวกเขาหวังให้ศิษย์ฝึกฝนแต่เพียงวิชาใจ เพิ่มพูนขอบเขตยุทธ์ เมื่อสร้างรากฐานได้แล้วจึงค่อยฝึกเคล็ดวิชาดาบ พวกเขาเชื่อว่านี่คือเส้นทางที่ถูกต้อง

นี่คือแนวคิดหลักของสำนักดาบพันปักษา และเป็นแนวคิดหลักของจอมดาบส่วนใหญ่ด้วย

แต่แนวคิดนี้ก็มีข้อเสียอยู่หลายประการ สองข้อที่สำคัญที่สุดคือ หนึ่งผู้ฝึกตนขั้นต้นจำนวนมากไม่มีเวลามากพอสำหรับการฝึกฝน เพื่อจะได้หินวิญญาณขั้นต่ำสิบก้อนไปจ่ายให้สำนักทุกปี พวกเขาต้องทำงานรับใช้ในสำนักเพื่อหาหินวิญญาณมา เวลาที่เหลือสำหรับฝึกฝนจึงมีน้อยมาก หลินมู่ในช่วงสามปีแรกที่สำนักดาบพันปักษาก็เป็นเช่นนั้น

สองทรัพยากรไม่เพียงพอ ทั้งหินวิญญาณและยาเม็ด ผู้ฝึกตนขอบเขตกลั่นลมปราณล้วนขาดแคลน หากหวังพึ่งเพียงความพยายาม โอกาสในการสร้างรากฐานก็ริบหรี่

ศิษย์หลายคนแม้ผมหงอกขาวแล้วก็ยังคงติดอยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณ คนแบบนี้ในสำนักดาบพันปักษาก็มีอยู่ไม่น้อย

คนที่มีพรสวรรค์สูงส่งนั้นหายากอยู่แล้ว คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่ฝึกฝนได้เร็วกว่าคนอื่น สำนักยังให้สิทธิพิเศษมากมาย ทำให้ช่องว่างระหว่างพวกเขากับคนอื่นยิ่งห่างออกไป

หลินมู่รู้จักความสามารถของตัวเองดี เขาไม่เคยทะเยอทะยานเกินตัว แต่กลับมุ่งมั่นฝึกฝนอย่างจริงจัง และไม่วอกแวก

หลินมู่มีแผนการสำหรับอนาคตของตัวเอง สำหรับเขาแล้วคำสอนของเหล่าผู้อาวุโสก็เป็นเพียงการโอ้อวด แสดงอำนาจและความมั่งคั่งของตนเท่านั้น

หลินมู่ตัดสินใจที่จะเดินบนเส้นทางของตัวเอง ก้าวออกจากกรอบที่ผู้อาวุโสขีดไว้ และแสวงหาลู่ทางใหม่

นอกจากนี้ หลินมู่ไม่คิดว่าการเรียนวิชาคาถาอาคมจะไม่มีอนาคต หากไม่เรียนวิชาเหล่านี้ เขาคงตายไปแล้วตั้งแต่โดนกระสุนเพลิงของหม่าฮวาหยวน

ตอนนี้เขากำลังก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว ค่อย ๆ ทำตามความคิดของตัวเองให้เป็นจริง

และจะก้าวไปอย่างมั่นคง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด