ตอนที่แล้วบทที่ 78 ตกตะลึง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 80 คฤหาสน์ขุนนางจื่อซาน

บทที่ 79 คาถากำจัดความชั่วร้าย


ขณะนั้น มิใช่เพียงคณะที่พึ่งเข้ามา ชูเหลียงเองก็เป็นผู้ที่ตกใจเช่นกัน

ก่อนหน้านี้เขาเคยได้เห็นพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเมื่อตราประทับร้อยกระบี่เปลี่ยนเป็นหมื่นกระบี่ ฉะนั้นเขาจึงเตรียมใจไว้พอสมควรที่จะได้เห็นพลังที่เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณอีกครั้งขณะที่เขาใช้มันประสานกับอักขระเป็นกระบี่เวทมนตร์ในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ด้วยการใช้รอยประทับกระบี่ผสานกับอักขระไฟและน้ำแข็งของเขา มันมิได้ส่งผลเพียงปริมาณที่เพิ่มขึ้น แต่เป็นการเพิ่มคุณภาพแบบก้าวกระโดดจนทำให้ผู้ที่พบเห็นต้องตกตะลึง

ฉึก

เมื่อดึงเพชฌฆาตสีชาดออกมา มันก็ได้สิ้นสุดภารกิจของมันแล้ว เมื่อมองไปยังใบกระบี่ที่เรียบง่ายและไม่มีการประดับประดาใดๆ เขาก็ยิ่งเกรงกลัวมันมากขึ้นไปอีก ยิ่งเมื่อได้เห็นระดับความเกลียดชังของกระบี่อันชอบธรรมเล่มนี้ที่มีต่อปีศาจที่ร้ายกาจ..

น่าเสียดายที่พลังในระดับเมื่อครู่นี้ เขาไม่สามารถใช้มันได้ตลอด ไม่อย่างนั้น...

ความเป็นไปได้ที่เขาจินตนาการไว้ช่างน่าทึ่งจริงๆ

ชูเหลียงนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงรวบรวมสัมผัส จากนั้นก็ตรวจดูศพขนาดใหญ่

น่าเสียดายที่ซากเต่าขนาดมหึมานั้นเสียหายอย่างหนักหน่วง รวมไปถึงกระดองที่แข็งแรงของมันด้วย พลังของเขานั้นเกินควบคุมจนทำให้กระดองและซากของมันแตกกระจายไปทั่ว ไม่มีประโยชน์ใดที่จะทำการซ่อมแซม

สิ่งนี้คือแง่มุมหนึ่งที่ทำให้ปีศาจนั้นไร้เทียมทานเมื่อเปรียบเทียบกับผู้บ่มเพาะ พวกมันแข็งแกร่งในตัวมันเอง ปีศาจจึงมักไม่มีสิ่งที่มีค่ามากนักที่จะทำให้ผู้บ่มเพาะมาแย่งชิง

แต่โชคดีที่ชูเหลียงมีเจดีย์ขาว ดังนั้นเมื่อพิจารณาถึงระดับของเต่ายักษ์ตัวนี้ เขาจึงเชื่อว่าเขาต้องได้รางวัลที่ค่อนข้างดีอย่างแน่นอน

แม้จะพิจารณาแค่ในแง่ของระดับการฝึกฝน แต่เต่าตัวนี้ดูจะเป็นรองกิ้งก่ายักษ์และราชาเสือที่เขาเคยพบเจอในอดีต อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ได้รับรางวัลที่ดีกว่าสำหรับการสังหารเต่าตัวนี้

เนื่องจาก...

ชูเหลียงเบนสายตามอง เขายิ้มกว้างและเดินเข้าไปหาหลิวเสี่ยวยู่เอ๋อ

เมื่อเด็กสาวลุกขึ้น เธอก็เงยหน้าขึ้นมองเต่าขนาดยักษ์ด้วยสีหน้าสับสนเล็กน้อย

"เต่ายักษ์ตัวนั้นคิดจะกลืนกินเจ้า แต่ข้าช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้" ชูเหลียงกล่าว

"อ๊า.." หลิวเสี่ยวยู่เอ๋ยตกใจร้อง แล้วพูดว่า "ขอบคุณเจ้าค่ะ"

"เขาปฏิเสธที่จะปล่อยเจ้าไป ข้าก็เลยฆ่าเขาเพื่อกำจัดอันตรายอาจเกิดขึ้น" ชูเหลียงเสริม

เด็กสาวอุทาน "โอ้โห..." อีกครั้ง จากนั้นเธอพูดว่า "ท่านช่างเป็นคนดีจริงๆ "

"แต่ เจ้าคงต้องตอบแทนข้าสักเล็กน้อยกระมัง" ชูเหลียงยังคงเกลี้ยกล่อม

เห็นได้ชัดว่าเพียงแค่การแสดงเป็นคนดีคนหนึ่งไม่ได้มีประโยชน์อะไรเลย

"เอ๊ะ" หลิวเสี่ยวยู่เอ๋อเอียงหัว "ท่าน.. ท่านต้องการสิ่งใดจากข้า"

"ข้าต้องการให้เจ้า.." ชูเหลียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "..หลับตาแล้วภาวนาให้ความปรารถนาของข้าเป็นจริง"

"หือ"

หลิวเสี่ยวยู่เอ๋อรู้สึกงุนงง เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นี่อาจจะเป็นครั้งแรกของเธอที่ได้ยินคำขอที่แปลกขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม หญิงสาวผู้อ่อนน้อมก็ทำตาม เธอค่อยๆ หลับตาลงเงียบๆ หวังให้ความปรารถนาดีๆ ของคนดีคนนี้เป็นจริง

จิตของชูเหลียงรวมกับสัมผัสศักดิ์สิทธิ์และเข้าไปในเจดีย์ขาว

เมื่อข้าได้รับคำอวยพรจากปลาคาร์ปแล้ว ไม่มีเวลาใดที่ดีไปกว่าเวลานี้อีกแล้ว!

ร่างทองคำของเต่าขนาดมหึมาเติมเต็มพื้นที่ทั้งห้องขังทั้งหมด ชูเหลียงเดินเข้าไปและสัมผัสคำว่า "ชำระล้าง" โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย

ในเวลาเดียวกัน เขาไตร่ตรองว่ารางวัลใดจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด เขาได้รับของวิเศษ เครื่องราง และยาไปก่อนหน้า

เขาเลยพูดในใจว่า "ขอให้พรของปลาคาร์ฟส่งผลดีแก่ข้าเถิด"

แสงสว่างจ้าระยับปรากฏขึ้น แผ่นหยกที่ห่อหุ้มด้วยแสงสีขาวพุ่งออกมาและตกลงบนฝ่ามือของชูเหลียง

ชูเหลียงรู้สึกประหลาดใจมาก เขาคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าของพรของปลาคาร์ฟจะมีผลลัพธ์ในทางบวก แต่เขาไม่คาดคิดว่ามันจะมีประสิทธิผลได้เพียงนี้

[คาถากำจัดความชั่วร้าย: ทักษะจากสวรรค์นี้ใช้ได้เพียงวันละครั้งเท่านั้น ประสิทธิภาพจะมีการรับประกันก็ต่อเมื่อร่ายคาถาใส่คนที่ระดับพลังปราณต่ำกว่าผู้ร่ายเท่านั้น ผู้ที่โดนคาถาจะถูกกำจัดความโกรธทั้งหมดและให้อภัยการกระทำก่อนหน้านี้ของผู้ร่ายในช่วงเวลาสั้นๆ]

"หืม"

สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ดูเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่ชูเหลียงกลับขมวดคิ้วเมื่ออ่านคำอธิบาย

คาถาที่ใช้ลบล้างความโกรธออกจากเป้าหมายได้ทันทีงั้นหรือ..

สิ่งนี้ดูเหมือนจะไม่เป็นประโยชน์มากนักเมื่ออยู่การต่อสู้ แต่มันคงจะดีมากสำหรับการไกล่เกลี่ยข้อโต้เถียง

ในขณะเดียวกันนั้น หลังจากที่แผ่นหยกหลงไปหยุดอยู่ในมือของชูเหลียง แผ่นหยกก็กลายร่างเป็นลูกแก้วแสงสว่าง มันแทรกซึมเข้าไปในร่างของเขา และคลื่นแห่งความคิดก็หลั่งไหลเข้าสู่จิตใจของเขาทันที

ปรากฏว่าวิชาคาถาที่เจดีย์ขาวให้เขามานั้นไม่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ มันกลับกลายเป็นว่าเขาสามารถบรรลุมันได้โดยทันที

นั่นเป็นเรื่องดี อย่างน้อยข้าก็สามารถประหยัดเวลาได้

ยังไม่ทันที่เขาจะคิดต่อไป เขาก็ได้ยินคนตะโกนเรียก "ชูเหลียง ท่านเป็นคนที่ทำเช่นนี้หรือ"

ชูเหลียงลืมตาขึ้นดู เขาเห็นหลินเป่ยกำลังโจนเข้ามา

"ข้าอยู่ที่อื่นค่อนข้างไกลออกไปก่อนหน้า แต่ข้าเห็นเต่าตัวยักษ์ปรากฏออกมาจากตรงนี้ แล้วก็โดนพลังกระบี่อันมหาศาลจัดการ ท่านเป็นผู้จัดการมันหรือ" หลินเป่ยถาม

"ใช่แล้ว.." ชูเหลียงพยักหน้าตอบรับ "นั่นคือปีศาจเต่าชั่วร้ายที่ก่อเหตุร้ายไว้มากมาย มันหมายจะกลืนกินหลิวเสี่ยวยู่เอ๋อ ฉะนั้นข้าเลยต้องลงมือ"

"ท่านใช้กระบี่เวทมนตร์อันทรงพลังเช่นนี้ได้อย่างไร" หลินเป่ยถาม "ข้าได้เป็นพยานพร้อมกับเหล่าศิษย์จากโรงเรียนดนตรีใต้ พวกเขาประหลาดใจกันหมดเลย"

"ข้าทำได้เพียงครั้งเดียว ข้าใช้มันบ่อยมืได้" ชูเหลียงอธิบายอย่างไม่แยแส "ถ้าข้าใช้พลังที่ทรงพลังเช่นนั้นตลอดเวลา ข้าจะอยู่ยงคงกระพันไปเลยใช่หรือไม่"

"คงอย่างนั้น"

เมื่อได้ยินคำอธิบายของชูเหลียงมาพอประมาณ หลินเป่ยจึงไม่สงสัยอะไรอีกต่อไป

เขาเพิ่งรู้มาเมื่อสองวันก่อนว่าชูเหลียงเพิ่งก้าวเข้าสู่ช่วงปลายของการตระหนักรู้ทางจิตวิญญาณ แต่ระดับพลังที่ชูเหลียงแสดงออกมานั้นเหนือกว่าระดับปัจจุบันของเขาไปไกลมาก ดังนั้นแม้ชูเหลียงจะอ้างว่าพลังนั้นเป็นของเขา หลินเป่ยก็ไม่เชื่อ

เขาคาดว่ามันต้องเป็นเพราะของวิเศษบางอย่างที่ช่วยเสริมพลังของเขา ส่วนเหตุที่ชูเหลียงถึงได้มีของวิเศษช่วยชีวิตมากมายนั้น หลินเป่ยคิดว่าตอบได้ไม่ยาก

ชูเหลียงเป็นศิษย์คนเดียวของยอดเขาหยินเจี้ยน ในขณะที่เขาเป็นเพียงหนึ่งในศิษย์จำนวนมากของยอดเขายู่เจียน ดังนั้นแต่ละคนจึงได้รับทรัพยากรที่จำกัดอย่างมาก หลินเป่ยจึงไม่สงสัยเลยที่ชูเหลียงซึ่งเป็นศิษย์เพียงคนเดียวของยอดเขาจะได้รับทรัพยากรมามากมายเพียงใด

หลินเป่ยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาชูเหลียงเล็กน้อย

คงดีมากหากได้เป็นศิษย์ของยอดเขาหยินเจี้ยน..

หลังจากพูดคุยกับชูเหลียงได้สักพัก หลินเป่ยก็หันไปมองหลิวเสี่ยวยู่เอ๋อและถาม "เจ้าไม่เป็นไรนะ"

หลิวเสี่ยวยู่เอ๋อทำปากยื่นและตอบ "ข้าหิว"

“ฮ่าๆๆๆ ไปกินของอร่อยๆ กันเถอะ” หลินเป่ยพูดพลางหัวเราะและโบกมือ

ทั้งสามคนมุ่งหน้าออกไปกินข้างนอก สำหรับปัญหาเรื่องวิธีการทำความสะอาดลานบ้านนั้น โดยธรรมชาติแล้วพวกเขาก็ทิ้งให้เป็นหน้าที่ของคนในตระกูลหลี่..

..เมื่ออาหารพร้อมแล้ว ทั้งสามก็มานั่งรับประทานอาหารกันในโถงขนาดใหญ่ หลินเป่ยกับหลิวเสี่ยวยู่เอ๋อมุ่งมั่นกิน บางครั้งก็พูดคุยกันสองสามคำ

มีเพียงชูเหลี่ยงเท่านั้นที่เหมือนหมกมุ่นอยู่คนเดียว ความคิดทั้งหมดของเขาจดจ่ออยู่กับคาถากำจัดความชั่วร้ายที่เขาเพิ่งได้มาใหม่

ทักษะแปลกประหลาดนี้เมื่อใช้แล้วจะเป็นเช่นไรกัน มันจะมีประสิทธิภาพจริงอย่างที่ว่าหรือไม่

ด้วยความทนไม่ไหวกับความอยากรู้อยากเห็น ชูเหลียงจึงมองไปที่หลินเป่ยที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหาร แล้วก็เรียกเขา "นี่"

"หึม" หลินเป่ยครางออกมาขณะเงยหน้าขึ้น

ทันใดนั้น ชูเหลียงก็เอื้อมมือไปคว่ำชามตรงหน้าหลินเป่ยด้วยความเร็วราวสายฟ้า ส่งพวกมันร่วงหล่นลงพื้นแตกกระจาย

"เจ้าทำอะไรน่ะ" หลินเป่ยถาม

เขาตกใจและสับสนมากจนมีความโกรธเคืองแสดงอยู่ในสายตาของเขา

มืออีกข้างหนึ่งของชูเหลียงเคลื่อนไหวอย่างลับๆ เขาใช้คาถากำจัดความชั่วร้ายใส่หลินเป่ยทันที

แสงสีเขียวที่ปรากฏให้เฉพาะชูเหลียงมองเห็นได้สาดลงบนศีรษะของหลินเป่ยพร้อมกับความสว่างจ้า เมื่อแสงของแสงสีเขียวแผ่ปกคลุมหลินเป่ย ความโกรธในดวงตาของเขาก็หายไปในทันที

"หืมม..." หลินเป่ยพูดขึ้นพร้อมกับขมวดคิ้ว ด้วยอาการสับสนอย่างมาก และกล่าวพึมพำกับตัวเอง "ชูเหลียงพลิกคว่ำอาหารของข้าซะอย่างนั้น นี่ไม่มีเหตุผล มันทำให้ข้าโกรธมาก แต่ว่าเขาก็เป็นเพื่อนที่ดีของข้า เขาต้องมีเหตุผลพิเศษแน่ๆ ที่ทำให้เขาทำเช่นนั้น"

"แน่นอนว่าข้าจะให้อภัยเขา"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด