ตอนที่ 6 ลู่เหยา

ตอนที่ 6 ลู่เหยา

ตระกูลลู่ตั้งอยู่ในมุมที่ห่างไกลของดินแดนตงหวง แม้ว่าตอนนี้จะตกต่ำลง แต่ก็ยังมีชื่อเสียงอยู่ในรัศมีสามร้อยลี้

มีเพียงไม่กี่นิกายเท่านั้นที่มีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่ทรงพลังที่สามารถเปรียบเทียบกับตระกูลลู่ได้

เมืองเทียนหมิงเป็นที่ตั้งของตระกูลหลักของตระกูลลู่ ในฐานะกองกำลังที่ทรงพลังที่สุดในเมืองเทียนหมิง ตระกูลลู่ย่อมไม่เคยถูกใครยั่วยุ แต่วันนี้…

ปัง!

จู่ๆ ประตูห้องโถงก็ถูกเปิดออก และศิษย์คนหนึ่งของตระกูลลู่ก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

"เกิดอะไรขึ้น?" แม้ว่าการถูกขัดจังหวะขณะฝึกฝนถือเป็นเรื่องต้องห้าม แต่ลู่ซวนก็ยังคงถามอย่างใจเย็น

เขารู้ว่าถ้าไม่มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ศิษย์คนนี้คงไม่ตื่นตระหนกถึงขนาดนี้

“เจ้าสำนัก ศิษย์พี่หญิงถูกคนจากศาลาซิงหยู่จับตัวไป และพวกเขาก็ปล้นชิงข้องภายในร้านของเราด้วย” ศิษย์คนนั้นพูดด้วยสีหน้าหวาดกลัว แต่คำพูดของเขาก็ยังชัดถ้อยชัดคำ

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ” ลู่ซวนโกรธมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเขามืดครึ้มอย่างยิ่ง

ลู่เหยาเป็นน้องสาวคนเดียวของลู่ซวน เธอฉลาดมาตั้งแต่เด็ก และเป็นที่รักของตระกูลลู่

เพียงเพราะเธอไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกฝน เธอจึงถูกส่งออกไปดูแลร้านค้าของตระกูลลู่ และดูแลกิจการของตระกูลลู่

“ไปหาผู้อาวุโสสามกับข้า!” หลังจากที่ลู่ซวนออกคำสั่ง เขาก็รีบวิ่งออกไปด้วยความโกรธ

หลังจากนั้นไม่นาน ร่างของลู่ไห่ก็ปรากฏขึ้นข้างๆ ลู่ซวน ทั้งคู่ดูโกรธเกรี้ยว โดยมีจิตสังหารปรากฏในสายตาของพวกเขา

“นายน้อย ศาลาซิงหยู่ต้องมีเจตนาร้ายเป็นแน่ พวกเขากำลังทดสอบเราอยู่!” ผู้อาวุโสสามสูดหายใจลึก จากนั้นระงับความโกรธในใจ และพูดกับลู่ซวน

“พวกเขาเป็นแค่ตัวตลกกลุ่มหนึ่ง น่าจะเป็นเพราะเห็นว่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำเพียงคนเดียวของตระกูลเราเสียชีวิตลง พวกเขาจึงกล้าทำเช่นนี้!” ลู่ซวนพูดอย่างเย็นชา แต่มีแสงสีทองสาดส่องออกจากดวงตาของเขา

คนของศาลาซิงหยู่ไม่ใช่คนโง่ พวกเขารู้ว่าตระกูลลู่มีภูมิหลังที่ลึกล้ำ แต่ก็ยังกล้าที่จะมายั่วยุ จึงเห็นได้ชัดว่จะต้องมีแผนการอะไรบางอย่าง

เมื่อนึกถึงชายชุดดำที่เป็นผู้เชี่ยวชาญวิญญาณแรกเริ่มในตอนที่ตระกูลลู่ถูกโจมตีเมื่อไม่กี่วันก่อน ลู่ซวนก็คาดเดาบางอย่างได้ในใจ

“เราไม่ควรชักช้า ต้องรีบออกเดินทางโดยเร็วที่สุด” แม้ว่าเขาจะรู้ว่านี่อาจเป็นกับดัก แต่ผู้อาวุโสสามยังคงพูดโดยไม่ลังเล

ตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นกว่าเดิมมาก ความมั่นใจของลู่ไห่จึงเพิ่มสูงขึ้น

ตราบใดที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญวิญญาณแรกเริ่มเข้ามาสอด เขารู้สึกว่าด้วยความแข็งแกร่งของตน การจัดการเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก

ลู่ซวนพยักหน้า จากนั้นนำผู้อาวุโสสามมุ่งตรงไปที่ศาลาซิงหยู่

ทั้งสองคนนั้นรวดเร็วมาก และตอนนี้พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำแล้ว พวกเขาจึงสามารถบินไปในอากาศได้

เมื่อบินมาได้ครึ่งทาง และอยู่ห่างจากศาลาซิงหยู่ไม่น้อย ทั้งสองก็หยุด และมองที่แห่งหนึ่งด้วยสายตาเย็นชา

ที่นั่นมีคนกลุ่มหนึ่งมารวมตัวกันเพื่อคุ้มกันผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตางดงาม

“หัวหน้า แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะสวย แต่เธอไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ จะมีประโยชน์อะไรในการจับกุมตัวเธอ?” ชายคนหนึ่งถามด้วยความสับสน

“เจ้าไม่ต้องถามมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งหมดนี้เป็นคำสั่งจากเบื้องบน เรามีหน้าที่แค่ทำตามคำสั่ง” ผู้นำชายในชุดคลุมดำกล่าวอย่างสบายๆ

ลู่เหยากัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าของเธอซีดมาก แต่จู่ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในใจของเธอ

เธอรู้ว่าพี่ชายของเธอรักเธอมาก หากศาลาซิงหยู่ใช้เธอเพื่อเป็นตัวล่อ ตระกูลลู่จะต้องตกอยู่ในอันตรายจริงๆ

ดังนั้น เธอจึงมีความคิดที่จะฆ่าตัวตาย

ตอนที่ลู่เหยากำลังจะตัดสินใจ และกัดลิ้นของตนเพื่อฆ่าตัวตาย ทันใดนั้นเธอก็เห็นร่างที่คุ้นเคยสองร่างปรากฏในระยะสายตา

“ศาลาซิงหยู่ พวกเจ้าช่างอวดดีเสียจริง คิดว่าตระกูลลู่ของข้าไม่มีใครแล้วงั้นรึ!” เสียงที่เย็นชาดังมาจากท้องฟ้า

“ใคร?” กลุ่มคนที่มาจากศาลาซิงหยู่มองดูท้องฟ้าด้วยสีหน้าตกใจ

“สองผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ?” ดวงตาของชายชุดดำที่เป็นผู้นำกลุ่มหดตัวลง และเขารู้สึกหวาดกลัวอย่างยิ่ง

แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะไม่ต่ำ แต่เป็นเพียงก่อตั้งรากฐานขั้นกลางเท่านั้น ไม่มีทางที่จะต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้

ลู่ซวนขี้เกียจจะพูดเรื่องไร้สาระกับคนเหล่านี้ เขาลงมาที่พื้นโดยตรง และตบชายสองคนที่อยู่ถัดจากลู่เหยาจนตาย

"พี่ชาย..." ในที่สุดลู่เหยาก็สงบลงเมื่อเห็นการปรากฏตัวของคนคุ้นเคย

“น้องสาวหลับตาลง” เสียงของลู่ซวนดังมาถึงหูของเธอ แม้ว่าลู่เหยาจะสับสนเล็กน้อย แต่เธอก็ยังคงเชื่อฟัง

“ผู้อาวุโสสามมาลงมือกันเถอะ” ลู่ซวนหันไปมองลู่ไห่ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา ด้วยจิตสังหารในดวงตาของเขาที่เอ่อทะลักออกมา

“ขอรับนายน้อย!” ผู้อาวุโสสามพยักหน้า จากนั้นเดินตรงไปยังกลุ่มชายชุดดำ

ลู่ซวนเปิดการโจมตีโดยไม่ลังเล ดาบศักดิ์สิทธิ์ทั้งหกเล่มนั้นเต็มไปด้วยปราณดาบ และคร่าชีวิตศัตรูทุกคนได้อย่างง่ายดาย

ดาบเปลวเพลิงลุกโชน และพลังที่น่าสะพรึงกลัวก็ระเบิดออกมา สังหารชายในชุดคลุมดำที่เป็นผู้นำกลุ่มโดยตรง

กลุ่มคนที่เคยมีจำนวนมากกว่าสิบคนถูกสังหารโดยไม่อาจโต้ตอบอะไรได้ภายในเวลาเพียงสิบลมหายใจ สุดท้ายมีเพียงคนเดียวที่ยังรอดชีวิตอยู่

"กลับไปบอกศาลาซิงหยู่ว่าเรื่องคราวนี้พวกเจ้าต้องจ่ายด้วยเลอก อีกสามวัน ข้าจะมาเยี่ยมพวกเจ้าด้วยตนเอง!" ลู่ซวนตะคอกอย่างเย็นชา แสดงถึงความสง่างาม และอำนาจครอบงำของการเป็นผู้นำตระกูลลู่

“ขอรับ…ขอรับ!” คนที่รอดชีวิตตกใจมากเมื่อเห็นว่าลู่ซวน และผู้อาวุโสสามนั้นโหดร้ายเพียงใด เขากลืนน้ำลายแล้ววิ่งหนีเอาชีวิตรอด หายลับตาไปอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยว ข้าสั่งให้เจ้าไปที่ศาลาซิงหยู่เพื่อแจ้งข่าว ทำไมเจ้าถึงวิ่งไปในทิศทางตรงกันข้าม? หากเจ้าไม่อยากตายก็ทำตามที่ข้าสั่งซะ!” ร่างของลู่ซวนปรากฏตัวอีกครั้งตรงหน้าอีกฝ่ายแล้วพูดขึ้น

ชายคนนี้อาจจะตกใจมาก และวางแผนที่จะหลบหนี ไม่กล้ากลับไปที่ศาลาซิงหยู่

เมื่อได้รับคำเตือน ชายผู้เหลือรอดดูหดหู่ใจเล็กน้อย แต่เขาพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง และมุ่งตรงไปที่ศาลาซิงหยู่อย่างซื่อสัตย์

“น้องสาว เจ้าสามารถลืมตาได้แล้ว” ลู่ซวนยิ้มเล็กน้อยให้ลู่เหยา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

ลู่เหยาได้กลิ่นเลือดที่อบอวลไปทั่วแล้ว หลังจากที่เธอลืมตาขึ้น เธอก็เห็นภาพที่เหมือนกับนรก

มีศพอยู่ทุกหนทุกแห่ง และเลือดย้อมพื้นเป็นสีแดงฉาน ทำให้มันดูน่ากลัว

"พี่ชาย..." แม้ว่าเธอจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่ลู่เหยาก็ยังคงตกใจเมื่อเห็นเหตุการณ์เช่นนี้

“คนพวกนี้กล้าจับเจ้า ข้าจะปล่อยให้พวกเขาตายง่ายๆ ได้อย่างไร” ลู่ซวนพูดอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าเศร้าหมอง

เมื่อลู่เหยาได้ยินสิ่งนี้ ความรู้สึกอบอุ่นก็ค่อยๆ พวยพุ่งออกมาจากหัวใจของเธอ

"กลับบ้านกันเถอะ" หลู่ซวนยิ้มเล็กน้อยให้ลู่เหยา สีหน้าของเขาอ่อนโยนขึ้นมาก ท่าทางดุร้ายไปโดยสิ้นเชิง

พวกเขาทั้งสามกลับไปที่ตระกูลลู่ในไม่ช้า และลู่เหยาเต็มไปด้วยความสงสัย

แม้ว่าเธอจะไม่สามารถฝึกฝนได้ แต่เธอก็ยังรู้เรื่องเกี่ยวกับการบ่มเพาะมากมาย ท้ายที่สุดเธอก็เป็นบุตรีของตระกูลลู่

แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ชายของเธอถึงแข็งแกร่งขนาดนี้หลังจากที่ไม่ได้เจอเขาเป็นเวลาไม่นานนัก

นอกจากนี้ ยังมีผู้อาวุโสสามซึ่งปกติแล้วดูเหมือนจะยิ้มแย้ม และมีจิตใจดี แต่ทำไมเขาถึงฆ่าคนได้อย่างโหดเหี้ยมถึงขนาดนี้?