ตอนที่ 380 เกิดใหม่จากหยดเลือด (ฟรี)
ตอนที่ 380 เกิดใหม่จากหยดเลือด
แม้ว่าซูหยางจะได้รับข้อมูลเกี่ยวกับหลายๆ สิ่ง แต่ก็เป็นเพียงระดับผิวเผินเท่านั้น โดยไม่มีรายละเอียดเจาะจงใดๆ
การสงวนข้อมูลบางส่วนก็ถือเป็นเรื่องปกติ
ตัวอย่างเช่นตอนนี้ เขาไม่รู้เกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าอนุสาวรีย์แห่งความโกลาหลมากนัก
แต่ในไม่ช้า ซูหยางก็เข้าใจจากคำอธิบายเฉินเทียนเหิง
ง่ายมาก แค่ต้องใช้พลังเต็มที่เพื่อโจมตีใส่อนุสาวรีย์แห่งความโกลาหลแล้วมันจะสะท้อนถึงความแข็งแกร่งโดยประมาณของคนๆ นั้น
สำหรับผู้ฝึกฝนในมิติโกลาหล มีอัจฉริยะ และสัตว์ประหลาดอยู่ไม่น้อย
สิ่งที่ยึดถือคือ ความแข็งแกร่งโดยรวม ไม่ใช่ฐานการบ่มเพาะ
ดังนั้น แม้ว่าสถานการณ์ของซูหยางจะพิเศษ แต่ก็สามารถทดสอบบนอนุสาวรีย์แห่งความโกลาหลได้
เฉินเทียนเหิง และคนอื่นๆ มีความเข้าใจเล็กน้อยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของซูหยาง
เป็นเพราะความเข้าใจบางอย่าง และความจริงที่ว่าซูหยางเป็นสมาชิกของวังเทียนเล่ย
พวกเขาจึงต้องการพูดคุยกับซูหยางให้มากขึ้น และสร้างสายสัมพันธ์
หากซูหยางเป็นเพียงจ้าวแห่งเต๋าขั้นต้นธรรมดา
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นสมาชิกของวังเทียนเล่ยเหมือนกัน พวกเขาก็อาจไม่สนใจซูหยางมากนัก
อย่างมากที่สุด เขาจะช่วยดูแลซูหยางในช่วงเวลาที่เหมาะสม
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน หากต้องการได้รับการยอมรับก็ต้องแสดงคุณค่าของตัวเองออกมา
ตอนนี้ ซูหยางได้แสดงคุณค่าของตนผ่านสิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้ทั้งหมดแล้ว
ร่างโคลนที่น่าสะพรึงกลัว
จ้าวแห่งเต๋าขั้นต้นที่สามารถสังหารจ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงได้ในพริบตาเดียว
สิ่งเหล่านี้ล้วนถูกมองเห็นโดยเฉินเทียนเหิง และคนอื่น ๆ
ข้อมูลนี้ไม่ได้ถูกปกปิด และพวกเขาสามารถเข้าใจข้อมูลผิวเผินเกี่ยวกับซูหยางได้อย่างง่ายดายด้วยการสืบข่าวเพียงเล็กน้อย
ทั้งสามคนออกเดินทางด้วยกัน และมาถึงหน้าอนุสาวรีย์แห่งความโกลาหล
อนุสาวรีย์แห่งความโกลาหลในวิหารโกลาหลถือเป็นแกนหลัก
อนุสาวรีย์แห่งความโกลาหลที่ซูหยางพบในจักรวาลก่อนหน้านี้ล้วนถูกเลียนแบบ และโยนออกไป
อนุสาวรีย์แห่งความโกลาหลจึงถือเป็นสมบัติของวิหารโกลาหล และมันก็ห่างไกลจากความเรียบง่ายอย่างที่ซูหยางคิด
การทดสอบความแข็งแกร่ง พรสวรรค์ และความเข้าใจเป็นเพียงความสามารถพื้นฐานของสิ่งนี้
เนื่องจากเขามาที่นี่เพื่อทดสอบความแข็งแกร่ง ซูหยางก็ก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ลังเลใจ
จากนั้นเขาก็เหวี่ยงดาบออกไปด้วยความคิดเดียว
ซูหยางไม่ได้ออมมือเลยแม้แต่น้อย ดาบเล่มนี้จึงหลอมรวมพลังของรากกฎทั้งสามแสนเส้นเอาไว้!
เหรินเฉิงกง เฉินเทียนเหิงจ้องไปที่ดาบ
เมื่อดาบเล่มนี้ปรากฏขึ้น หัวใจของพวกเขาก็เต้นรัว และสีหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกใจ
ทันทีที่ดาบปรากฏขึ้น พวกเขาก็รู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวของมัน และอันตรายที่มันนำพามา
ดูเหมือนว่ามันจะสามารถคุกคามชีวิตของพวกเขาได้
แต่พวกเขาเป็นถึงจ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงสุด!
ไม่ว่ามันจะคิดยังไง ซูหยางก็เป็นเพียงจ้าวแห่งเต๋าขั้นต้นเท่านั้น นี่มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ?
ครั้งแรกที่ความรู้สึกนี้ปรากฏขึ้น พวกเขาก็ปฏิเสธมันโดยไม่รู้ตัว
โดยคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
รูปลักษณ์ของดาบเล่มนี้เหมือนกับลวดลายบนหลังชุดคลุมของซูหยาง
ดาบนี้พร่างพราวราวกับจักรวาล แต่ก็เต็มไปด้วยความลึกลับเหมือนกับมิติโกลาหล
ลึกลับ ไม่รู้จัก ทรงพลัง
เมื่อพยายามตรวจสอบอย่างลึกซึ้ง พวกเขาก็ค้นพบความจริงที่ทำให้ตกใจมากยิ่งขึ้น
รากกฎที่หลอมรวมอยู่ในดาบเล่มนี้มีมากมายราวกับดวงดาว!
ทันทีที่พวกเขาสัมผัสได้ พวกเขาก็ตกตะลึง พวกเขาไม่สามารถรู้ได้อย่างแน่ชัดว่ามีรากกฎมากมายเพียงใด!
แต่ต้องมีรากกฎอย่างน้อย 100,000 เส้น!
นั่นหมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่าซูหยางได้ผสานกฎนับพันข้อเข้ากับจักรวาลภายใน
เมื่อความจริงนี้ปรากฏขึ้นตรงหน้า
พวกเขาก็มีความคิดเดียวในใจ
ซูหยางบ้าไปแล้วเหรอ?
หากเขาทำเช่นนี้ เขาจะฝึกฝนอย่างไรในอนาคต?
ตอนนี้ซูหยางแข็งแกร่งมากจริงๆ แข็งแกร่งมากจนแม้แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกได้ถึงอันตราย
แต่แล้วในอนาคตล่ะ?
ชั่วขณะหนึ่ง สีหน้าของพวกเขาดูซับซ้อน และไม่รู้ว่าจะพูดอะไร และในที่สุดดาบเล่มนี้ก็ปะทะเข้าใส่อนุสาวรีย์แห่งความโกลาหล
มีเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างกะทันหันบนพื้นผิวของอนุสาวรีย์
แต่ก็ไม่ได้ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนใดๆ
ทันใดนั้น แสงก็พวยพุ่งขึ้นออกมาจากอนุสาวรีย์แห่งความโกลาหล
เป็นแสงสีขาว
ในตอนแรกมันมืดสลัว จากนั้นก็สว่างขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นสิ่งที่ตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง
ข้อความหนึ่งก็ปรากฏบนอนุสาวรีย์ด้วย
[ จ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงสุด ]
ความเงียบงัน
บรรยากาศอันแปลกประหลาด
เมื่อเห็นข้อความนี้ เฉินเทียนเหิง และเหรินเฉิงกงก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
จ้าวแห่งเต๋าขั้นต้นที่มีพลังเทียบเท่ากับจ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงสุด!
ใครจะเชื่อเรื่องนี้ หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง
แต่ทันใดนั้น เมื่อพวกเขาก็คิดถึงจำนวนกฎที่ซูหยางผสาน
พวกเขาก็รู้สึกเศร้าใจอยู่พักหนึ่ง
ราคาที่ต้องจ่ายมากมายหมาศาลจนเกินจะรับไหว
ทำไมซูหยางต้องเสี่ยงอนาคตของตัวเอง?
พวกเขาไม่เข้าใจ และไม่ได้พูดอะไรอีก
ตอนนี้เรื่องนี้ได้ข้อสรุปแล้ว ซูหยางได้ผสานกฎจำนวนมาก
หากพวกเขายังคงพูดต่อ มันก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องนี้ และอาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขาด้วยซ้ำ
จะเป็นการดีกว่าถ้าไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งของซูหยางจะไม่ถ่วงแข้งถ่วงขาพวกเขาไว้ในต่อสู้ครั้งนี้อย่างแน่นอน
มันอาจจะช่วยพวกเขาได้มากด้วยซ้ำ
“ผลลัพธ์ค่อนข้างเกินความคาดหมายของข้า”
ซูหยางมองดูข้อความบนอนุสาวรีย์แห่งความโกลาหล และรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เดิมทีเขาคิดว่าความแข็งแกร่งของตนเทียบเท่าได้กับจ้าวแห่งเต๋าขั้นสูง
คิดไม่ถึงว่า ตัวเขาในเวลานี้จะเทียบได้กับจ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงสุดแล้ว
ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองต่ำเกินไป
ไม่ ก่อนหน้านี้จากการต่อสู้ เขาอ้างอิงจากร่างโคลน ไม่ใช่ร่างหลัก
เป็นเรื่องปกติที่จะข้อผิดพลาด
คราวนี้เป็นร่างหลักของเขาที่ลงมือ มันจึงเกิดเรื่องที่เกินความคาดหมาย
แต่ไม่ว่ายังไง ผลลัพธ์ที่ได้ก็ถือเป็นเรื่องดี
ด้วยความแข็งแกร่งของจ้าวแห่งเต๋าขั้นสูงสุด เขาก็แทบไม่ต้องกลัวใครเมื่อเข้าไปในอาณาจักรลับ
จากนั้นเขาก็หันไปมองเฉินเทียนเหิง และอีกสองคน
“สหายทั้งสอง ข้าแข็งแกร่งพอหรือไม่?”
เฉินเทียนเหิงหัวเราะเสียงดัง และพูดว่า "พอแล้ว เมื่อเราเดินทางไปด้วยกัน ผลกำไรที่ได้จะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังต้องเตรียมตัวให้ดี ตอนนี้แยกย้ายกันไปก่อน ไว้ค่อยพบกันใหม่เมื่อถึงเวลาที่อาณาจักรลับเปิดออกแล้ว”
"ตกลง"
หลังจากเห็นความแข็งแกร่งของซูหยางแล้ว ทั้งสองไว้วางใจในตัวเขาไม่น้อย
ความแข็งแกร่งเป็นพื้นฐานของความไว้วางใจ
ไม่ว่าทั้งสองฝ่ายจะคุ้นเคยกันแค่ไหน ที่ๆ พวกเขาจะไปก็เต็มไปด้วยการต่อสู้
อาจมีการทรยศเกิดขึ้น นั้นทำให้พวกเขาไม่สามารถไว้วางใจซึ่งกันและกันโดยไม่รู้อะไรเลยได้
ตอนนี้ ทุกคนมีความแข็งแกร่งเท่ากัน และพวกเขาทั้งหมดเป็นสมาชิกของวิหารโกลาหล
ความไว้วางใจขั้นพื้นฐานก็เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
จากนั้นทั้งสามก็แยกย้ายกันไป
ซูหยางก็กลับไปที่วังของตัวเองเช่นกัน
ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับอาณาจักรลับได้ปรากฏขึ้นในใจของเขา
จุดที่สำคัญที่สุดคือ อาณาจักรลับไม่สามารถเข้าหรือออกตามใจชอบได้ ทุกคนจะได้เข้าไปพร้อมๆ กัน มีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ดังนั้น ซูหยางจึงต้องเข้าไปด้วยร่างหลัก
เช่นนั้น เขาก็ต้องหาทางรับประกันความปลอดภัยของตัวเอง
โชคดีที่กฎสามพันข้อของเขาสมบูรณ์พร้อมแล้ว
ด้วยความช่วยเหลือจากระบบ เขาสามารถสร้างพลังแห่งกฎเต๋าเพื่อช่วยชีวิตจำนวนมากได้โดยตรง
[ พลังแห่งกฎเต๋าขั้นหนึ่ง : เกิดใหม่จากหยดเลือด ]
[ ความสามารถ : แค่เลือดหยดเดียวก็สามารถนำไปสู่การเกิดใหม่ได้ หลังจากเกิดใหม่ จะอยู่ในสภาวะอ่อนแอหนึ่งหมื่นปี และในช่วงเวลานั้นพลังแห่งกฎเต๋านี้จะไม่สามารถใช้ซ้ำได้ ]
กฎแห่งชีวิต และกฎวิญญาณเป็นปัจจัยหลักในการเกิดใหม่สำหรับเขา
ซูหยางจึงได้ทิ้งเลือดของตัวเองไว้ในวิหารโกลาหล
หากเขาเกิดเสียชีวิตในอาณาจักรลับ เขาก็สามารถเกิดใหม่ในวิหารโกลาหลได้
เพียงแต่ว่าต้นทุนจะสูงสักหน่อย
แต่ตราบใดที่เขาไม่ตาย ราคานี้ เขายอมจ่าย
นี่เป็นทางเลือกสุดท้าย นอกจากนี้ เขายังคิดหาวิธีช่วยชีวิตอื่นๆ อีกมากมาย
พวกมันทั้งหมดสามารถใช้ได้ระหว่างการต่อสู้
แต่เขารู้สึกว่ามันยังไม่จำเป็น
เพราะทันทีที่เขาเข้าสู่อาณาจักรลับ เขาจะซ่อนร่างหลักเอาไว้แล้วปล่อยให้ร่างโคลนลงมือ
เขาจะไม่ยอมให้ร่างหลักเข้าไปเสี่ยงกับสิ่งที่ไม่รู้
นี่คือ แผนการที่เขาวางเอาไว้
หลังจากเสร็จสิ้นการเตรียมการส่วนใหญ่แล้ว ข้อมูลเกี่ยวกับอาณาจักรลับก็ปรากฏขึ้นในใจของซูหยาง
ทุกครั้งที่อาณาจักรลับปรากฏขึ้น วิธีการรับทรัพยากรจะแตกต่างกันตามกฎภายในนั้น
แต่สุดท้ายก็มีคำๆ หนึ่งผุดขึ้นมา
ภารกิจ